ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1183 เหตุในกาลก่อน ผลของวันนี้
“จงมากับข้าเสียเถอะเสวียนจง รอพวกเรากลับจากนพยมโลก ทุกอย่างจะเริ่มต้นจากโลกซ้อนโลก!”
“เป็นไปไม่ได้ชั่วนิรันดร์”
แสงสว่างในอากาศตัดสลับ ชั่วพริบตาเดียว พื้นที่นับร้อยล้านลี้ถูกแช่แข็ง จักรวาลในอนาธการกลายเป็นแผ่นดินน้ำแข็งนิรันกาล
สุดท้าย แสงสว่างก็มอดดับตลอดกาล
กษัตริย์ดาราเฉินเสวียนจงตั้งฝ่ามือประดุจดาบ ยังคงรักษาท่วงท่าฟันไปด้านหน้า
ภายใต้ฝ่ามือของเขา เป็นเกล็ดแก้วที่กระจายอยู่ในมิติไร้สิ้นสุด
ท่อนบนของรูปสลักน้ำแข็งรูปหนึ่งแตกสลายโดยสิ้นเชิง ท่อนร่างเองก็สลายหายไป
เฉินเสวียนจงสีหน้าไม่มีความยินดีและไม่มีความโศกเศร้า มองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างสงบ
มารน้ำกุ่ยกลายเป็นมารน้ำแข็งคืนชีพขึ้นมา เวลาผ่านไปไม่นาน
ถึงร่างสถิตจะเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุข และจะสามารถผลักเปิดประตูเซียนได้อย่างอย่างรวดเร็ว พลังพุ่งทะยานหลังจากคืนชีพเป็นมาร แต่ถึงอย่างไรเวลาก็มีจำกัด
เฉินเสวียนจงลงมือด้วยตัวเอง สังหารเขาซึ่งพึ่งกลายเป็นมารได้ไม่นาน นับว่ายังไม่สายไป
แต่ในใจของเฉินเสวียนจงไม่มีความยินดีแม้แต่น้อย เพราะเขาสังหารสหายที่สนิทที่สุดด้วยมือตัวเอง
สหายสนิทคนสุดท้าย หลังจากราชันพระศุกร์เยี่ยนซิงถางจากไป
เฉินเสวียนจงสีหน้าไร้อารมณ์ ยืนอยู่ตรงกลางจักรวาล ไม่เคลื่อนไหวเหมือนกับรูปปั้น
เนิ่นนานให้หลัง เขาสายตาเป็นประกาย หันไปมองที่ไกลออกไป แล้วเคลื่อนที่ไปด้านนั้น
ภูเขาน้ำแข็งลูกหนึ่งลอยเงียบๆ อยู่กลางมิติที่คลื่นการต่อสู้เมื่อก่อนหน้านี้ของทั้งสองฝ่ายมาไม่ถึง
บนภูเขาน้ำแข็งเต็มไปด้วยศาลาและตัวตึก และตำหนักอันวิจิตรที่สร้างขึ้นจากน้ำแข็งหลังหนึ่ง
เฉินเสวียนจงก้าวเข้าไปด้านใน เดินอยู่ด้านในตำหนัก จู่ๆ ก็มีสัตว์ประหลาดตัวเล็กหลายตัวพุ่งออกมา จากนั้นเด็กสาวคนหนึ่งก็ไล่ตามมาด้านหลัง เล่นกับสัตว์ประหลาดเหล่านั้น
พอเห็นเฉินเสวียนจง นางนิ่งอึ้งเล็กน้อย แล้วค่อยคารวะด้วยท่าทางของผู้ใหญ่ตามการสั่งสอนของผู้ปกครอง
“…ไม่ต้องมากมารยาท” เฉินเสวียนจงริมฝีปากขยับ สุดท้ายได้แต่กล่าวเพียงหกพยางค์
เด็กสาวเอียงคอเล็กน้อย มองเฉินเสวียนจงด้วยความฉงน
เฉินเสวียนจงสีหน้าพลันเปลี่ยนแปลง เดินเข้าไปจับมือข้างหนึ่งของเด็กสาว จากนั้นก็ม้วนแขนเสื้อนางขึ้น ลวดลายอาคมที่เปล่งแสงสีฟ้าบัดเดี๋ยวปรากฏบัดเดี๋ยวสูญหายบนแขนของนาง
ด้านในไม่ได้เผยกลิ่นอายพิเศษอันใด แต่แสงสว่างกะพริบเหมือนกับคนที่กำลังหายใจ
การหายใจต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เหมือนกับคนที่อยู่ในห้วงหลับใหล
“เสียสติแล้ว เจ้าเสียสติไปแล้วจริงๆ แม้แต่บุตรีของเจ้ายัง…” เฉินเสวียนจงรู้สึกได้แค่ความโมโห
เด็กหญิงยังคงสับสน “ท่านอาเฉิน ท่านพ่อเล่า”
“…” เฉินเสวียนจงเงียบงันไปสักพัก ก่อนจะกล่าวเสียงเบาว่า “บิดาของเจ้าไปที่ที่ไกลมาก ไม่อาจมาหาเจ้าได้ในเวลาสั้นๆ”
“ท่านพ่อบอกว่าจะพาข้าไปด้วย” เด็กหญิงกล่าวอ้ำอึ้ง
ในความทรงจำของนาง บิดาเคยบอกว่าจะไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง เพียงแต่ว่าที่แห่งนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นคนละที่กับ ‘ที่ที่ไกลมาก’ ซึ่งเฉินเสวียนจงว่า
เด็กหญิงไม่เข้าใจ ทว่าเฉินเสวียนจงไม่อาจอธิบายได้
“ท่านอาเฉินท่านพาข้าไปหาท่านพ่อได้หรือไม่” เด็กหญิงมองคนหนุ่มผมขาวตรงหน้าด้วยสีหน้าคาดหวัง
เฉินเสวียนจงมองลวดลายอาคมบนแขนของเด็กสาว เนิ่นนานไม่กล่าววาจา
สุดท้าย เขาก็ไม่ได้ส่งนางไปหาบิดาของนาง แต่พานางกลับโลกซ้อนโลก กลับไปยังเขาเมฆมรกตของตัวเอง
ครึ่งปีต่อจากนั้น กษัตริย์ดินกับกษัตริย์เร้นลับที่กลับมาจากมิติต่างแดนทราบเรื่องแล้วต่างก็พูดไม่ออก
อารามคลื่นเยียบเย็นบนเขาเมฆมรกต กษัตริย์ดินเจี่ยงเซิ่นยืนอยู่ที่ขอบหน้าต่างในในหอกวาดหิมะ มองดูเด็กหญิงที่คุกเข่าซึมเซาอยู่ข้างบึงน้ำนอกหน้าต่าง เนิ่นนานให้หลังค่อยกล่าวว่า “เจ้าไม่เพียงแต่ต้องการให้นางอยู่บนโลกซ้อนโลก ทั้งยังต้องการสอนวรยุทธ์ให้แก่นางด้วย”
เฉินเสวียนจงกษัตริย์ดารากล่าวอย่างแช่มช้า “ถ้าหากทำได้ ข้าอยากให้นางเป็นคนธรรมดา ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ คิดจะถอนตรามารบนร่างนางออก จำเป็นต้องให้นางมีพลังฝึกปรือติดตัว ยิ่งสูงยิ่งดี”
เจี่ยงเซิ่นหันมามองเฉินเสวียนจง ส่วนเฉินเสวียนจงก็มองอีกฝ่ายอย่างสงบนิ่ง
ภายนอกของกษัตริย์ดินเจี่ยงเซิ่นเหมือนมีอายุราวๆ ห้าหกสิบปี ไม่ได้ดูแก่ชรา เขามีใบหน้าเคร่งขรึม ทว่ากลับมีแววตาเอื้อเฟื้อเหมือนอย่างครูสอนหนังสือในโรงเรียน
ความจริงแล้วเขายึดถือการฟื้นฟูสำนักเต๋า และการสั่งสอนเต๋าเป็นหน้าที่ของตัวเอง จึงคอยฟูมฟักชี้แนะคนหนุ่มผู้มีความสามารถในสำนักเต๋าที่โดดเด่นมากมาย ที่แล้วมาประทานความรู้อย่างเต็มที่ ยินดีตอบแทบทุกคำถาม
เป็นเพราะเขามีอายุมากที่สุดและรอดจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ดังนั้นแม้จะเป็นคนส่วนหนึ่งในเก้านพเคราะห์คุนหลุนใหม่ก็ยังได้รับการชี้แนะจากเขา
คนที่ได้รับการชี้แนะจากเขา ซึ่งเป็นผู้มีความสามารถยุคใหม่ของสำนักเต๋าหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่นอกจากนี้ ยิ่งมีจำนวนนับไม่ถ้วน
“เสี่ยงเกินไป” เจี่ยงเซิ่นกล่าวอย่างแช่มช้า “นั่นเป็นมารน้ำกุ่ย”
เฉินเสวียนจงส่ายหน้า “ข้าจะรับผลลัพธ์เอง ถ้าหากว่าไปถึงขั้นที่ย้อนกลับไม่ได้จริงๆ…เช่นนั้นข้าจะแก้ไขด้วยตัวเองเหมือนครั้งนี้”
ในเงามืด คนที่เหมือนไม่คงอยู่คนหนึ่งยามนี้ส่งเสียงกล่าวว่า “จะลองดูก็หาเป็นไรไม่ คิดเสียว่าเป็นการสั่งสมประสบการณ์รับมือจอมมาร”
ทั้งๆ ที่ในตำหนักกวาดหิมะมีคนเพียงสามคน แต่คนที่สามนี้กลับทำให้ผู้คนมองข้ามการดำรงอยู่ของเขาอย่างไม่อาจควบคุม
แต่ว่าในเมื่อเขาพูดแล้ว เจี่ยงเซิ่งกับเฉินเสวียนจงย่อมไม่มองข้าม
ดังนั้น เด็กหญิงที่ยังสับสนไม่รู้เรื่อง สุดท้ายแล้วจึงได้อยู่บนโลกซ้อนโลก
ตอนสุดท้ายเป็นใครชี้แนะดูแล ก็ผ่านการถกเถียงรอบหนึ่ง
ทว่าสุดท้าย ที่อยู่ของนางก็คือยอดเขาเมฆมรกต
“เหตุในกาลก่อน ผลของวันนี้…”
สติของกษัตริย์ดารากลับมาจากความทรงจำของตัวเอง ภาพเบื้องหน้าเปลี่ยนจากตำหนักกวาดหิมะกลายเป็นโลกที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง
ขณะเห็นเงาหลังของเยี่ยนจ้าวเกอเริ่มหายไปจากทะเลน้ำแข็ง กษัตริย์ดาราในเสาน้ำแข็งก็ส่ายหน้าเล็กน้อย ‘ซิงถาง ลูกหลานเจ้ามีความสามารถมากล้นขนาดนี้ ช่างโชคดีนัก เพียงแต่ไม่ทราบว่า ความร้ายกาจของเขาสุดท้ายแล้วจะพาเขาไปทางไหน…หากพวกเจ้าสองสามีภรรยาไม่ได้จากไปก่อน ทุกสิ่งในโลกใบนี้จะเหมือนเดิมหรือไม่’
เสียงถอนใจดังขึ้นยืดยาว
เยี่ยนจ้าวเกอออกมาจากใต้ภูเขาน้ำแข็ง มาถึงด้านบนธารน้ำแข้งไร้สิ้นสุดด้านนอกอีกครั้ง เขาเห็นระหว่างหิมะและน้ำแข็งไกลออกไป มีสตรีอาภรณ์ขาวใบหน้างดงามหมดจดผู้หนึ่ง หลับตายืนเอามือไหล่หลัง
“จักรพรรดินี” เยี่ยนจ้าวเกอเดินถึงด้านหลังนาง
จักรพรรดินีหมุนกายมา ยังคงหลับตา “เจ้าเจอท่านอาจารย์แล้วหรือ”
“ขอรับ เป็นอย่างที่ท่านพูด กษัตริย์ดาราปลีกตัวมาไม่ได้ ไม่อาจออกจากสถานที่แห่งนี้” เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจคำหนึ่ง
จักรพรรดินีพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้เจ้าก็ไปเถอะ ถึงพลังฝึกปรือของเจ้าจะโดดเด่น แต่ตอนนี้หากรั้งอยู่ที่นี่ต่อ ความเย็นจัดจะกัดกินวิญญาณเจ้า”
“ทว่าอย่าเพิ่งกลับโลกซ้อนโลก ไม่อย่างนั้นจะทิ้งร่องรอยได้ง่ายๆ ทำให้คนอื่นๆ สัมผัสตำแหน่งของที่นี่ได้” จักรพรรดินีกล่าว “ให้อ้อมนพยมโลกกลับไป มารร้ายให้ความสนใจที่นี่ได้ยาก ด้วยพลังของเจ้า ขอแค่ระวังตัวก็เคลื่อนไหวอยู่รอบนอกนพยมโลกได้”
“ขอรับ ข้าขอลาแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือ ไม่ได้รั้งอยู่อีก ออกเดินทางทันที
จักรพรรดินียืนนิ่งบนธารน้ำแข็ง
นางในตอนนี้ไม่ได้แช่แข็งตัวเอง ทว่ากลับเหมือนรูปสลักน้ำแข็งไม่ใช่มนุษย์ยิ่งกว่าเวลาไหนๆ
เยี่ยนจ้าวเกอหันกลับมามอง ความคิดมากมายแวบผ่านในใจ
………………..