ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1189 ไม่มีใครรู้จักลูกศิษย์เท่าอาจารย์
‘ท่านอาจารย์คิดขัดขวางการกลับมาของมารน้ำกุ่ย มารตัวอื่นๆ ถึงแม้ไม่อาจทำอะไรเขา แต่ก็แบ่งแยกสมาธิเขาได้’
ดวงตาของจักรพรรดินีเป็นประกาย เจิดจ้าจนแยงตา ‘เขาแบ่งสมาธิมาจัดการพิธีกรรมของข้าได้อย่างไร’
นางตั้งสมาธิขบคิด พลันตื่นตระหนกขึ้น
‘เยี่ยนจ้าวเกอ!’
ตอนนี้ เหล่ามารกำลังอาละวาดบนธารน้ำแข็งไร้สิ้นสุดในชายฝั่งยมโลก แต่ว่าธารน้ำแข็งขยายขึ้นไม่หยุดยั้ง ลมและพายุผสมกัน ความเย็นที่รุนแรงกั้นเหล่ามารไว้ด้านนอก
ด้านในธารน้ำแข็ง กษัตริย์ดาราอยู่ในน้ำแข็ง รอยแผลสายหนึ่งเปิดขึ้นบนหน้าผาก แสงสว่างสีฟ้ากะพริบ ปราณมารเอ่อล้น แต่เขาสายตากระจ่างใส สีหน้าสงบนิ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอนั่งขัดสมาธิอยู่เหนือทะเลน้ำแข็งด้านข้างเขา ประกายโลหิตสายหนึ่งไหลเวียนตรงหน้าอย่างต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้เขาได้ออกจากธารน้ำแข็ง เตรียมจะผละจากชายฝั่งยมโลก เข้าสู่นพยมโลก ทว่ามีเสียงลอดเข้ามาในหูของเขาเสียก่อน “จ้าวเกอหยุดก่อน”
เป็นกษัตริย์ดาราส่งกระแสเสียงหาเขา
ชายฝั่งยมโลกบริเวณนี้มีกษัตริย์ดาราเป็นผู้ปกครอง ต่อให้เขาจะถูกคุมขัง จักรพรรดินีมีพลังแข็งแกร่งสุดขีด ทว่าหากกษัตริย์ดาราคิดจะลอบจัดการให้ใครกลับมาในธารน้ำแข็งกลับไม่ใช่เรื่องยาก
ดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอจึงซ่อนตัวอยู่ในธารน้ำแข็ง ใช้สายตาส่งจักรพรรดินีออกไปไกลพร้อมกับกษัตริย์ดารา และมองดูการบุกจู่โจมของเหล่ามาร มองดูสองจักรพรรดิจากมรกตท่องฟ้าหลงเข้ามาด้านใน
“ผู้ใดจะรู้จักศิษย์เท่าอาจารย์ กษัตริย์ดาราคาดการณ์ถูกต้อง” เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจชมเชย
“ข้าคิดไม่ถึงว่าหมิงคงจะเสียสติเช่นนี้” กษัตริย์ดาราสั่นศีรษะ เพียงมองออกว่า การมาในครั้งนี้ของจักรพรรดินีจะต้องมีเจตนาแอบแฝง
สายตาของกษัตริย์ดาราเหมือนทะลุมิติ ข้ามการกีดขวางจากควันมารและเขตมารของนพยมโลก สบเข้ากับสายตาที่มองมาทางด้านนี้ของจักรพรรดินี
สองศิษย์อาจารย์ประสานดวงตา สายตากลายเป็นซับซ้อน
“ท่านอาจารย์ ข้าไม่ต้องการให้ท่านยกโทษ และข้าไม่โทษว่าเยี่ยนจ้าวเกอด้วยเช่นกัน” จักรพรรดิพึมพำขึ้นหลังจากเงียบงัน “แต่ข้าจะต้องทำให้สำเร็จ!”
นางหมุนตัวไปตบใส่ดวงแสง
ดวงแสงที่ตอนแรกก็มีขนาดมหึมาอยู่แล้วนั้นพองขึ้นอีกขั้น ลำแสงหลายสายที่เหมือนกับผืนผ้าพุ่งออกมาจากด้านใน แล้วตัดสลับกัน
ตราอาคมเรืองแสงสีขาวที่อยู่ในมิติเวลาอีกที่หนึ่ง แสงสว่างยิ่งเจิดจ้าขึ้น สะกดริ้วเลือดที่แผ่ขยายด้านบน
แสงสีฟ้าจากรอยมารบนหน้าผากกษัตริย์ดาราเริ่มไหลออกด้านนอกทีละน้อยๆ
ผิวของตราอาคมแสงที่อยู่ในอากาศเริ่มมีแสงสีฟ้าปรากฏขึ้น
“จักรพรรดิปฐพีศานติและจักรพรรดิสัจอุรุจากมรกตท่องฟ้าร่วมมือกัน ก็ยังทำอะไรจักรพรรดินีไม่ได้หรือ” เยี่ยนจ้าวเกอนั่งขัดสมาธิเงียบๆ “จักรพรรดินีสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพิธีกรรม เช่นนั้นหมายความว่าจักรพรรดิทั้งสองคนไม่อาจสะกดนาง”
“ข้าได้ยินมาว่าจักรพรรดิศานติยังมีอาวุธเซียนอยู่กับตัวเอง” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวพลางยิ้มอย่างขื่นขม “มีคำพูดคำหนึ่งเหมาะกับการใช้ตรงนี้ยิ่ง เซียนจริงแท้บนโลกซ้อนโลกสามารถแบ่งเป็นสองประเภท ประเภทหนึ่งคือจักรพรรดินี ประเภทหนึ่งคือคนอื่น”
จากนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็ส่ายหน้า การเคลื่อนไหวไม่ได้เชื่องช้าลง เขาขวางมือหนึ่งประกบเป็นท่ามุทรากลางหน้าอก มืออีกข้างชี้ไปยังมิติที่อยู่ด้านบน
“กษัตริย์ดารา ข้าเพิ่งทดลองใช้พิธีนี้เป็นครั้งแรก เพราะต้องรับมืออย่างฉุกละหุก จึงสู้จักรพรรดินีที่วางแผนมาหลายปีไม่ได้” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเสียงทุ้ม “ผลลัพธ์สุดท้ายถ้าเกิดความเสียหาย ขอให้ท่านเตรียมใจไว้ด้วย”
ยามนี้กษัตริย์ดาราหลับตา “ไม่เป็นไร คงไม่แย่ไปกว่าตอนนี้แล้ว”
พร้อมกับที่เขาหลับตา รอยมารที่เปิดขึ้นบนหน้าผากเริ่มสมานกันอย่างแช่มช้า
แสงสว่างสีฟ้ากะพริบไม่หยุด เหมือนกับกำลังดิ้นรน
เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองตราอาคมแสงสีขาวที่อยู่ในอากาศนั้น เห็นแสงมารสีฟ้าบนตราอาคมส่ายไหว
ความลำบากของกษัตริย์ดาราอยู่ที่ต้องสะกดการกลับมาของมารน้ำกุ่ย และต้องป้องกันผลจากพิธีกรรมของจักรพรรดินี หากป้องกันประสิทธิผลที่พิธีกรรมของจักรพรรดินีนำมามากเกินไป อาจจะลดการสะกดมารน้ำกุ่ยลง
ด้วยเหตุนี้ ทางด้านฉู่หลีหลีที่มรกตท่องฟ้าย่อมไม่มีอะไรต้องห่วง กษัตริย์ดาราอาจจะร่วงหล่นสู่วิถีมาร กลายเป็นมารอย่างสมบูรณ์
ปัญหาในตอนนั้นไม่ใช่กษัตริย์ดารายอมสละตัวเอง กลายเป็นมารแทนฉู่หลีหลีอีกแล้ว แต่เป็นใครที่อยู่ที่นี่จะควบคุมกษัตริย์ดาราหลังจากกลายเป็นมารต่างหาก
ผลลัพธ์สุดท้ายคือมารน้ำกุ่ยซึ่งเป็นหนึ่งในสิบสองมารเทพสวรรค์กลับมาและคืนชีพอย่างเป็นทางการ
จุดที่น่ากระอักกระอ่วนยิ่งกว่าก็คือ กษัตริย์ดาราไม่อาจยื้อยันกับจักรพรรดินีได้นานเกินไป
จอมมารที่อยู่ในชายฝั่งยมโลกในตอนนี้ แรกสุดเพียงแต่ถูกจักรพรรดินีใช้พิธีกรรมพิเศษเรียกมา กลับไม่ทราบว่ามารน้ำกุ่ยกับกษัตริย์ดาราพันพัวฉุดรั้งกันอยู่ที่นี่
ตอนนี้พวกเขาย่อมไม่ทราบแล้ว
ถ้าหากดึงดูดจอมมารที่แข็งแกร่งกว่าเดิมตัวอื่นๆ มาที่นี่ แผนการของจักรพรรดินีย่อมไม่อาจสำเร็จ เยี่ยนจ้าวเกอกับกษัตริย์ดาราก็ย่ำแย่เช่นกัน ดังนั้นจะต้องรีบเผด็จศึกในเวลาสั้นๆ ไม่อาจถ่วงเวลาต่อไป
สำหรับสภาพของเยี่ยนจ้าวเกอ หากแผนการของจักรพรรดินีสำเร็จ กษัตริย์ดาราหลุดจากพันธนาการ โดยทฤษฎีแล้วส่งผลดีต่อเขามากที่สุด แต่ว่าทุกเรื่องราวไม่อาจมองแค่เปลือกเท่านั้น
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้คน ที่แล้วมาไม่ใช่แค่ผลได้ผลเสีย
กษัตริย์ดาราไม่ใช่จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ และเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ใช่เช่นกัน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ได้แต่ต้องเสี่ยงแล้ว
เพื่อสือจวินสองแม่ลูก เยี่ยนจ้าวเกอคิดจะทดลองการศึกษาส่วนหนึ่งในหลายปีมานี้ของตัวเองเช่นกัน ตอนนี้เป็นโอกาสที่หายาก
เมื่อกำหนดแผนการได้แล้ว นิ้วมือที่เขาชี้ไปยังความว่างเปล่าก็วาดลงด้านล่างอย่างหนักหน่วง จากนั้นก็วาดเป็นยันต์อาคมสายหนึ่ง
ยันต์อาคมกะพริบ ลอยไปถึงด้านหน้ากษัตริย์ดารา จากนั้นก็ประทับลงบนหน้าผากของกษัตริย์ดารา
กษัตริย์ดาราไม่ได้ขัดขวาง ปล่อยให้ยันต์อาคมประทับลงบนรอยมารที่กำลังบิดเบี้ยวไม่หยุดบนหน้าผากของเขา
เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ลดเสียงท่องบทสวด “พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า มารโปรดสรรพสัตว์”
ร่างของเขาเปลี่ยนเป็นร่างของพระพุทธสีดำอีกครั้ง
กลางฝ่ามือสองข้างและทรวงอกของพระพุทธมีอักษรอาคมสวัสดิกะ (卍) กลับด้านกำลังหมุนอยู่
เส้นเลือดมากมายบนตราอาคมแสงสีขาวนั้นยิ่มเข้มข้นและถี่ยิบกว่าเดิม
กษัตริย์ดาราอยู่ในเสาน้ำแข็ง พลันยื่นมือข้างหนึ่งออกมา ในมือเขามีดาบยาวที่หักไปแล้วเล่มหนึ่งเพิ่มขึ้นมาด้วย
ปลายดาบหายไป เหลือเพียงคมดาบยาวสองฉื่อ เป็นสีขาวปลอดปานหยกทั้งเล่ม ส่งความเย็นหลายสาย
กษัตริย์ดาราหลับสองตา ไม่ได้ลืมตา สะบัดดาบหักจากด้านในเสาน้ำแข็งไปด้านนอกเบาๆ
ในการสะบัดดาบของเขา รอยมารที่ถูกสะกดบนหน้าผาก พลันมีแรงกดดันลดลง พร้อมกันนั้นก็เริ่มบิดเบี้ยวและขยายใหญ่
แต่สิ่งที่โชคดีก็คือ คมดาบของกษัตริย์ดารา พอสะบัดออกไปก็ชักกลับทันที
หลังจากเขาชักดาบกลับ ก็สร้างความมั่นคงให้แก่รอยมารบนหน้าผากได้อีกครั้ง ถึงแม้จะไม่อาจควบคุมให้มันหดเล็กลงได้ แต่ก็ทำให้บาดแผลยากจะขยายใหญ่ขึ้น
ดาบที่ดูธรรมดานั้น เข่นฆ่าจอมมารตนหนึ่งที่พะว้าพะวงอยู่ด้านนอกธารน้ำแข็ง!
จอมมารเหล่านั้นเป็นยอดฝีมือบนวิถีมารที่เทียบเท่ากับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเซียนของเผ่ามนุษย์
การรุมโจมตีธารน้ำแข็งก่อนหน้ามีสภาวะสูงเทียมฟ้า
แต่ว่าตอนนี้ พอประกายเย็นเยียบกะพริบขึ้น มารที่บ้าคลั่งที่สุดก็ถูกฟันขาดเป็นสองท่อนในดาบเดียว!
จอมมารที่ถูกฆ่าไม่ได้สูญสลายไปเหมือนตอนที่เพื่อนร่วมเผ่าตนอื่นๆ ตาย แต่กลายเป็นเลือดสกปรกสีแดงคล้ำหย่อมหนึ่ง
เลือดมารหล่นลง ซึมเข้าไปในธารน้ำแข็ง แล้วไหลมาถึงตรงหน้ากษัตริย์ดารา กลายเป็นบึงเลือดแห่งหนึ่ง
พระพุทธสีดำที่เกิดจากเยี่ยนจ้าวเกอ บัดนี้จมลงไปในบึงเลือด
จากนั้นกษัตริย์ดาราก็เก็บดาบหักของตัวเอง มือออกหนึ่งกระบวนท่า ก่อนที่ดาบแสงส่องประกายสีแดงเล่มหนึ่งออกมาจากในบึงเลือด ลอยขึ้นมาอย่างแช่มช้า
………………..