ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1088 จักรพรรดิแห่งหมู่มารที่ตายไปแล้ว
“ไม่ว่าจะเป็นมารทองแกหรือสุดยอดมารตำแหน่งอื่น ต่างต้องการเกิดใหม่หลังจากดับสิ้นไป” จักรพรรดิแพรเอ่ยอย่างเรียบเฉย “การเกิดใหม่ของพวกเขาจำเป็นต้องใช้สิ่งมีชีวิตอย่างอื่นเป็นร่างแปลง ล้วนพึ่งพาวาสนา ร่างแปลงที่เหมาะสมบางทีอาจอยู่ข้างหน้า ถ้าหากไม่มี เช่นนั้นต่อให้รออีกพันปีก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
เมิ่งหว่านลังเล ถามเสียงเบา “แบบไหนจึงนับว่าเหมาะสม”
จักรพรรดิแพรตอบ “นั่นกลับไม่แน่นอน ต้องดูกายเนื้อและวิญญาณว่าเหมาะสมหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับพลังฝึกปรือ ไม่เกี่ยวกับพรสวรรค์ด้านวรยุทธ์ ดังนั้นจึงยากจะคาดเดา”
เขาพลันยิ้มขึ้น “ในพวกเราสี่คนที่อยู่ที่นี่ก็ยากจะบอกว่ามีคนที่เหมาะสมหรือไม่”
เมิ่งหว่านได้ยินวาจานี้ของบิดา กลับไม่มีการตอบสนองใดๆ เป็นพิเศษ แต่มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างเป็นห่วงเล็กน้อย
เยี่ยนจ้าวเกอรู้ว่านางกำลังเป็นห่วงเฟิงอวิ๋นเซิงอยู่
ความกังวลนี้ใช่ว่าจะไร้เหตุผล
ไม่เพียงแต่มารที่ถูกจัดเป็นหกสุดยอดมารเช่นมารทองแกเท่านั้น ในจอมมารที่อยู่ต่ำกว่าสิบสองมารสวรรค์ก็มียอดฝีมืออยู่ไม่น้อยที่กำลังซ่อนร่องรอย ตามหาร่างแปลง เพื่อฟื้นคืนชีพกลับคืนสู่โลกอยู่เช่นกัน
ในนี้มีย่อมมีผู้มีความสามารถ
สิบสองมารสวรรค์อยู่ห่างไกลจากคนส่วนใหญ่มาเกินไป
จอมมารตนอื่นยังใกล้ชิดยิ่งกว่า และสัมผัสถึงอันตรายได้ง่ายกว่า
เยี่ยนจ้าวเกอระบายลมหายใจยาว พริบตาเดียวเกิดความคิดมากมายแวบผ่าน
“อย่าแตะต้องที่นี่จะดีกว่า มันเป็นทั้งมรดกของคนรุ่นก่อน และยังมีผลขัดขวางการกัดกินมิติของนพยมโลกด้วย” จักรพรรดิไร้จำกัดพูด พร้อมกับมองเยี่ยนจ้าวเกอและจักรพรรดิแพร
พวกเยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ท่านกล่าวมีเหตุผล”
สุดท้ายหลังจากดูประกายกระบี่ที่พันตูกันอยู่นั้นแล้ว พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ผละจากมิติต่างแดนที่เกิดจากจิตกระบี่และสายฟ้าแห่งนี้
พวกเขาเดินลึกเข้าไปในนพยมโลกต่อ แม้แต่จักรพรรดิแพรและจักรพรรดิไร้จำกัดก็เริ่มเพิ่มการระวังตัว
เหล่ามารแห่งนพยมโลกที่โผล่มาด้านหน้าไม่หยุดหย่อนยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง
ถึงแม้จะสร้างความลำบากให้แก่พวกเขาไม่ได้ แต่พร้อมกับที่เข้ามาลึกเรื่อยๆ การได้เจอถึงขั้นที่ดึงดูดจอมมารที่เทียบเคียงได้กับจอมยุทธ์ระดับเซียนมาก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้
ครั้งนี้ในคนทั้งสาม จักรพรรดิแพรได้ใช้ร่างกาลอวกาศกำเนิด เหมือนกับความว่างเปล่าและภาพมายา คล้ายจริงคล้ายปลอม
จักรพรรดิไร้จำกัดได้ศึกษาคัมภีร์นภาครอบจักรวาล ซึ่งอยู่ในคัมภีร์นภาแรกเริ่มสายหยกพิสุทธิ์ มีการเปลี่ยนแปลงไร้สิ้นสุด ถนัดในการซ่อนเร้น
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ใช้พื้นฐานของคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต แต่โคจรให้วิชาแทนเงาวิชาแรกและวิชาไร้ขอบเขตวิชาที่สิบสองในสิบสองวิชาประกายกาฬประสานกัน ทำให้ซ่อนตัวจนยากจะค้นหาได้เหมือนกัน
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงเคลื่อนไหวกันให้เงียบที่สุด ไม่ดึงดูดความสนใจของจอมมารระดับสุดยอดที่อยู่ไกลออกไป
เพียงแต่ว่า คิดจะตามหาร่องรอยของเฟิงอวิ๋นเซิงในนพยมโลก ยากเสียยิ่งกว่ายาก
พวกเยี่ยนจ้าวเกอได้แต่ลองเสี่ยงจับมารนพยมโลกมา หาวิธีเค้นข่าวของเฟิงอวิ๋นเซิง หวังว่าจะมีมารที่เคยเจอเฟิงอวิ๋นเซิง
มารแห่งนพยมโลกถ้าไม่กระหายเลือดบ้าคลั่ง น่าประหวั่นพรั่นพรึง ก็เจ้าเล่ห์สุดแสน กุเรื่องโกหก คิดจะเค้นเอาข้อมูลที่มีประโยชน์จากพวกมัน ไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ
ทัณฑ์ทรมานมากมายสำหรับมนุษย์ กลับไม่ค่อยมีผลต่อมารแห่งนพยมโลกนัก ที่นี่เป็นดินแดนของนพยมโลก ยากจะกระทำอย่างเอิกเกริก
สุดท้ายก็จับมารที่เคยสู้กับเฟิงอวิ๋นเซิงได้จริงๆ อีกฝ่ายมีนิสัยบ้าคลั่งแต่ไม่ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะ ในที่สุดเยี่ยนจ้าวเกอก็ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์มาจำนวนหนึ่ง
สำหรับมนุษย์ที่เข้ามาในนพยมโลกตัวคนเดียวเช่นเฟิงอวิ๋นเซิงแล้ว จอมมารตนนี้มีความประทับใจล้ำลึกยิ่ง
บนร่างของมันจนถึงตอนนี้ยังมีบาดแผลที่ไม่สมาน ไม่อาจทำให้มันลืมคู่ต่อสู้คนนั้นได้
พวกเยี่ยนจ้าวเกอเดินหน้ากันต่อตามข้อมูลที่ได้มาจากจอมมารตนนี้
บนดินแดนของนพยมโลกที่เป็นสีดำสนิทตรงหน้าพลันปรากฏเถ้าถ่านนับไม่ถ้วน เปลวเพลิงลุกไหม้ลามขยายอยู่ระหว่างฟ้าดินอันขมุกขมัว เหมือนกับไม่มีที่สิ้นสุด
เพียงแต่ว่าทั้งๆ ที่ตรงหน้าเป็นทะเลเพลิง แต่โลกใบนี้กลับยังคงเย็นเยียบและมืดมน
แสงไฟไม่อาจขยับไล่ความสงบนิ่งที่เกิดจากความเย็นเยียบมืดมิด กลับทำให้คนรู้สึกได้ถึงลางร้าย
“ที่นี่เหมือนกับที่อยู่ของจักรพรรดิมารแห่งนพยมโลก” จักรพรรดิไร้จำกัดทอดสายตามองไป สำรวจอยู่ครู่หนึ่งถึงค่อยเอ่ยขึ้น
ปากแม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่ฝีเท้าไม่มีการหยุดนิ่งแม้แต่น้อย เหยียบใส่เถ้าถ่านบริเวณนั้น
จักรพรรดิแพรยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้หยุดลงเหมือนกัน เดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปพร้อมกับจักรพรรดิไร้จำกัด
เมิ่งหว่านมองดูทะเลเพลิงเถ้าถ่านนั้นพลางพึมพำ “กลับดูคล้ายปีศาจอัคคีในอดีตอยู่บ้าง”
เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งเดิน ทางหนึ่งอธิบาย “ปีศาจอัคคีที่สร้างความวุ่นวายบนโลกแปดพิภพของพวกเราในตอนนั้นไม่ใช่มารจากนพยมโลก แต่เป็นปีศาจธาตุไฟก่อนกำเนิดโลก แต่ว่าต้นกำเนิดของพวกมันแปดเปื้อนจิตมารเช่นกัน ดังนั้นการเรียกพวกมันว่าปีศาจอัคคีจึงไม่ถือว่าเกินเลย”
ชายหนุ่มอธิบายอีกว่า “หากสืบสาวไปถึงต้นตอ จิตจริงแท้อันเป็นพลังงานของมันล้วนมาจากจักรพรรดิมารอัคคีที่เป็นยอดฝีมือก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ชื่อของจักรพรรดิมารจริงแท้ สมควรเรียกว่าจักรพรรรดิอัคคีสวรรค์ แต่ว่ากันว่าต่อมาเขาได้ศึกษาวิถีมาร ถึงจะไม่ได้กลายเป็นมาร แต่ก็เดินบนเส้นทางนั้นลึกยิ่ง ดังนั้นจึงมีข้อถกเถียงไม่น้อย”
เมิ่งหว่านพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“แต่เขาไม่เกี่ยวข้องกับจอมมารที่ครองตำแหน่งไฟเปี้ย” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ในประวัติศาสตร์ มารไฟเปี้ยเคยให้กำเนิดปีศาจอัคคี มารอาทิตย์และมารร้อน ที่โลกแปดพิภพของเราเรียกปีศาจอัคคี ก็เพราะต้องการบรรยายลักษณะเด่นกับนิสัยของมันเท่านั้น”
เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งหว่านก็พยักหน้า “คนบนโลกแปดพิภพเกรงว่าจะไม่มีใครรู้จักหกสุดยอดมาร ย่อมไม่รู้จักมารไฟเปี้ยแล้ว”
ได้ยินวาจาของนาง เยี่ยนจ้าวเกออดหัวเราะไม่ได้ เมิ่งหว่านยิ้มเล็กน้อย “ไม่รวมศิษย์พี่เยี่ยนท่าน”
ถึงแม้ใบหน้าจะแต้มด้วยรอยยิ้ม แต่สุดท้ายตรงหว่างคิ้วก็ยังขมวด สายตามองเถ้าถ่านที่รกร้างไปล้านล้านลี้
ทุกคนบรรลุถึงบริเวณแกนกลางของที่นี่อย่างรวดเร็ว
บนเถ้าถ่านกลับไม่เห็นมารตัวอื่น คล้ายกับไม่กล้ารุกล้ำสถานที่แห่งนี้
ไม่ทันไร ตำหนักมารขนาดมหึมาก็ปรากฏตรงหน้าพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
ตำหนักทั้งหลังล้วนสร้างจากเปลวเพลิง สูงสักพันจั้ง กำแพงและสิ่งก่อสร้างบริเวณรอบๆ ตำหนักต่างลุกไหม้ ทำให้คนเกิดความสะพรึงกลัว
“ศิษย์พี่เฟิงเข้าไปในนี้หรือ” เมิ่งหว่านเข้ามาพร้อมกับจักรพรรดิแพร จักรพรรดิไร้จำกัดและเยี่ยนจ้าวเกอไม่กลัวภาพตรงหน้า สายตามองดูตำหนักมารเปลวเพลิงที่เหมือนกับดินแดนของคนยักษ์ พลางพิจารณาขึ้ตั้งแต่ด้านบนลงด้านล่าง
จักรพรรดิแพรกับจักรพรรดิไร้จำกัดกลับสบตากัน “ไฉนจึงดูเหมือนมีแค่เปลือกนอก จักรพรรดิมารของที่นี่ไม่อยู่หรือ ออกไปด้านนอกหรือตายไปแล้วกันแน่”
ด้านนอกผืนดินไหม้เกรียมของเขตมาร เป็นเพราะการสะกดจากปราณมารที่แข็งแกร่ง จึงข่มขวัญไม่ให้เหล่ามารด้านนอกเข้าใกล้
แต่ว่าด้านนอกน่ากลัวด้านในผ่อนคลาย พอมาถึงด้านในนี้จริงๆ ก็เห็นถึงส่วนที่ไม่ปกติทันที
‘อวิ๋นเซิงมาที่นี่ไม่ใช่ไร้เหตุผลจริงๆ…’ เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตา
ทุกคนไม่ลังเล ก้าวเข้าไปด้านในทันที
ตำหนักมารเปลวเพลิงที่ยิ่งใหญ่ว่างเปล่า
จนถึงตอนที่ทุกคนมาถึงกลางตำหนักหลังของตำหนักมาร จึงค่อยสัมผัสได้ถึงการกระเพื่อมของปราณมารอันน่าตะลึง
ทว่าคล้ายกับถูกสะกด ไร้สิ้นหนทาง อ่อนแอผิดปกติ
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “กลิ่นอายเหมือนกับตำหนักแผ่นดินเกรียมไม่ผิดเพี้ยน เป็นจักรพรรดิในหมู่มาร เจ้าของเดิมของที่นี่ ดูท่าทางหลังจากถูกคนสังหารกลับไม่ตาย เขาคืนชีพขึ้นที่นี่ แต่การคืนชีพนี้กลับถูกคนสะกดไว้ ทำไม่สำเร็จ”
จักรพรรดิไร้จำกัดสัมผัสการเปลี่ยนแปลงของปราณมารอย่างละเอียด “ตายมานานแล้ว เกรงว่าจะเป็นเรื่องเมื่อหลายพันปีก่อน ผู้ใดเป็นคนทำกัน”
………………..