ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1184 อดีตของจักรพรรดินี
จักรพรรดินีเจี่ยหมิงคงยืนอยู่บนธารน้ำแข็ง คนไม่ขยับเหมือนกับรูปแกะสลัก
นางหลับตา สีหน้าไร้ความรู้สึก แต่อาภรณ์บนร่างพลิ้วไหวแม้ไร้ลม แสดงให้เห็นว่าจิตใจไม่สงบ
ความทรงจำในส่วนลึกของจิตใจปรากฏขึ้นมาไม่หยุด ไม่ขาดตอนแม้แต่วินาทีเดียว นางไม่อาจลืมเลือนเรื่องราวเรื่องหนึ่งในบ่ายที่แสงอาทิตย์งดงามวันหนึ่งบนยอดเขาเมฆมรกตที่ดูธรรมดา แต่ก็เปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเอง เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองนับจากนั้น
สำหรับนางแล้ว ตอนนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
ครั้งนั้นจู่ๆ อาจารย์ก็พาเด็กผู้หญิงที่อายุแค่สี่ห้าปีกลับมา มองไปดูเหมือนสลักเสลาจากหยก บริสุทธิ์น่ารัก ทำให้นางพอเห็นครั้งแรกก็รักใคร่ทันที
ทุกประโยคในวันนั้น จนกระทั่งวันนี้ เจี่ยหมิงคงยังจำได้ชัดเจน
“ท่านอาจารย์ นี่เป็นบุตรีบ้านใด เป็นศิษย์ที่ท่านเพิ่งรับหรือ” นางจำได้ว่าตอนนั้นนางถามเช่นนี้
ปฏิกิริยาของท่านอาจารย์แปลกกระหลาดไปบ้าง หลังจากเงียบงันเล็กน้อยก็ตอบว่า “บุตรีของคนรู้จัก แต่หลังจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าเตรียมจะรับนางเป็นศิษย์ ให้นางใช้ชีวิตร่วมกับพวกเราจริงๆ”
“นางยังอายุน้อย หมิงคงเจ้าช่วยดูแลนางให้มากๆ ละ”
ตอนนั้น เจี่ยหมิงคงที่นิสัยต่างจากตอนนี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นย่อมแน่นอน ท่านอาจารย์วางใจได้เต็มที่”
เฉินเสวียนจงผงกศีรษะเล็กน้อย ลอบส่งกระแสเสียงบอกนาง ว่าบิดามารดาของเด็กหญิงคนนี้ต่างเสียชีวิตไปแล้ว
เจี่ยหมิงคงได้ฟังดังนั้น ในใจก็อดเกิดความสงสารไม่ได้ นางโน้มตัวลงโอบกอดเด็กหญิง “ขอให้ยึดถือที่นี่เหมือนบ้านตัวเอง มีเรื่องอะไรบอกกับศิษย์พี่ได้เต็มที่ ข้าจะจัดการให้เจ้าเอง”
เด็กหญิงตัวน้อยยังมึนงงสับสนอยู่บ้าง ไม่อาจเข้าใจความหมายในวาจาของเจี่ยหมิงคง แต่นางเหมือนรู้สึกได้ถึงความหวังดีของอีกฝ่าย
พี่สาวสวมอาภรณ์ขาว หน้าตางามหมดจดตรงหน้านี้ทำให้นางรู้สึกดียิ่ง ดังนั้นเมื่อถูกเจี่ยหมิงคงกอด เด็กหญิงจึงไม่ปฏิเสธ ไม่กลัวแม้แต่น้อย กลับหัวเราะคิกคักขึ้นด้วยซ้ำไป
เจี่ยหมิงคงเห็นแล้วก็รู้สึกยินดียิ่ง ยิ้มเฉิดฉันราวกับบุผา
คนหนุ่มผมขาวมองดูอยู่ด้านข้าง สายตาอ่อนโยน แต่ส่วนลึกของดวงตาแฝงความรู้สึกอย่างอื่น
เจี่ยหมิงคงในตอนนั้นไม่เข้าใจความรู้สึกนั้น นางเพียงรู้สึกว่าตนถูกชะตากับเด็กผู้หญิงตรงหน้า
เด็กคนนี้กลายเป็นศิษย์น้องของนางแล้ว นางดีใจยิ่ง
“เจ้ามีชื่อว่าอะไรหรือ” เจี่ยหมิงคงกอดเด็กน้อยพร้อมถามด้วยรอยยิ้ม
“หลีหลี…” เด็กหญิงตอบด้วยเสียงเล็กๆ “ข้าชื่อหลีหลี”
“ฉู่หลีหลี” เฉินเสวียนจงที่เพียงมองพวกนางเงียบๆ ยามนี้เอ่ยปากขึ้น
เจียหมิงคงได้ยินก็งงงันเล็กน้อย “ฉู่…หลีหลี? ข้าจำได้ว่าอาจารย์ท่านมีคนรู้จักคนหนึ่งชื่อฉู่หวน ผู้อาวุโสฉู่ แซ่ฉู่เช่นกัน หลีหลีเป็นบุตรีของเขาหรือ”
เฉินเสวียนจงพยักหน้า ไม่ได้พูดะไรมาก
ตอนนั้นเจี่ยหมิงคนก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเช่นกัน จนกระทั่งในภายหลังนางจึงค่อยทราบว่าชื่อนั้นหมายความว่าอะไร
นั่นเป็นเพราะเจี่ยหมิงคงค้นพบว่าฉู่หลีหลีแตกต่างกับนาง ตัวนางสามารถเดินทางบนโลกซ้อนโลกได้ตามใจ คนทั้งโลกรู้ว่านางเป็นลูกศิษย์ของกษัตริย์ดารา แต่ฉู่หลีหลีกลับได้แต่ใช้ชีวิตอยู่บนเขาเมฆมรกตตั้งแต่เด็ก ถึงขั้นที่หลังจากกราบเฉินเสวียนจงอย่างเป็นทางการแล้ว ฉู่หลีหลีก็ถูกจัดให้อยู่ที่หลังเขาคนเดียว ไม่ได้อยู่ในอารามคลื่นเย็นเยียบ
นอกจากเฉินเสวียนจง กษัตริย์ดิน และกษัตริย์เร้นลับแล้ว แม้แต่ยอดฝีมือระดับสุดยอดคนอื่นๆ บนโลกซ้อนโลกก็ไม่ทราบถึงการดำรงอยู่และที่อยู่ของนาง
ผู้ที่เป็นข้อยกเว้นมีแค่คนไม่กี่คน เช่น เจี่ยหมิงคง เยว่เจิ้นเป่ย หวังเจิ้งเฉิงเท่านั้น
โชคดีที่ฉู่หลีหลีมีนิสัยร่าเริง แม้ว่าปกติจะรู้สึกเดียวดาย แต่ก็ยังเติบโตขึ้นทุกวันอย่างสงบสุข
พวกเจี่ยหมิงคงและเยว่เจิ้นเป่ยได้สัมผัสกับนางบ่อยครั้ง นางยิ่งไว้ใจและใกล้ชิด
โดยเฉพาะเนื่องจากเข้าสำนักตั้งแต่ยังอายุน้อยยิ่ง เจี่ยหมิงคงที่ดูแลนางตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ยิ่งมีความผูกพันธ์เหมือนเป็นพี่สาวและมารดา
ในที่สุดเจี่ยหมิงคงก็ค่อยๆ รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉู่หวนพร้อมกับเวลาที่ผ่านไป และค่อยๆ ทราบถึงความพิเศษของฉู่หลีหลี
แต่เนื่องจากได้เจอกันทั้งวันทั้งคืน ทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มมีความสุขของฉู่หลีหลี เจี่ยหมิงคงก็รู้สึกอ่อนไหว นางหวังอย่างจริงใจว่าการทดลองของอาจารย์จะสำเร็จ
แต่ว่าพร้อมกับที่ฉู่หลีหลีเริ่มเป็นผู้ใหญ่ เจี่ยหมิงคงก็ค้นพบเค้าลางบางอย่าง
เด็กผู้หญิงในอดีตเริ่มกลายเป็นผู้ใหญ่ ความคิดคำนึงของดรุณีน้อยคล้ายกับเกาะเกี่ยวกับอาจารย์ของตัวเอง
นางผูกพันกับเจี่ยหมิงคงไม่ธรรมดา คิดอะไรอยู่ย่อมไม่ปิดบัง
ความจริง ไม่เพียงไม่ปิดบังเจี่ยหมิงคงเท่านั้น เพราะดรุณีน้อยเปิดเผยเกินไป ไม่มีเจตนาปกปิดความคิดของตัวเองโดยสิ้นเชิง ตั้งใจให้อาจารย์รับรู้ความต้องการของตัวเอง
“ศิษย์พี่ ท่านว่าท่านอาจารย์ยึดถือว่าข้าเป็นเด็กน้อยเกินหรือไม่” ในตอนนั้นฉู่หลีหลีห่อปากบ่นกับเจี่ยหมิงคงด้วยความขุ่นเคือง เจี่ยหมิงคงไม่ทราบว่าควรตอบอย่างไร
นางย่อมหวังให้ฉู่หลีหลีเลิกคิดเช่นนี้ แต่นางไม่มีสิทธิ์ให้คำแนะนำอีกฝ่ายได้
ไม่เพียงแต่เพราะฉู่หลีหลีไว้วางใจนางเท่านั้น แต่เป็นเพราะนางเองก็เหมือนกัน…
ถูกต้อง ถึงแม้จะไม่ได้แสดงออกมาเหมือนอย่างฉู่หลีหลี แต่ไม่ทราบว่าความคิดของเจี่ยหมิงคงอยู่ที่อาจารย์ของตัวเองตั้งแต่เมื่อใด
ทุกครั้งที่เห็นศิษย์น้องสารภาพกับอาจารย์อย่างไม่ยอมลดละครั้งแล้วครั้งเล่า เจี่ยหมิงคงล้วนรู้สึกว้าวุ่น
ในใจนางเกิดความคิดที่รุนแรง ต้องการจะเลียนแบบฉู่หลีหลี
ต่อให้ครั้งเดียวก็ยังดี
แต่ทุกครั้งที่ต้องการพูด พอได้สัมผัสสายตาของเฉินเสวียนจง ความกล้าของนางก็เหือดหายไปจนสิ้นเหมือนกับหิมะถูกต้ม ความเปิดเผยตรงไปตรงมาในยามปกติไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด
จนกระทั่งวันหนึ่ง ตอนที่ใกล้จะถึงวันเกิดของฉู่หลีหลี เฉินเสวียนจงพลันเรียกเจี่ยหมิงคงไป
สิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้านางคือปีศาจตัวน้อยที่เหมือนกับจิ้งจอกขาว มีสี่ขา ตัวสั้นป้อมน่ารักตัวหนึ่ง
“เฝยเฝย? ทั้งยังเป็นทารก…” เจี่ยหมิงคงทราบความเป็นมาของมัน
เฉินเสวียนจงกล่าว “นี่เป็นของขวัญวันเกิดปีนี้ของหลีหลี นางอยู่หลังเขาคนเดียวมาตลอด ถึงแม้จะมีเจ้าคอยดูแล แต่เจ้าเองไม่ค่อยมีเวลา เมื่อมีเฝยเฝยตัวนี้อยู่เป็นเพื่อน ย่อมสามารถปลอบประโลมใจนางได้ ตอนที่ถึงวันเกิดนาง ให้เจ้ามอบเฝยเฝยตัวนี้แก่นาง การดูแลสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ตัวหนึ่งนับเป็นการเติบโตอย่างหนึ่งสำหรับนาง”
เจี่ยหมิงคงคงตาเป็นประกาย ลูกกระเดือกขยับเบาๆ วาจากมากมายเอ่อล้นในทรวงอก แต่กลับพูดอะไรไม่ออก
ครู่ต่อมานางได้แต่พูดว่า “ในวันเกิดของหลีหลี ท่านอาจารย์จะออกไปด้านนอกหรือ”
“ยังไม่ได้วางแผน” เฉินเสวียนจงส่ายหน้า
“เช่นนั้นท่านก็มอบแก่หลีหลีด้วยตัวเองก็ได้ ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ หลีหลีเป็นเช่นนี้ทุกปี” เจี่ยหมิงคงสุดท้ายก็อดพูดไม่ได้
นางลดเสียงลง “ถ้าท่านมอบให้เอง หลีหลีจะดีใจยิ่ง”
“ปีนี้แตกต่างจากเมื่อก่อน” เฉินเสวียนจงกล่าวอย่างราบเรียบ “ปีนี้ความคิดของหลีหลีมีการเปลี่ยนแปลง…นาง…โตขึ้นแล้ว”
“สำหรับข้า นางเป็นศิษย์และเป็นหลานสาว บุรุษสตรีแตกต่าง ไม่อาจทำตามใจได้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าไม่รอบคอบเอง ยังดีที่แกะตายยังล้อมรั้วทัน เหมือนยังไม่สายไป”
เจียหมิงคงมึนงง จากนั้นก็ประหลาดใจ
ต่อมาก็เกิดความรู้สึกหนึ่ง เป็นความละอายต่อฉู่หลีหลีหลายส่วน
สุดท้ายก็เป็นความเศร้าสร้อย
นางเป็นลูกศิษย์ของเฉินเสวียนจงเช่นกัน…
ภูตผีดลบันดาล เหมือนกับการขขัดขืนครั้งสุดก่อนสิ้นชีวิตอย่างไม่ยินยอม นางโพล่งขึ้น “ท่านอาจารย์ วันเกิดปีนี้ของข้า ข้าขอของขวัญเหมือนกันได้หรือไม่…”
………………..