ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1126 ได้รับการสืบทอดสายเอกพิสุทธิ์
ถึงแม้จะทราบว่าเรื่องราวหลังจากมาถึงขั้นนี้ ทางผากิเลนน่าจะลอบให้การดูแลสองพี่น้องตระกูลเฉิน
เหมือนกับที่รับทัณฑ์ทะลวงดาบในผาบัวแดงบนยอดเขาอัศจรรย์ แม้นจะบอกว่าไม่หลบเลี่ยงจุดอ่อน เป็นตายขึ้นอยู่กับฟ้า แต่ประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงและจักรพรรดิเอกภพจะต้องไม่ให้คนของยอดเขาอัศจรรย์แตะต้องส่วนที่ทำใหเฉินเฉียนหัวถึงตายแน่นอน
บาดเจ็บสาหัสได้ แต่ชีวิตต้องเหลือไว้
ทว่าถ้ามีโอกาสซ้ำเติมจริงๆ เยี่ยนจ้าวเกอย่อมยินดี
“หลังออกจากยอดเขาอัศจรรย์ เฉินทิศบนสองพี่น้องตำแหน่งไม่ชัดเจน ข้าเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาไปที่ไหน”
หลิวเจิงกู่มองเยี่ยนจ้าวเกอ ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “พวกเขาไม่ได้กลับยอดเขาเฉียนหัว”
เยี่ยนจ้าวเกอแตะนิ้วกับริมฝีปาก “เป็นเช่นนี้จริงๆ ด้วย…”
แม้นเฉินเฉียนหัวจะไม่ใส่ใจ แต่เฉินคุนหัวจะต้องหาสถานที่เข้าฌานรักษาอาการบาดเจ็บให้แก่พี่ชายของตัวเอง เพื่อให้เขาผ่านวันเวลาที่ต้องทนกับอาการบาดเจ็บอย่างสงบสุข
เปลี่ยนเป็นเยี่ยนจ้าวเกอก็คงทำคล้ายๆ กัน กระนั้นก็ยังถามด้วยความคาดหวัง น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ให้โอกาส
เฉินเฉียนหัวใช้คัมภีร์เกิดนภาเป็นรากฐานการฝึกฝน ขณะที่อนุมานสืบสาวคนอื่นๆ ได้ ก็ทำให้ตัวเองเปลี่ยนเป็นคาดเดาไม่ได้ คนอื่นๆ ยากจะใช้วิชาทำนายตามหาร่องรอยของเขาเช่นกัน
นอกเสียจากว่าจะเชี่ยวชาญมรรคาด้านนี้โดยเฉพาะ ขณะเดียวกันก็ต้องมีคนที่มีระดับพลังฝึกปรือเหนือกว่าเขามากลงมือจึงจะมีหวัง
เมื่อซ้ำเติมไม่ได้ เยี่ยนจ้าวเกอแม้จะเสียดายอยู่บ้าง แต่ก็สลัดความคิดทิ้งได้อย่างรวดเร็ว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องราวนับว่าปิดฉากลงแล้ว ข้าขอไปแจ้งข่าวกับท่านพ่อที่ฝั่งทิศใต้ก่อน ผู้อาวุโสหลิวโปรดรักษาตัว”
หลิวเจิงกู่กล่าว “หลายปีมานี้บนโลกซ้อนโลกมีแต่ปัญหาเกิดขึ้นมากมาย สหายน้อยเยี่ยนรักษาตัวให้ดีเช่นกัน การบอกว่าเรื่องราวปิดฉากลงเกรงว่าจะยังไม่แน่ ตามคำพูดของเจ้า ระหว่างจักรพรรดิแพรขาวดำ สุดท้ายแล้วก็ต้องเกิดผลแพ้ชนะ”
“ผู้อาวุโสหลิว…” เยี่ยนจ้าวเกอถามเสียงเบา “ระหว่างจักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวอาภรณ์ดำ ไม่ทราบท่านสนับสนุนฝ่ายไหน”
หลิวเจิงกู่ตอบอย่างตรงไปตรงมา “หากเป็นก่อนถูกธาตุไฟเข้าแทรกจะประเสริฐสุด แต่หากเป็นหลังถูกธาตุไฟเข้าแทรกจะแย่ที่สุด หลังจากแบ่งแยกกันแล้ว ทั้งสองท่านในตอนนี้ความจริงยังบอกไม่ได้ เป็นอย่างที่เจ้าว่า คนหนึ่งยึดถืออารมณ์ ฝ่ายหนึ่งยึดถือผลประโยชน์ ถ้าต้องให้ข้าเลือก กลับเป็นอาภรณ์ดำ อย่างน้อยก็มีศักยภาพในการเติบโต หากโลกซ้อนโลกของเรามีกษัตริย์เพิ่มมาอีกคน ย่อมเป็นเรื่องดี”
การยึดถือผลประโยชน์ไม่ใช่การแสดงออกถึงความเห็นแก่ตัวโดยสิ้นเชิง
ภายใต้เงื่อนไขที่วินิจฉัยว่าผลประโยชน์ของตัวเองทำให้ทุกคนตีตัวออกมา จนทำให้ตนเองได้รับความเสียหายที่สาหัสกว่า จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำใช่ว่าจะไม่ช่วยเหลือคนอื่น
เพียงแต่ว่าการช่วยเหลือนี้จะมีทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน
พูดอีกอย่างก็คือ มีบุญคุณต้องทดแทน หรือบอกว่าเป็นการแลกเปลี่ยน
แน่นอนว่า เป็นเพราะไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่นๆ ในตอนที่จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำทำการตัดสินใจในลักษณะคล้ายๆ กัน ก็อาจจะทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการคาดเดาคนอื่นๆ
“ถึงจะยึดถือผลประโยชน์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าแลกเปลี่ยนกันไม่ได้ เมื่อทราบถึงพฤติการณ์ของเขา เพียงเคารพอยู่ห่างๆ หรือว่าต่างคนต่างได้สิ่งที่ต้องการ” หลิวเจิงกู่พูดตรงๆ “กระนั้นหากถามใจของข้าจริงๆ กลับไม่ชมชอบคนเช่นนี้”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มอย่างหนักใจ “จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำหากต้องการพัฒนา จำเป็นต้องสังหารบุตรีสองคนของเขา”
“โอ้?” หลิวเจิงกู่เลิกคิ้วเล็กน้อย “เรื่องนี้สหายร่วมเส้นทางหวังแห่งผากิเลนกลับไม่ได้พูดถึง แต่เมื่อลองคิดดูให้ละเอียด ถ้าหากจักรพรรดิแพรเดินบนเส้นทางไร้รักจริงๆ คล้ายกับต้องก้าวเท้าก้าวนี้”
ประมุขอิสานผู้นี้เลิกคิ้วขาวขึ้น “เรื่องกำจัดเลือดเนื้อเชื้อไขนี้ ข้ากลับไม่สนับสนุนแล้ว เพียงแต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงการบรรลุมรรคาของคนอื่น ข้าเมื่อเป็นคนนอกย่อมไม่สะดวกกล่าวอะไร”
การขวางเส้นทางดุจฆ่าบิดามารดา ในโลกใบนี้นับว่าเป็นหนึ่งในความแค้นขั้นสูงสุด
เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ ลอบถอนใจ
ในหมู่ยอดฝีมือระดับสูงบนโลกซ้อนโลกที่ไม่เกิดความขัดแย้งกับจักรพรรดิแพรงาม ความคิดของหลิวเจิงกู่สมควรเป็นตัวแทนได้อย่างชัดเจน เป็นมุมมองของคนส่วนใหญ่
จะอาภรณ์ดำหรืออาภรณ์ขาว ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ไม่สนับสนุน เพียงคอยดูการเปลี่ยนแปลงเงียบๆ ให้พวกเขาตัดสินเอาเอง
นอกจากนี้แล้ว หากมีทิศทางอย่างชัดเจน คนที่สนับสนุนจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำอาจจะมีมากกว่า
เยี่ยนจ้าวเกอบอกลาประมุขอิสาน พาเมิ่งหว่านออกจากเขตสารทอิสาน มุ่งหน้าสู่ฝั่งทิศใต้ผ่านเขตมหานภากลาง
ระหว่างทาง อารมณ์ของเมิ่งหว่านกลับเป็นปกติ “เมื่อเป็นแบบนี้ หากประมุขทิศบนคิดตามหาข้าจะง่ายดายมากหรือ”
“ไม่เพียงแต่เฉินทิศบนเท่านั้น หากบิดาของเจ้าคิดตามหาเจ้าก็ง่ายดายเหมือนกัน แม้เขาจะไม่ถนัดมรรคาการทำนาย แต่พวกเจ้ามีระดับพลังฝึกปรือต่างกันเกินไป” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “ถ้าเจ้าคิดจะไปหาถังหย่งฮ่าวกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นใหม่ในฝั่งทิศใต้ เกรงว่าจะทำไม่ได้”
เขาหันไปมองเมิ่งหว่าน “คำแนะนำของข้าคือ ติดตามข้าไปยังฝั่งทิศใต้ แล้วให้เมฆแปลงกำเนิดของท่านพ่อปกป้องเจ้า”
“ฟู่ถิงอยู่ที่นั่นแล้ว จะหนึ่งหรือสองคนก็ไม่มีอะไรต่าง แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ ยามที่เจ้าพบแม่นางฟู่อาจจะกระอักกระอ่วนบ้าง”
“สุดท้ายก็ต้องมีวันนี้” เมิ่งหว่านถอนใจ
เยี่ยนจ้าวเกอพูด “มิหนำซ้ำ ต่อจากนี้การเคลื่อนไหวของเจ้าจะถูกจำกัด ไม่อาจไปไหนได้ตามใจอีกแล้ว ไม่ทราบว่าเจ้าถือสาหรือไม่”
เมิ่งหว่านกลับไม่ใส่ใจเรื่องนี้ “ชีวิตประสบอันตราย จะถือสาได้อย่างไร เพียงแต่เป็นการเพิ่มปัญหาให้พวกท่าน”
“หาเป็นไรไม่” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า
เพียงแต่เมื่อเป็นเช่นนี้ การเคลื่อนไหวของเยี่ยนตี๋ก็ไม่ได้สะดวกเท่าเดิม
ไม่อย่างนั้นหากคนอื่นสะกดรอยตามเขา ก็อาจจะเจอฟู่ถิงและเมิ่งหว่านสองพี่น้องได้ง่ายๆ
กระนั้นยังไม่เอ่ยถึงว่าเยี่ยนจ้าวเกอได้ตัดสินใจปกป้องหญิงสาวทั้งสองแล้ว หากพูดจากมุมมองอื่น ก็ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์เลย
ตอนที่เขากลับเขตเพลิงทักษิณและได้พบเยี่ยนตี๋ ประโยคแรกของเยี่ยนตี๋ก็คือ “ช่วงนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการตามหาวิชากระแสตรงสายเอกพิสุทธิ์แล้ว”
“ฟู่ถิงแม้นจะเป็นอิสตรี แต่กลับเปิดเผยยิ่ง ไม่ได้คิดแต่เอาผลประโยชน์” เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมาย
เยี่ยนตี๋ใช้เปลงแปลงกำเนิดคุ้มครองฟู่ถิง โดยฟู่ถิงอาศัยอยู่ในเมฆแปลงกำเนิด ย่อมสามารถศึกษาจิตแห่งหลักการที่อยู่ด้านในได้
ถึงแม้ว่าถ้าหากคิดจะศึกษาให้ได้ความลี้ลับของหมัดแปลงกำเนิดเหมือนเยี่ยนจ้าวเกอจะลำบากถึงขีดสุด ทว่าในฐานะจอมยุทธ์กระแสตรงสายเอกพิสุทธิ์ดั้งเดิม เมื่อครอบครองสี่แรกเริ่มก่อนกำเนิดนอกจากแปลงกำเนิด อีกทั้งยังมีพรสวรรค์และสติปัญญาน่าตระหนก ฟู่ถิงย่อมไม่ใช่ว่าไม่ได้รับอะไรเลย
นอกจากนี้ยังไม่เอ่ยถึงการคุ้มครองจากตัวเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ แค่การศึกษาหลักการของแปลงกำเนิด ฟู่ถิงไม่มีทางไม่ซาบซึ้ง
ต่อให้ไม่ได้รับการอนุญาตของจักรพรรดิแพร ฟู่ถิงก็ยังคงตัดสินใจจะแลกเปลี่ยนคัมภีร์วรยุทธ์กับเขากว่างเฉิง
ห้ากำเนิดแรกเริ่มสายเอกพิสุทธิ์ในสายสืบทอดของยอดเขาอัศจรรย์ ขาดเพียงหมัดแปลงกำเนิด
เมื่อมีโอกาสได้รับมา ย่อมต้องเอามาให้ได้โดยไม่คำนึกว่าจะต้องจ่ายราคาเท่าไร
แม้จะเป็นจักรพรรดิแพรที่ยังมีสติแจ่มใสก่อนจะถูกธาตุไฟเข้าแทรก ก็คงตัดสินใจคล้ายๆ กัน
“ครั้งนี้เดิมทีได้รับน้ำใจของสำนักท่าน ตอนนี้ยังต้องขอหมัดแปลงกำเนิดอีก พวกสหายร่วมเส้นทางเยี่ยนได้โปรดให้อภัยด้วย” ฟู่ถิงเห็นเยี่ยนจ้าวเกอก็กล่าวอย่างรู้สึกผิด “หมัดแปลงกำเนิดมีความสำคัญต่อยอดเขาอัศจรรย์ของข้ามากเกินไป”
เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือ “สำนักเราเองก็ได้ประโยชน์ ต่างฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนวรยุทธ์กัน แม่นางฟู่ไม่ต้องใส่ใจ”
เมื่อเว้นวรรคเล็กน้อย เขาก็กล่าวต่อว่า “บิดาเจ้า อืม…ข้าอยากให้จักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวเป็นฝ่ายชนะ”
………………..