ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1187 เจี่ยหมิงคงที่ลืมตา
เมื่อหนึ่งพันปีก่อนหน้านี้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น ประทับอยู่ในส่วนลึกวิญญาณของเจี่ยหมิงคงตลอดกาล
ทุกครั้งที่นึกถึงอดีตแต่ละฉาก เจี่ยหมิงคงรู้สึกว่าวิญญาณของตนเหมือนกับกำลังลุกไหม้ หลังลุกไหม้ก็เย็นเยียบและเปล่าเปลี่ยว
กระนั้นวันนี้ นางจะกระพือเปลวเพลิงที่ลุกไหม้นี้ให้รุนแรงถึงขีดสุด
ตอนนี้เมื่ออยู่ในนพยมยมโลก ความปรวนแปรด้านอารมณ์ที่รุนแรง ถึงขั้นดึงดูดให้ควันมารนพยมโลกจำนวนมากที่กระจายอยู่ทั่วบริเวณมารวมตัวกันรอบๆ นาง
หากว่าในใจมีความยึดมั่นและความคิดชั่วร้ายมากเกินไป ก็อาจจะกลายเป็นเจตจำนงมาร สุดท้ายจะร่วงหล่นสู่วิถีมาร กลายเป็นมารไปในที่สุด
เจี่ยหมิงคงในตอนนี้ทั่วทั้งร่างเหมือนมีควันมารลุกไหม้ แต่ในส่วนลึกสุดด้านในกลับสงบนิ่งเยือกเย็น
เพื่อวันนี้ นางรอและเตรียมตัวมานานเกินไป ไม่มีทางล้มเหลวง่ายๆ โดยเฉพาะความล้มเหลวที่เกิดจากข้อผิดพลาดของตัวเอง
เจตจำนงของมารร้ายในนพยมโลกจะต้องถอยออกไปเพราะเรื่องในวันนี้
ความยึดมั่นนี้ขณะที่มันร้อนแรง ก็เป็นความเยือกเย็นที่สะสมมาพันปี เพื่อรับประกันความสำเร็จในวันนี้
ในตอนที่ ‘มอง’ ม่านฟ้าสีขาวหิมะเปิดออกจากตรงกลาง ประกายกระบี่สายหนึ่งและแสงอัสดงสีแดงผสมทองสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากด้านใน เข้ามาในนพยมโลก กระนั้นสีหน้าของจักรพรรดินียังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ประกายกระบี่กับแสงอัสดงสีแดงทองบรรลุถึงด้านหน้าจักรพรรดินี ปรากฎร่างของจักรพรรดิสัจอุรุและจักรพรรดิปฐพีศานติ
ทั้งสองสีหน้าเคร่งขรึม จ้องมองจักรพรรดินี รวมถึงกลุ่มแสงขนาดมหึมาที่ส่องระยิบระยับในเขตมารนพยมโลกด้านข้างนาง
ลวดลายอาคมหลายสายกำลังไหลเวียน เกาะเกี่ยวกันไม่หยุดด้านในกลุ่มแสง จากนั้นคล้ายมีเส้นแสงมากมายสาดออกมาจากด้านใน ข้ามผ่านควันมารนพยมโลกหลายชั้น ไปถึงมิติไร้สิ้นสุดด้านนอกนพยมโลก
ตราอาคมสีขาวยังคงหมุนอยู่ที่นั่น พอได้รับการเสริมพลังจากเส้นแสงหลายสายนั้น ก็หมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ
“จงใจใช้เหล็กเย็นดวงดาวเพื่อล่อพวกเรามา ท่านคิดช่วงชิงเวลาหรือ”
จักรพรรดิศานติกับจักรพรรดิอุรุไม่ได้กล่าวอะไร ไม่ได้เสียเวลาไปกับการพูดคุย แต่จู่โจมทันที
ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกัน สองคนก็สอดประสานกันได้
จักรพรรดิอุรุโจมตีใส่กลุ่มแสงนั้น ต้องการทำลายพิธีกรรม และโจมตีจุดอ่อน
ฝ่ายจักรพรรดิศานติจู่โจมจักรพรรดินี ทำให้นางไม่อาจแบ่งสมาธิไปใส่ใจเรื่องอื่น
จักรพรรดินีหลับสองตา สีหน้าไร้อารมณ์ สืบเท้าออกด้านหน้าก้าวหนึ่ง
จากนั้นจักรพรรดิศานติก็โบกสองแขน กระแทกเข้าใส่จักรพรรดินีพร้อมกัน
มิติด้านในเขตมารนพยมโลกที่มีควันมารกระจายอยู่ถูกเจาะออกบริเวณหนึ่ง
ท่ามกลางความวุ่นวาย ดิน น้ำ ลม ไฟ แผ่กระจายไปทั่วสี่ทิศ
จากนั้นก็เห็นสี่มังกรสี่พยัคฆ์พุ่งออกมาจากด้านในพร้อมกัน แต่ละตัวพาดขวางอยู่ในมิติไร้สิ้นสุด ใหญ่จนไม่อาจประมาณได้ กลิ่นอายที่แข็งกล้าถมเต็มสี่ทิศ
พร้อมกับที่จักรพรรดิศานติครอบฝ่ามือลง พยัคฆ์มังกรก็ผสานการโจมตี พุ่งเข้าใส่จักรพรรดินี
จักรพรรดินีใบหน้าไม่แปรเปลี่ยน ยกมือหนึ่งขึ้น รวบห้านิ้ว ตั้งฝ่ามือประดุจดาบ จากนั้นก็ฟันใส่พยัคฆ์มังกรเบื้องหน้า!
ฝ่ามือเรียวเล็กเหมือนกลายเป็นวัตถุที่คล้ายขวานไม่คล้ายขวานด้ามหนึ่ง
ดาบนั้นของนางหมายจะทำลายความโกลาหล แยกความขมุกขมัว กำหนดดินน้ำไฟลม ความมืดมัวซัวหลังจากถูกแสงสว่างพร่างพราวเปิดออกทั้งหมด ก็ปรากฏสายน้ำนับไม่ถ้วน
สายน้ำอยู่ระหว่างก่อนกำเนิดและหลังกำเนิด เหมือนกับแฝงพลังชีวิตและความอ่อนโยนไร้สิ้นสุด แต่ก็แฝงความเย็นเยียบและจิตสังหารไร้สิ้นสุดเช่นกัน
จักรพรรดินีใช้ฝ่ามือเป็นดาบ ฟันออกหนึ่งดาบ ปรากฏสภาวะเบิกฟ้าผ่าดินอย่างเลือนราง
มิคาด ครั้งนี้จักรพรรดิศานติกลับไม่ปะทะกับนางซึ่งๆ หน้า
พยัคฆ์วายุและมังกรเมฆที่ดุร้ายรวมตัวและสลาย แยกกันออกไปสองฟากข้าง หลบคมดาบของจักรพรรดินี จากนั้นก็รวมตัวกันอีกครั้ง แล้วโจมตีใส่ตรงกลาง
คมดาบของจักรพรรดินีไม่ได้เชื่องช้าลง ยังคงฟันใส่จักรพรรดิศานติต่อ
พริบตาแรกที่สองฝ่ายสู้กัน ก็เปลี่ยนเป็นสภาวะโจมตีปะทะโจมตี บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย!
แต่จักรพรรดิศานติปั้นสีหน้าเย็นชา ไม่มีความคิดถอยแม้แต่น้อย
ดวงตาของมังกรและพยัคฆ์บนเสื้อคลุมเต๋าลายพยัคฆ์มังกรบนร่างเขาเป็นประกายพร้อมกัน
แสงสว่างละลานตาหนึ่งแดงหนึ่งทองสว่างขึ้นในเวลาเดียวกัน แล้วสาดส่องนพยมโลกที่มืดมิดรอบๆ
ท่ามกลางเสียงคำรามของพยัคฆ์และมังกร แสงสว่างสีแดงสีทองสองสายเกาะเกี่ยวกัน กอปรเป็นชุดเกราะที่สว่างไสวชุดหนึ่งบนร่างของจักรพรรดิศานติ!
เกราะสวมบนร่าง พยัคฆ์มังกรสอดประสาน พายุสีแดงกับเมฆมงคลสีทองวนเวียนอยู่รอบๆ จักรพรรดิปฐพีศานติพลันดูเหมือนกับเทพจุติ
ร่างของเขาระเบิดขึ้นในพริบตา กลายเป็นคนยักษ์ค้ำฟ้ายันดิน
ทั้งสองคนในตอนนี้ต่อสู้กันไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง ยากจะแบ่งสูงต่ำ
แต่จักรพรรดิศานติทราบว่า จักรพรรดินีที่หลับตาไม่ใช่จักรพรรดินีที่แท้จริง
ขณะที่นับถือพลังของจักรพรรดินี จักรพรรดิศานติก็หวั่นเกรงเหลือประมาณ แต่ที่เขายังกล้ากลุ้มรุมจักรพรรดินีเพื่อชิงเหล็กเย็นดวงดาว นอกจากเป็นเพราะมีจักรพรรดิอุรุร่วมทางแล้ว ย่อมมีอย่างอื่นให้พึ่งพา
ท่านปิดด่านเสวียนหมิง ข้ามีเกราะพยัคฆ์มังกรทองชาด อาวุธเซียน!
เมื่อมีอาวุธเซียนหนุนเสริม จักรพรรดิศานติก็ระเบิดสภาวะขึ้น ประกบสองฝ่ามือ ขนาดและความยิ่งใหญ่ของพยัคฆ์มังกรที่โจมตีใส่จักรพรรดินีก็เหี้ยมหาญแข็งกร้าวกว่าเดิม เสมือนน้ำขึ้นเรือลอยสูง
ลมจากเสือ เมฆจากมังกร
เสือทั้งสี่ตัวที่เกิดจากดินน้ำลมไฟคำรามขึ้นติดต่อกัน ดุร้ายขึ้นกว่าเดิมเพราะผลจากพายุสีแดง และภายใต้การหนุนนำจากเมฆมงคลสีทอง มังกรแสงสีตัวนั้นก็ยิ่งสั่นสะท้านจิตใจ น่าเกรงขามขึ้นกว่าเดิม
จักรพรรดินีฟันดาบบรรลุถึงด้านหน้าจักรพรรดิศานติ คมดามเย็นเยียบทะลวงพายุสีแดงและเมฆสีทองที่ครอบคลุมร่างของอีกฝ่ายอย่างหักโหม
แต่ว่าจักรพรรดิศานติมีแสงหมุนเวียนรอบๆ เขาครางหนักๆ คำหนึ่ง ป้องกันดาบนี้ของจักรพรรดินีไว้ได้
เขาต่อยสองหมัดลงด้านล่าง สี่มังกรสี่พยัคฆ์แทบจะใช้สภาวะทำลายฟ้าดิน แยกกันพุ่งเข้าหาขมับของจักรพรรดินี
ลมพัดเมฆปรากฏ ร่างของจักรพรรดินีมองไปบิดเบี้ยวอยู่บ้าง
อีกด้านหนึ่ง จักรพรรดิอุรุไม่ได้สนใจการต่อสู้ระหว่างเซียนจริงแท้สองคน แต่ว่าแทงกระบี่ใส่กลุ่มแสงกลุ่มนั้น
ทว่าทันใดนั้นเอง จิตใจของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง เกิดลางสังหรณ์ขึ้น!
จักรพรรดิศานติกลับสัมผัสไม่ได้ แต่ตรงหน้าเขาปรากฏภาพที่อยู่เหนือความคาดหมาย
พยัคฆ์มังกรโจมตีพร้อมกัน ภายใต้เมฆและลมที่ม้วนพัด จักรพรรดินีพลันยิ้มขึ้น เหมือนกับเมฆหายจันทราปรากฎ
ขณะเดียวกัน ดวงตาสองข้างที่ปิดมาโดยตลอด ในตอนนี้ก็เปิดขึ้นอย่างเงียบๆ
‘จักรพรรดิอันดับหนึ่งของโลกซ้อนโลกในปัจจุบันคือ เจี่ยหมิงคงที่ลืมตา!’
แม้จะเตรียมใจแต่แรก แต่คำพูดนี้ก็ยังปรากฏขึ้นในความคิดของจักรพรรดิปฐพีศานติอย่างกะทันหัน
จากนั้น เขาก็พลันตาลาย เป็นเพราะว่าแสงสว่างสีฟ้าที่พร่างพราวในม่านตาสองข้างที่เปิดขึ้นของจักรพรรดินี ตอนนี้เจิดจ้าจนทำให้เขาที่เป็นเซียนจริงแท้เหมือนกันไม่กล้ามองตรงๆ!
วิญญาณยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากความหนาวเย็น เหมือนกับถูกเพลิงผลาญ แต่ก็เป็นเย็นยะเยือกจนรู้สึกชา แทบสูญเสียประสาทรับรู้
พริบตานั้นในมิติมีหิมะปลิวว่อน ใต้เกล็ดหิมะพวกนั้น พายุสีแดงกับเมฆมงคลสีทองล้วนแต่ถูกแช่แข็งเป็นหมอกน้ำแข็งหลายกลุ่ม
พยัคฆ์มังกรที่แผดเสียงคำรามกลายเป็นรูปสลักน้ำแข็ง หยุดนิ่งห่างจากข้างศีรษะของเจี่ยหมิงคงแค่คืบเดียว
ดาบที่นางใช้มือฟันออกไปก่อนหน้า แล้วถูกขวางไว้ ขณะนี้เคลื่อนตัวไปด้านหน้าต่อ!
ประกายเย็นเยียบเพียงกะพริบทีหนึ่ง ก็ทำลายเมฆและลมสีแดงทองได้แล้ว
จักรพรรดิศานติที่นับว่าผ่านสมรภูมิมานับร้อย บัดนี้ชักสองแขนกลับ โอบอุ้มพยัคฆ์มังกร ป้องกันขัดขวางการโจมตีของเจี่ยหมิงคงสุดกำลัง
เกราะพยัคฆ์มังกรทองชาดมีแสงหลายสายหมุนเวียน พลังป้องกันถูกยกระดับขึ้นถึงขีดสุด
หิมะสีขาวโพลนกระจายไปทั่วทั้งร่างของจักรพรรดิศานติในชั่วอึดใจเดียว ทำให้เขาต้องโซเซถอยหลัง
หลังจากโจมตีจักรพรรดิปฐพีศานติให้ถอยไปได้แล้ว เจี่ยหมิงคงยืนตระหง่านกลางอากาศ แสงสว่างสีฟ้าในสองตาเจิดจ้า กวาดมองรอบๆ แล้วหันไปมองจักรพรรดิอุรุ
คมกระบี่ของจักรพรรดิอุรุห่างจากดวงแสงนั้นเพียงแค่คืบเดียว ในอากาศกลับมีฝนน้ำแข็งไร้สิ้นสุดตกลงมา
หยดฝนหยดหนึ่งเหมือนกับคมดาบ
ทั่วทั้งฟ้าคือลมและเกล็ดน้ำแข็ง
ใต้ท้องนภาคือเกล็ดน้ำแข็งคมกริบ!
ภายใต้การกลุ้มรุมเข่นฆ่า ดาบพายุกระบี่เกล็ดน้ำแข็งที่แท้จริงกลายเป็นแหฟ้าตาข่ายดินแห่งความตาย ครอบคลุมใส่จักรพรรดิสัจอุรุ!
………………..