ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1196 อุดมการณ์แตกต่างกันไม่อาจวางแผนร่วมกัน
เทียบกับมรกตท่องฟ้า เทียบกับฝ่ายจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ที่ได้จากไป ความสัมพันธ์ระหว่างโลกซ้อนโลกกับโถงเซียนค่อนข้างนุ่มนวลกว่า แต่สองฝ่ายก็ไม่ได้อยู่บนเส้นทางเดียวกัน การสอดแนมและการหยั่งเชิงในที่ลับไม่เคยหายไปไหน
เรื่องราวของฟู่อวิ๋นฉื่อจักรพรรดิแพรงามในอดีตเป็นตัวอย่างที่ค่อนข้างโดดเด่น
เพียงแต่ว่าทุกอย่างนี้ดำเนินอยู่ในที่ลับ นอกจากผู้เกี่ยวข้องแล้ว มักจะไม่บอกให้คนอื่นๆ ทราบ
“ถึงแม้ว่าฟู่แพรงามถึงกับแบ่งหนึ่งเป็นสอง อยู่นอกเหนือความคาดหมายของข้าผู้แซ่หยาง…” พูดถึงตรงนี้ กษัตริย์เร้นลับก็มองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยรอยยิ้ม
เยี่ยนจ้าวเกอปั้นสีหน้าผ่าเผย ใบหน้าไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงที่กษัตริย์เร้นลับเข้าฌาน แต่ว่าการเข้าฌานไม่ได้หมายความว่าตัดขาดจากข่าวสารภายนอกโดยสิ้นเชิง ดังนั้นแม้กษัตริย์เร้นลับจะทราบเรื่องทีหลัง เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ประหลาดใจ
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องราวนี้ส่วนใหญ่แล้วยังอยู่ในการคาดการณ์ของกษัตริย์เร้นลับ ซึ่งรากฐานมาจากฝีมือของเขา
“แต่ต่อให้จะแบ่งจากหนึ่งเป็นสอง ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล” กษัตริย์เร้นลับพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง “เมื่อผ่านภัยพิบัตินี้ไปได้ ฟู่แพรงามอาจจะขจัดเภทภัยได้ พวกเขามีโอกาสรุดหน้าหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง”
กษัตริย์เร้นลับมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ “คนที่เดินบนเส้นทางไร้รักจะก้าวหน้าอย่างไร ไม่ต้องกล่าวมากความ แต่คนที่เดินบนเส้นทางมีรัก ข้าได้เตรียมวิธีการไว้ให้แล้ว ถึงอย่างไรในตอนที่ทำให้ฟู่แพรงามให้กำเนิดบุตรีคนที่สอง ข้าก็ไม่ทราบว่าจะไปตามหาหมัดแปลงกำเนิดกับเมฆแปลงกำเนิดที่ใด เส้นทางไร้รักกลับไม่มีหวังจะก้าวหน้า ดังนั้นข้าจึงมีการเตรียมการสำหรับเส้นทางมีรัก หลังจากเขาขจัดเภทภัยได้”
เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตา “กษัตริย์เร้นลับคิดรอบคอบจริงๆ”
“เหมือนอย่างที่สหายร่วมเส้นทางเฉินบอก ถึงแม้เอกพิสุทธิ์กับหยกพิสุทธิ์จะมีข้อแตกต่าง แต่ทุกคนล้วนเป็นสามพิสุทธิ์สายหลัก ไม่ใช่มีอุดมการณ์แตกต่างเหมือนสายเหนือพิสุทธิ์ ข้าผู้แซ่หยางย่อมไม่อยากสูญเสียคนอย่างฟู่แพรงามไป” กษัตริย์เร้นลับพูดด้วยรอยยิ้ม
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเหอะๆ
ไม่ใช่ไม่อยากสูญเสียคนที่มีอุดมการณ์ต่างกัน
ในทางตรงกันข้าม ความจริงเท่ากับพูดว่า ถ้าหากอุดมการณ์ไม่ตรงกัน เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องทะนุถนอมใดๆ
ฉู่หลีหลีไปซ่อนตัวที่มรกตท่องฟ้า เป็นฝีมือในที่ลับของผู้ใด ปัจจุบันไม่ต้องกล่าวมากความ
กษัตริย์เร้นลับพิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอตั้งแต่หัวจรดเท้า หลังจากนั้นสักพักก็ค่อยพูดว่า “กล่าวกันอย่างยุติธรรม เทียบกับฟู่แพรงามแล้ว ข้าเสียดายท่านยิ่งกว่า”
“ขอบคุณความเมตตาอันเหลือล้นของกษัตริย์เร้นลับ” เยี่ยนจ้าวเกอมองใบหน้าของอีกฝ่าย ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
กษัตริย์เร้นลับพูดด้วยความประหลาดใจอยู่หลายส่วน “สหายร่วมเส้นทางเฉินหลุดออกมาได้ ผลลัพธ์สุดท้ายกลับเหมือนอยู่เหนือการคาดการณ์ของข้าไปบ้าง หรือว่าเป็นฝีมือของเจ้า”
เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “ข้าคนเดียวไม่อาจกระทำได้ เพียงแต่ประสบพบเจอโดยบังเอิญ จึงลงมือสุดกำลัง”
“สหายน้อยฉู่ไม่ได้แบกรับรอยมารเพียงคนเดียว สหายร่วมเส้นทางเฉินคงยินดี แต่ว่าสหายน้อยเจี่ยศิษย์อีกคนหนึ่งเกรงว่าจะผิดหวังยิ่ง” กษัตริย์เร้นลับมองเยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ด้วยสภาพบนโลกซ้อนโลกในปัจจุบันของเจ้ากับเขากว่างเฉิง การกระทำที่ส่งผลดีที่สุด ความจริงคือการไม่ทำอะไรกระมัง”
การเมินเฉย กับการลงมืดขัดขวางหรือช่วยเหลือ เป็นคนละเรื่องกัน
หากเยี่ยนจ้าวเกอไม่ทำอะไร ก็นับว่าไม่ล่วงเกินกษัตริย์ดารา
ไม่มีคนสามารถขอให้อีกคนมีความสามารถทุกอย่าง จนสร้างปาฏิหาริย์ทั้งหมดได้
ด้วยนิสัยของกษัตริย์ดารา ไม่มีทางขอให้เยี่ยนจ้าวเกอเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่ระบายโทสะใส่เขาเพราะเขา ‘ไร้ความสามารถ’
หากเยี่ยนจ้าวเกอเมินเฉย แผนของจักรพรรดินีจะสำเร็จ มรกตท่องฟ้าอาจจะเกิดมรสุมขึ้นเพราะเหตุนี้ ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดคือกษัตริย์ลี้ลับและกษัตริย์เถาที่เข้าฌานถูกบีบให้ออกฌานก่อน
แต่ว่าเมื่อสองกษัตริย์อยู่ด้วยกัน ฉู่หลีหลีกลายเป็นมารที่นั่นก็มีแต่ผลลัพธ์ถูกสังหาร
ขณะเดียวกัน พวกนางไม่มีทางระบายโทสะใส่เยี่ยนจ้าวเกอที่ไม่หยุดทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะ ‘ความจนปัญญา’ ของเขาเช่นกัน
ถึงอย่างไร เรื่องที่กษัตริย์ดาราทำไม่ได้ จะขอให้จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งมาแก้ไขได้อย่างไร
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ออกหน้าเสียอย่าง ใครบ้างจะทราบว่าเขาทำได้ถึงขั้นไหน ต่อให้ก่อนหน้านี้เขาจะเคยสนทนากับกษัตริย์ดาราเกี่ยวกับเรื่องตรามาร แต่ว่าหากต้องการควบคุมจริงๆ เขาจะมีความสามารถขนาดไหนก็มีแต่ตัวเขาที่รู้
ยิ่งไปกว่านั้น ในความจริงแล้ว ครั้งนั้นเยี่ยนจ้าวเกอเพียงลองเสี่ยงดู ไม่ได้มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม สถานการณ์ในตอนนั้นสำหรับเขาแล้ว เพียงเมินเฉนก็ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อน ยิ่งกระทำเยอะยิ่งเกิดข้อผิดพลาดมาก ยิ่งกระทำน้อยยิ่งเกิดข้อผิดพลาดน้อย ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็ไม่มีข้อผิดพลาด
แม้ฉู่หลีหลีกลายเป็นมาร กษัตริย์ดาราหลุดออกมาได้ ก็ไม่มีทางระบายโทสะใส่เยี่ยนจ้าวเกอ ยังคงช่วยเยี่ยนจ้าวเกอและเขากว่างเฉิงเพราะว่าความสัมพันธกับราชันพระศุกร์อยู่ดี
จักรพรรดินีไม่มีคำพูดอะไรจะกล่าวกับกษัตริย์ดารา รอยร้าวระหว่างศิษย์อาจารย์ไม่อาจเติมเต็มได้โดยสมบูรณ์ นั่นเป็นเรื่องระหว่างพวกเขา ไม่ส่งผลกับเยี่ยนจ้าวเกอ มรกตท่องฟ้าจะไม่โทษว่าเยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน
ทุกสิ่งเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ตอนแรกเป็นทุกข์เพราะกษัตริย์ดาราถูกกักขังไม่อาจช่วยเหลือ วินาทีต่อมาปัญหาได้รับการแก้ไข ถึงขั้นไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงของตัวเอง เหมือนกับโชคร่วงหล่นจาฟ้า
แต่ว่านั่นไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เยี่ยนจ้าวเกอต้องการเห็น อย่างน้อยหากไม่ถึงที่สุดจริงๆ ก็ไม่ใช่ตัวเลือกของเขา
“ข้ายอมรับว่าตัวเองเป็นคนที่ได้ประโยชน์” เยี่ยนจ้าวเกอมองกษัตริย์เร้นลับพลางแบมือ “แต่เรื่องบางเรื่องไม่ใช่ต้องมีผลประโยชน์สูงสุดจึงค่อยมีเหตุผลให้กระทำ”
กษัตริย์เร้นลับยิ้ม “พูดถูกต้อง ไม่อย่างนั้นไฉนจึงมีคำกล่าวว่า ใจคนยากแท้หยั่งถึง”
กษัตริย์ดาราจ้องมองกษัตริย์เร้นลับ ส่ายหน้าแช่มช้า “สหายร่วมเส้นทางหยาง ท่านไม่ควรใช้วาจาของข้าเปลี่ยนเรื่องไปยกยอผู้อื่น ความผิดปกติของท่านในตอนนั้นไม่ได้มีแค่การจับตาดูผู้สืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ของยอดเขาอัศจรรย์เท่านั้น เพียงแต่เรื่องนี้แสดงออกเด่นชัดที่สุดจนเผยร่องรอยให้ข้าได้เห็น”
เขาเอ่ยอีกว่า “ถ้าหากว่าที่ท่านพูดเป็นความจริง ฟู่แพรงามมีปัญหาจริงๆ เช่นนั้นถึงแม้ว่าสิ่งที่ท่านทำจะมีการพิจารณา แต่จำเป็นต้องใช้วิธีที่สุดโต่งแบบนี้มาขัดขวางไม่ให้ข้าพูดหรือ”
บัดนี้ดวงตาของกษัตริย์ดาราเปลี่ยนเป็นคมกริบ “เพียงเรื่องเท่านี้ จึงทำให้พวกข้าสามศิษย์อาจารย์ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงทุกคนหรือ”
“ในตอนนั้นไม่ได้มีความเสี่ยง ข้าเชื่อในความสามารถของสหายร่วมเส้นทางเฉินอย่างเต็มเปี่ยม” กษัติรย์เร้นลับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ส่วนตอนนี้แม้จะอยู่เหนือความคาดหมายของข้า แต่ก็คล้ายไม่มีอันตรายใดกระมัง”
กษัตริย์ดาราจับจ้องกษัตริย์เร้นลับอย่างเย็นชา กษัตริย์เร้นลับกล่าวอย่างเรียบเฉย “นี่เป็นเหตุและผลทั้งหมดของเรื่องราว ไม่ใช่ข้าคิดผ่อนหนักเป็นเบา”
“ถ้าท่านยังคิดจะถามสืบต่อ…” เขามองกษัตริย์ดารา พลันยิ้มขึ้น “เป็นเพราะข้าเหม็นขี้หน้าท่านมาแต่แรก อยากกำจัดท่านไปให้พ้นๆ ทาง พอไม่เห็นจะได้ไม่ต้องหงุดหงิด เหตุผลนี้ทำให้ท่านรับได้หรือไม่”
กษัตริย์ดาราใบหน้าสงบนิ่ง พยักหน้า “ท่านในเมื่อกล่าวเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีความจำเป็นต้องพูดต่ออีก”
เขาสะบัดแขนเสื้อเบาๆ หยิบดาบหักยาวสองฉื่อเล่มหนึ่งออกมา
“ท่านมีพัดบดบังฟ้า ข้ามีสะบั้นคลื่นเย็นเยือก มาสู้กันสักครั้งเถอะ” กษัตริย์ดาราชูดาบขึ้น ชี้ส่วนที่หักของดาบหยกสีขาวไปที่กษัตริย์เร้นลับ
คมดาบพอถูกชูขึ้น หุบเขาเซียนเร้นกายก็ถูกปกคลุมอยู่ในความเย็นสุดขีดอีกครั้ง
กษัตริย์ดารากลับไม่คิดจะลงมือ
“สหายร่วมเส้นทางเฉินเพิ่งจะหลุดออกมา ในใจมีโทสะ ข้าผู้แซ่หยางเข้าใจได้ แต่ว่าเวลาเปลี่ยนชะตาย่อมเปลี่ยน สถานการณ์ของโลกซ้อนโลกเกิดการแปรเปลี่ยน วันนี้ไม่ใช่เวลาที่ข้าและท่านจะสู้กัน”
เขายิ้มพลางมองกษัตริย์ดารา ร่างกลับถอยไปด้านหลัง
ลำแสงสีน้ำเงินหลายชั้นปรากฏขึ้นในหุบเขาเซียนเร้นกาย กลายเป็นม่านฟ้า แล้วปกคลุมฟ้าดินบริเวณหนึ่ง
………………..