ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1151 ดินสูงหนึ่งฉื่อ ดาบสูงหนึ่งจั้ง!
กลุ่มแสงรูปไข่ครอบคลุมท้องนภา ปกคลุมไปทางเยี่ยนตี๋ หมายจะห้อมล้อมเขาไว้ด้านใน
เยี่ยนตี๋สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ไม่เคลื่อนไหวใดๆ
แต่ว่าระหว่างฟ้าดันคล้ายกับมีคมดาบไร้รูปร่างบังเกิดขึ้น ฟันกลุ่มแสงสีเหลืองตุ่นขมุกขมัวเบื้องหน้าออกเป็นสองส่วน!
แสงสว่างสีเหลืองตุ่นแยกออกสองฟาก เผยให้เห็นร่างชราร่างหนึ่ง
เป็นประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิง
เขาถอนใจกล่าว่า “ข้าหวังจริงๆ ว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขเงียบๆ ไม่คิดจะเจอกับเจ้าสำนักเยี่ยนในลักษณะนี้ สุดท้ายต้องทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเราท่าน”
“ประมุขปฐวีคิดพูดอะไร อีกเดี๋ยวเราค่อยสนทนากัน ท่านไม่มาหาข้าผู้แซ่เยี่ยน ข้าผู้แซ่เยี่ยนก็ไปหาท่านอยู่ดี” เยี่ยนตี๋กล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ข้าผู้แซ่เยี่ยนไม่มีเวลามาฉีกหน้ากับท่าน”
หวังเจิ้งเฉิงส่ายหน้าอย่างแช่มช้า “มีคนบางคนทำข้อผิดพลาด คนที่ต้องรับผิดชอบไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว แต่เกี่ยวพันถึงคนจำนวนมาก เพื่อชดเชยข้อผิดพลาดของเขา พวกเราได้แต่ทำเรื่องไร้เหตุผล ข้าวันนี้ไม่อาจถอยให้ได้ ขอให้เจ้าสำนักเยี่ยนโปรดให้อภัยด้วย”
“ท่านไม่จำเป็นต้องถอย” เยี่ยนตี๋ตาสาดประกายเย็นเยียบ “ข้าจะทำให้ท่านถอยเอง”
เขาตั้งมือขึ้นประดุจดาบ ชูแขนขึ้น จากนั้นก็ก้าวเท้าออกก้าวหนึ่ง บรรลุถึงด้านในของหวังเจิ้งเฉิงในพริบตา ก่อนจะฟันลง!
“ที่เจ้าสำนักเยี่ยนไม่เข้าใจ ข้าไม่รู้สึกประหลาดใจ ในเมื่อท่านมาถึงนี่ วันนี้ก็ต้องขอล่วงเกินแล้ว” หวังเจิ้งเฉิงพูดพลางถอยท่าร่างไปด้านหลัง
รอบๆ ร่างของเขาพลันมีลำแสงหลายสายปรากฏ
ในแสงสว่างมีปรากฏการณ์มากมาย ขุนเขาธารน้ำ ห้วงสมุทรท้องทะเลล้วนมีครบ
ร่างของหวังเจิ้งเฉิงเหมือนกับถอยเข้าไปในโลกอีกใบหนึ่ง
โลกใบนั้นไม่ได้อ่อนแอแคบเล็กเหมือนมิติต่างแดนทั่วไปหรือว่าโลกเบื้องล่างใบหนึ่ง หากแต่กว้างใหญ่ไพศาลเหมือนโลกซ้อนโลกอีกใบ พลังของเขตแดนหลายชั้นปรากฏ ถึงกับเริ่มเบียดมิติของโลกซ้อนโลกจากด้านใน ทำให้พรมแดนระหว่างเขตมหานภากลางและเขตสุราลัยบูรพาเกิดการสั่นไหว
เยี่ยนตี๋ฟันดาบลง แยกฟ้าดินเบื้องหน้าออกเป็นสองส่วน
ทว่าขณะที่มิติซึ่งแหลกสลายไหลเวียน ก็เกิดภูเขาธารน้ำไร้สิ้นสุดอีกครั้งหนึ่ง
ขุนเขาธาราขยายตัวและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องเหมือนกับมีชีวิต กอปรเป็นสภาวะโอบล้อมใส่เยี่ยนตี๋
“นี่คือรูปภูผาธาราโบ่วกี้หรือ” เยี่ยนตี๋ถามอย่างเย็นชา
ถึงจะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เขาก็เคยได้ยินว่ามันเป็นอาวุธเซียนไร้ช่องโหว่ที่กษัตริย์ดินเคยพกติดตัว
“ข้าต้องลงมือกับเจ้าสำนักเยี่ยนอย่างเหนือความคาดหมาย เพียงหวังให้เจ้าสำนักเยี่ยนหยุดเคลื่อนไหว รั้งอยู่ที่นี่ชั่วคราว” เสียงของหวังเจิ้งเฉิงดังมาจากในบรรรพตทั้งหลายและแม่น้ำที่คดเคี้ยว
ภูผาธารน้ำม้วนคลุม หมายจะดึงเยี่ยนตี๋เข้าไปในรูป
เยี่ยนตี๋เห็นดังนั้นกลับไม่หลบหลีก เคลื่อนที่ไปด้านหน้า “ประมุขปฐวี ท่านรั้งข้าไม่ได้”
ทุกๆ ย่างก้าวของเขานั้น สภาวะที่เกรี้ยวกราดดุร้ายเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน
พอถึงตอนสุดท้าย ทั่วร่างของเยี่ยนตี๋เต็มไปด้วยแสง ปราณยิ่งใหญ่ไพศาล แม้แต่รูปภูผาธาราโบ่วกี้ก็ต้านไม่ไหว
เหมือนกับว่าวินาทีนี้องค์เทพโบราณได้ตื่นตากการหลับใหล ค่อยๆ ลืมตา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน
ฝีเท้าที่เขาเหยียบย่างออกล้วนก่อให้เกิดเป็นอานุภาพที่ไม่อาจต้านทาน ไม่อาจแก้ไข ไม่อาจแข็งขืน บดขยี้ขุนเขาและแม่น้ำมากมายตรงหน้า
โลกที่กว้างใหญ่เหมือนกับเกิดรอยร้าวทีละจุด จากนั้นก็ขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง
ในร่างของเยี่ยนตี๋เหมือนจักรวาลที่แท้จริงซึ่งเป็นเอกเทศโดยสมบูรณ์ โคจรด้วยตัวมันเอง หลุดออกจากจักรวาลทะเลดาวภายนอก มีลักษณะเฉพาะตัว
ในรูปภูผาธาราโบ่วกี้ หวังเจิ้งเฉิงมองภาพนี้ จิตใจหนักอึ้งเล็กน้อย “ทำให้จุดลมปราณทั้งหมดทั่วร่างทะลายนภาเห็นเทวะสำแดงได้แล้วหรือนี่?!”
จุดลมปราณทั่วร่าง ไม่ว่าจะเป็นจุดลมปราณใหญ่หรือจุดลมปราณเล็ก เมื่อได้เห็นเทวะสำแดงเป็นร่างของมนุษย์เซียน เหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะเลื่อนเป็นระดับเซียน!
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด ขั้นสิบสมบูรณ์ ระดับประมุขในหมู่มนุษย์!
สามปีมานี้ตึกความลับฟ้ากวนคนมรสุม ดึงดูดสายตาของคนจำนวนนับไม่ถ้วน
เยี่ยนตี๋ที่เก็บเนื้อเก็บตัว แม้แต่เขตเพลิงทักษิณก็ขยับขยายอาณาเขตไม่กี่ครั้ง ใช้เวลาสามปีนี้ทำลายอุปสรรค เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุข!
ตอนที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด เขาได้สังหารประมุขทักษิณจวงเซิน
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คนทั่วโลกซ้อนโลกต่างรอคอยและหวาดกลัว
รอคอยว่าเมื่อใดเยี่ยนตี๋จะเลื่อนเป็นระดับประมุข หวาดกลัวเว่าเยี่ยนตี๋ที่เลื่อนเป็นประมุขจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด!
ทว่ายังคงไม่มีใครคาดคิดถึงว่าวันนี้ถึงกับมาเร็วขนาดนี้ เร็วจนทำให้ทุกคนรับมือไม่ทัน!
หลังจากประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงทราบสถานการณ์ของเยี่ยนจ้าวเกอ เขาก็มีการเตรียมใจต่อทางเยี่ยนตี๋ไม่มากก็น้อย ทว่าในตอนที่ได้เผชิญหน้าตรงๆ ยังคงรู้สึกสั่นสะเทือนอยู่ดี!
โลกที่เกิดจากรูปภูผาธาราโบ่วกี้ ตอนนี้พออยู่ต่อหน้าเยี่ยนตี๋ซึ่งในที่สุดก็ได้แสดงพลังที่แท้จริง ถึงกับอ่อนแอเปราะบางลง
ดาบสวรรค์มังกรทะยานออกจากฝัก พุ่งลงบนมือเยี่ยนตี๋
เยี่ยนตี๋เท้าไม่หยุดลง ขวางดาบสะบัดออกคราหนึ่ง
ฟ้าดินพลันสั่นไหว เหมือนกับรูปภาพใบหนึ่งถูกตัดออกจากตรงกลาง แบ่งออกเป็นสองส่วน
ยอดเขากลายเป็นฝุ่นลอยว่อน แม่น้ำถูกตัดขาดไป!
“คลื่นลูกหลังกลบคลื่นลูกหน้า คนใหม่เปลี่ยนคนเก่า ราชันพระศุกร์มีคนรุ่นหลังเช่นนี้ช่างน่ายินดีนัก”
แม่น้ำขุนเขาแหลกสลาย เผยให้เห็นร่างของหวังเจิ้งเฉิงอีกครั้ง เขากล่าวเสียงเบา “น่าเสียดายที่ฟ้าช่างกลั่นแกล้งคน”
ในโลกขุนเขาแม่น้ำที่แหลกสลายพลันปรากฏดินโคลนจำนวนมหาศาล
ดินโคลนปกคลุมขุนเขาแม่น้ำ ขวางส้นทางของเยี่ยนตี๋ต่อ
“ดินวิญญาณโบ่วกี้?” เยี่ยนตี๋สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน กลับถามว่า “ได้ยินว่าแก่นของรูปภูผาธาราโบ่วกี้พัฒนาเป็นบัวทองโบ่วกี้ได้ ประมุขปฐวีท่านทำได้หรือไม่”
เขาพูดพร้อมชูคมดาบในมือขึ้นสูง จากนั้นก็ฟันลงดาบหนึ่ง!
เบิกนภาทำลายฟ้า โลกเกิดขึ้นและดับสูญ
เกิดประกายดาบที่มีสภาวะไม่อาจต้านทานเหมือนการเปลี่ยนแปลงในการสรรสร้าง เกรี้ยวกราดทรงพลัง ทำลายดินโคลนหลายชั้นตรงหน้า
หวังเจิ้งเฉินยืนอยู่กลางดินโคลนสีเหลืองคล้ำ โบกสองฝ่ามือพร้อมกัน ดูเนิบนาบเชื่องช้า แต่ต่อติดกันไม่ขาดตอน
ฝ่ามือปราณสวรรค์อันเป็นการสืบทอดของกษัตริย์ดินพอถูกใช้ออกมา ก็ประสานกับพลังของรูปภูผาธาราโบ่วกี้ รับคมดาบของเยี่ยนตี๋
ฝ่ามือลมหายใจสวรรค์ ดูจากความหมายคือการศึกษาความลี้ลับของดินซีสวรรค์ สุดท้ายเกิดเป็นวรยุทธ์ ใช้เพื่อป้องกัน พลังเพิ่มลดตามการโจมตีของศัตรู เปลี่ยนแปลงตามศัตรู ท่านใหญ่ข้าใหญ่ ท่านเล็กข้าเล็ก ติดตามเคลื่อนไหว แข็งแกร่งเหนียวแน่น ไม่อาจทำลาย
เมื่อใช้จู่โจม ฝ่ามือบังเกิดสายฟ้า สี่ด้านประสานเป็นหนึ่ง บดขยี้เสียดสี ทำลายร่างของศัตรู ร้ายกาจถึงขีดสุด
แต่ตอนนี้พอหวังเจิ้งเฉิงใช้ออกมา เพียงป้องกันไม่โจมตี ผสานกับรูปภูผาธาราโบ่วกี้ ตั้งใจป้องกันและต้านดาบของเยี่ยนตี๋เพียงอย่างเดียว
อาวุธเซียนชิ้นนี้เดิมทีถนัดป้องกันและหน่วงเหนี่ยวศัตรู ตอนนี้หวังเจิ้งเฉิงใช้แล้วจึงส่งเสริมกันได้เป็นอย่างดี
กระนั้น เยี่ยนตี๋เหมือนกับไม่เห็นในสายสตา
ไม่ว่าเส้นทางด้านหน้าจะเป็นอย่างไร เขาก็จะฟันดาบลงไป ใช้ธรรมชาติเป็นดาบ ฟันออกเป็นมหามรรคที่ทอดตรงสายหนึ่ง!
คมดาบของดาบกฎเกณฑ์งที่เกรี้ยวกราดยิ่งใหญ่กระจัดกระจาย ดินหลายชั้นที่เหนียวแน่นจนคล้ายไม่อาจถูกทำลาย บัดนี้ถูกทะลวงติดต่อกัน
ดินโคลนจำนวนมากกว่าเดิมเข้าไปเสริม แต่กลับถูกประกายดาบที่ดุดันฟันแหลกลาญ!
ดินหนาไร้สิ้นสุด แต่ว่าสภาวะของการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติไม่อาจต้านทาน ทำให้ท้องทะเลแห้งเหือดเป็นผืนหนา ดินหนาเปลี่ยนเป็นควัญเมฆ
ท่านแกร่ง แต่ข้าแกร่งกว่า
ดินสูงหนึ่งฉื่อ ดาบสูงหนึ่งจั้ง!
………………..