ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1162 แผนการ
เยี่ยนจ้าวเกอกับเสวี่ยชูฉิงมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ต่างนิ่งอึ้งไป
ก่อนจะเจอกัน คิดไม่ถึงเลยว่าเพื่อแก้ไขความกระอักกระอ่วน แม่ลูกถึงกับใช้วิธีเดียวกัน
ความเข้ากันเช่นนี้ ทำให้สองคนกระอักกระอ่วนกว่าเดิมในทันที
แต่ต่อจากนั้นก็ผ่อนคลายลงเหมือนปาฏิหาริย์ สายตาที่มองดูกันและกันอบอุ่นมากขึ้น
แน่นอนว่าเสียงหัวเราะของเยี่ยนตี๋ที่อยู่ด้านข้างก็ระคายหูกว่าเดิมด้วย
เยี่ยนจ้าวเกอมองเยี่ยนตี๋อย่างหมดคำพูดอยู่บ้าง
ท่าทางในตอนนี้ของบิดาหาดูยากยิ่งกว่าสุริยุปราคาเสียอีก
เสวี่ยชูฉิงถลึงตาใส่เยี่ยนตี๋อย่างไม่พอใจ
กลัวหัวเราะเยาะนางต่อหน้าบุตรชาย ช่างน่าเหลืออดจริงๆ!
เยี่ยนตี๋ถูกแม่ลูกมองพร้อมกัน ชั่วขณะนั้นกลับหัวเราะเสียงดังกังวานกว่าเดิม
หลายปีมานี้ วันนี้เป็นวันที่เขามีความสุขที่สุด
เยี่ยนจ้าวเกอกับเสวี่ยชูฉิงเกร็งหน้าต่อไม่ได้ ต่างฝืนยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าอย่างจนใจ
การเจอกันจะมากจะน้อยก็ยังประดักประเดิด แต่ว่าในที่สุดก็ผ่อนคลายลงแล้ว
พวกเขาไม่คิดจะคุยสัพเพเหระ แต่ถือโอกาสสนทนากันต่อไปตามหัวข้อเมื่อครู่
“ถ้าทำได้ ข้าไม่อยากจะไปมรกตท่องฟ้า” เยี่ยนจ้าวเกอแสดงท่าทีก่อน “ถึงแม้แบบนั้นพวกเราจะปลอดภัย แต่เท่ากับมอบแรงกดดันให้อาจารย์ลุงเยว่กับเขานครหยก หากกษัตริย์ลี้ลับกับกษัตริย์เร้นลับกดดันพร้อมกัน อาจารย์ลุงเยว่จะลำบากแล้ว”
เยี่ยนตี๋หุบยิ้ม พูดอย่างจริงจัง “ไม่ผิด”
“ที่หลายปีมานี้ข้าไม่ได้ไปมรกตท่องฟ้าไม่ใช่ไม่มีเหตุผล” เสวี่ยชูฉิงหัวเราะขื่นขมคำหนึ่ง “ปรมาจารย์หญิงมีบุญคุณความแค้นกับมรกตท่องฟ้าล้ำลึกยิ่ง”
นางพูดพลางมองเยี่ยนตี๋อย่างซับซ้อนอยู่บ้าง
เยี่ยนตี๋กับเยี่ยนจ้าวเกอ่ต่างหลบตาอย่างรู้กัน
พวกเขาก่อนหน้านี้เคยคิดถึงปัญหาลำดับศักดิ์ระหว่างราชันพระศุกร์และราชันพระพฤหัสบดีมาแล้ว
ดังนั้นเรื่องนี้ได้แต่แสร้งเลอะเลือน…
“กษัตริย์เร้นลับกับกษัตริย์ดินสนิทสนมกันยิ่ง อาจารย์ลุงเยว่มีแค่หัวเดียวกระเทียมลีบ” เยี่ยนจ้าวเกอกระแอม กล่าวด้วยความจริงจังต่อ “จำเป็นต้องตามหาคนที่จะช่วยแบ่งแรงกดดันให้แก่อาจารย์ลุงเยว่”
เยี่ยนตี๋สายตาสั่นไหวเล็กน้อย “…กษัตริย์ดารา!”
“ไม่ผิด” เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ “ว่ากันว่ากษัตริย์ดารากับท่านปู่สนิทกันยิ่ง ถ้าหากขอให้เขาลงมือได้ แรงกดดันของอาจารย์ลุงเยว่จะเหลือน้อยแล้ว เพียงแต่ตอนนี้มีเบาะแสในมือจำกัด ไม่ทราบว่าจะติดต่อกับกษัตริย์ดาราอย่างไร ถึงข้าจะเดาว่าเขาอยู่บนโลกซ้อนโลก แต่ไม่มีข่าวคราวมาหลายปีขนาดนี้ ยังคงตามหาไม่ง่าย”
เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญพร้อมกับพูดว่า “ไม่ทราบว่าอาจารย์ลุงเยว่กับกษัตริย์ดินผู้ใดจะกลับมาก่อน ดังนั้นไม่อาจเอาแต่รอ ในเวลาที่จำเป็นได้แต่ไปหาจักรพรรดินีแล้ว นางกับผู้อาวุโสฉู่ท่านนั้นบางทีอาจไม่ถูกกัน แต่ว่าเรื่องราวเกี่ยวพันถึงกษัตริย์ดารา จักรพรรดินีจะต้องให้ความสนใจ อย่างมากสุดก็หาเบาะแสบางอย่างได้”
เสวี่ยชูฉิงได้ยินก็ถามเสียงเบาว่า “ที่บอกว่ากษัตริย์ดาราอยู่บนโลกซ้อนโลก เจ้ามีหลักฐานใด”
เยี่ยนจ้าวเกอจึงเล่าเรื่องของฉู่หลีหลีให้ฟัง
“ที่แท้เป็นเช่นนี้…” เสวี่ยชูฉิงขบคิดครู่หนึ่งค่อยกล่าวว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ มิสู้ไปเขตราตรีอุดร ประมุขอุดรบางทีอาจรู้เรื่องส่วนหนึ่ง”
เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋รู้สึกประหลาดใจ
“ข้าไม่เข้าใจสถานการณ์ของกษัตริย์ดารา และรู้เรื่องผู้อาวุโสฉู่ท่านนั้นไม่มาก แต่ว่าตอนที่ท่านอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ได้คุยกันข้าครั้งหนึ่ง และพูดถึงชื่อนาง” เสวี่ยชูฉิงอธิบาย
เยี่ยนจ้าวเกอสนใจ “บอกว่าอย่างไร”
แม้ว่าจะเป็นพวกหวังผู่ที่เป็นลูกศิษย์ของเยว่เจิ้นป่ยก็ยังไม่ทราบถึงสถานการณ์ของฉู่หลีหลี
“ผู้อาวุโสฉู่ผู้นั้น คล้ายเกี่ยวข้องกับวิถีมารและนพยมโลก” เสวี่ยชูฉิงกล่าวอย่างระมัดระวัง
“นพยมโลก?” เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย
พอคิดถึงลักษณะของฉู่หลีหลีที่ได้เห็นตอนนั้น เขาก็ประหลาดใจเล็กน้อย เพราะตอนนั้นมองไม่เห็นเลศนัยอันใด
เสวี่ยชูฉิงว่า “ข้าไม่กล้ายืนยัน แต่สมควรยึดถือเป็นเบาะแสสายหนึ่ง ครั้งกระโน้นกษัตริย์ดาราหายไปอย่างไร้ร่องรอย ค่อนข้างกะทันหัน ผิดปกติวิสัย ต้องมีเหตุผลแน่”
เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋พยักหน้าอย่างแช่มช้า
ไฉนเสวี่ยชูฉิงจึงแนะนำให้ไปหาประมุขอุดร สาเหตุชัดเจนยิ่ง
บนเขตราตรีอุดรมักเกิดทางเชื่อมเขตแดนที่เชื่อมไปยังชายฝั่งยมโลก เป็นด่านหน้าที่อยู่ติดกับนพยมโลกของโลกซ้อนโลก หนึ่งในภารกิจของประมุขอุดร คือการจับตาดูทางเชื่อมเขตแดนที่ปรากฏขึ้นสม่ำเสมอ แต่ไม่เสถียรเหล่านี้
ถ้าเรื่องของกษัตริย์ดารากับฉู่หลีหลีเกี่ยวข้องกับนพยมโลก เช่นนั้นก็เป็นไปได้มากที่สุดว่าสถานที่ที่จะเจอกษัตริย์ดาราถ้าไม่ใช่เขาคุนหลุนในเขตมหานภากลาง ก็เป็นเขตราตรีอุดร
“จะเจอกษัตริย์ดาราหรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน” เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ “เมื่อเจอแล้ว กษัตริย์ดาราก็ใช่ว่าจะต้องลงมือช่วยเหลือ”
กลับไม่พูดว่ากษัตริย์ดาราไม่ยอมช่วยเหลือแน่นอน
ในอดีตเขาหายสาบสูญไป สมควรเพราะมีเหตุผลพิเศษอะไรสักอย่าง
ถ้าถูกดึงสมาธิ ไม่อาจปลีกตัวได้ เช่นนั้นใช่ว่าจะมีเวลาว่างลงมือ
เยี่ยนตี๋กล่าวอย่างแช่มช้า “ยังมีอีกปัญหาที่ไม่อาจไม่พิจารณา กษัตริย์ดินกับกษัตริย์เร้นรับอาจมีโอกาสรุดหน้าอีกขั้นหนึ่ง”
เยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกาย ด้วยกษัตริย์ดินกับกษัตริย์เร้นลับได้รับฉายากษัตริย์มาหลายพันปี อยู่ในระดับสูงสุดของระดับที่อยู่มาตั้งแต่ต้น ต่างกับกษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยที่ผงาดขึ้นช้ากว่า
ผู้ใดหาทราบไม่ว่า พวกเขาจะก้าวเท้าไปด้านหน้าก้าวหนึ่งสำเร็จหรือไม่
“ดังนั้นจำเป็นต้องคิดหาวิธีอื่นๆ การจัดการอย่างรอบๆ ถึงจะเป็นหลักการหลัก” เยี่ยนจ้าวเกอพูดพลางปรายตามองเสวี่ยชูฉิง
เสวี่ยชูฉิงเข้าใจความหมายของเขา ส่ายหน้ากล่าว “อย่ามองข้าเช่นนั้น ข้าเองก็ไม่ทราบที่อยู่ของบูรพาจารย์เช่นกัน”
บูรพาจารย์ที่นางว่า ย่อมเป็นราชันพระพฤหัสบีดีที่ถูกจัดเป็นเก้านพเคราะห์คุนหลุน
“เช่นนั้นท่านผู้เฒ่าจักรพรรดิเจิดจรัสเล่า” เยี่ยนจ้าวเกอถาม
แรงกกดดันที่กษัตริย์ดินกับกษัตริย์เร้นลับนำมา จักรพรรดิเจิดจรัสใช่ว่าจะแบ่งเบาภาระได้ แต่ว่าถ้าจักรพรรดิเจิดจรัสทราบที่อยู่ของราชันพระพฤหัสบดีอาจารย์ของนาง เช่นนั้นย่อมประเสริฐสุด
“อาจารย์ย่าจากโลกไปแล้ว” เสวี่ยชูฉิงถอนใจ
“เอ่อ…ขออภัย” เยี่ยนจ้าวเกอพลันยิ้มหนักใจ
เสวี่ยชูฉิงส่ายหน้า “หาเป็นไรไม่”
นางกล่าวอย่างแช่มช้า “แต่ก็ไม่ใช่ไร้วิธีเลย ถึงแม้สถานการณ์ของบูรพาจารย์จะไม่ชัดเจน แต่สามารถลองติดต่อกับคนอื่นได้ เพียงแต่หลังจากได้รับข่าวแล้ว อีกฝ่ายจะตอบกลับหรือไม่ก็ไม่อาจรับประกัน”
“มิหนำซ้ำ…” เสวี่ยชูฉิงเว้นช่วงเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ “เกี่ยวกับการติดต่อกับคนอื่น ข้าลังเลอยู่บ้าง”
เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สนใจ “หมายความว่าอย่างไร”
“ประการแรก อีกฝ่ายออกจากโลกซ้อนโลกไปนาน อยู่ในมิติกว้างใหญ่ ไม่ทราบอยู่ไกลขนาดไหน ไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด และไม่ได้ทิ้งวัตถุยืนยันไว้ หากคิดจะติดต่อ วิธีทั่วไปใช้การไม่ได้” เสวี่ยชูฉิงว่า “หากต้องการติดต่อ จำเป็นต้องใช้วิธีการพิเศษ วิชานี้ไม่ใช่สำนักข้าถ่ายทอดให้ แต่ได้มาจากที่อื่น ข้าได้ลอบศึกษา รู้สึกว่าไม่ได้รวบรัดแบบนั้น”
เสวี่ยชูฉิงทางหนึ่งอธิบาย ทางหนึ่งกล่าว “หลายปีมานี้ ข้าร่อนเร่พเนจรไปทุกที่ ความจริงมีการเตรียมตัวไว้ เพียงแต่เป็นเพราะสาเหตุด้านปัจจัย ความก้าวหน้าจึงมีจำกัด”
“เมื่อลองลากเส้นเชื่อมต่อสถานที่ที่ท่านเคยหยุดอยู่ กลับได้บางอย่างที่มีความพิเศษ…” เยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกาย “เป็นเพราะภาพลวงตาที่ท่านทิ้งไว้มีมากเกินไป คิดจะแยกแยะสถานที่ที่แท้จริงยากเย็นยิ่ง ดังนั้นก่อนหน้านี้ข้าจึงดูไม่ออกว่าท่านไปอยู่ที่ไหน แต่ตามที่ท่านพูดเมื่อครู่ หรือว่าจะมีความพิเศษอยู่จริงๆ”
………………..