ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1199 เขากว่างเฉิง บรรพตบูรพาสำนักเต๋า
ถ้าหากว่าเกี่ยวข้องกับสามพิสุทธิ์สายหลักสำนักเต๋า เช่นนั้นกษัตริย์ดินกับกษัตริย์กระบี่ไม่อยู่ในใกล้ๆ ยังพอว่า แต่ถ้าอยู่ ยังไม่พูดถึงว่าไม่อาจผลักภาระให้คนอื่น แต่ถ้าหากสะบัดก้นจากไป เช่นนั้นก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความแค้นที่เกิดจากการมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นได้
นี่ไม่ใช่ท่วงทำนองของโลกซ้อนโลกซึ่งที่แล้วมาอยู่ในฝ่ายเดียวกัน
กษัตริย์กระบี่ใช่ว่าจะยอม แต่เพราะสภาพแวดล้อมที่ชัดเจน สภาพการณ์ที่แตกต่างก็มีวิธีรับมือที่แตกต่าง คงจะไม่อาจปลีกตัวมาได้จริงๆ
หลักการเดียวกันนี้ก็เอามาใช้กับกษัตริย์ดินได้เช่นกัน ความตายของหวังเจิ้งเฉิงทำให้เขากลับโลกซ้อนโลกได้อย่างผ่าเผย โถงเซียนเกรงว่าจะไม่อาจตำหนิได้
แต่กษัตริย์ดินยินยอมปล่อยเรื่องของหวังเจิ้งเฉิงกับเขากว่างเฉิงเอาไว้ก่อน รั้งอยู่ในมิติต่างแดนไม่กลับมา
ด้วยเหตุนี้จึงจะเห็นได้ว่า เรื่องราวไม่อาจดูแคลนจิงๆ
บางทีอาจไม่ได้เร่งด่วนนัก แต่จะต้องยุ่งยากมากแน่
เป็นเพราะไม่เข้าใจว่าความปั่นป่วนบนพื้นที่ของโถงเซียนคืออะไรกันแน่ เยี่ยนจ้าวเกอจึงยากจะคาดเดาให้มากกว่านี้
แต่ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร กษัตริย์ดินยังไม่อาจกลับโลกซ้อนโลกได้ในระยะเวลาอันสั้นนี้ นี่จึงเป็นข่าวดีที่สุด
เป็นความประหลาดใจเหนือความคาดหมาย
กษัตริย์เร้นลับถูกกษัตริย์ดาราขวางไว้ในหุบเขาเซียนเร้นกายไม่อาจออกมาได้ เยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิงมีพื้นที่เคลื่อนไหวมากมาย
ในขณะเดียวกันก็มีเวลามาวางแผนรับมือมากว่าเดิม
ตอนออกไปเป็นกษัตริย์ดิน ตอนกลับมาอาจจะกลายเป็นเทพเจ้าเจี่ยง ข่าวที่ได้มาก่อนหน้าย่ำแย่จริงๆ
ตอนนี้แรงกดดันพลันน้อยไปลงมาก
แน่นอนว่า เพียงแต่น้อยกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย ความจริงแล้วแรงกดดันยังคงมีมาก
เหตุผลก็ไม่มีอะไรอื่น เหมือนกับที่เซียนจริงแท้ผ่านภัยพิบัติสัจพิศวงได้ สำเร็จเป็นเซียนลี้ลับ ได้ผลัดเส้นเอ็นเปลี่ยนกระดูกอีกครั้ง
จักรพรรดิพิศวงผ่านภัยพิบัติบรรพพิศวง สำเร็จระดับเซียนกำเนิดซึ่งห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิด อยู่ในฟ้าดินแห่งใหม่
ถึงแม้ว่าประมุขปฐวีไม่อาจข้ามผ่านภัยพิบัติบรรพพิศวงได้ในระยเวลาอันสั้นได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงสุดขีดเหมือนที่กษัตริย์ดาราพูดไว้
สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับโถงเซียน เยี่ยนจ้าวเกอย่อมไม่สะดวกบอกกล่าวกับหวังผู่มากนัก
หวังผู่พอจะสัมผัสได้อยู่รางๆ แต่ว่าเขาที่มีนิสัยเยือกเย็น ไม่ได้มีความสงสัยใคร่รู้มากมายอะไรนัก จึงไม่ถามไถ่มากความ
“ตอนส่งข้อความให้ท่านอาจารย์ เป็นก่อนหน้ากษัตริย์ดาราจะกลับมา ดังนั้นท่านอาจารย์จึงยังไม่ทราบเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกษัตริย์ดารา” หวังผู่กล่าว “ต่อมาข้าลองติดต่อกับอาจารย์เป็นครั้งที่สอง แจ้งเรื่องที่กษัตริย์ดารากลับโลกซ้อนโลกไปแล้ว แต่ท่านอาจารย์ยังไม่ได้ตอบกลับเป็นครั้งที่สอง”
“ต่อจากนี้กษัตริย์ดาราอาจจะพักอยู่ในหุบเขาเซียนเร้นกาย เพื่อสะกดที่นั่นไว้” เยี่ยนจ้าวเกอบอกเล่าสถานการณ์ที่ได้เห็นในหุบเขาเซียนเร้นกายก่อนหน้านี้อย่างคร่าวๆ
เยี่ยนจ้าวเกออธิบายถึงการกระทำส่วนหนึ่งที่ข้องเกี่ยวกับกษัตริย์เร้นลับพอสังเขปเช่นกัน
หวังผู่ฟังจนปากอ้าตาค้าง ครู่ต่อมาค่อยได้สติ “นี่มันเป็น…นี่…”
เขากล่าวด้วยรอยยิ้มขื่นขม “ก่อนหน้านี้ข้าแค่คิดว่า ที่ท่านอาจารย์คอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของหุบเขาเซียนเร้นกาย เป็นเพราะว่ากษัตริย์เร้นลับสนับสนุนกษัตริย์ดินมาโดยตลอดเท่านั้น”
“ตอนนี้จึงค่อยเข้าใจว่า ท่านอาจารย์น่าจะมีจุดประสงค์อีกอย่าง”
ถึงแม้จะไม่ได้พบเส้นสนกลในอย่างเป็นรูปธรรมเหมือนกับกษัตริย์ดาราเหมือนในอดีต แต่ว่าหลายปีมานี้กษัตริย์กระบี่จะต้องทราบว่า กษัตริย์เร้นลับไม่ได้สงบเสงี่ยมเหมือนในภาพประทับใจของคนทั่วไป
“ถ้าหากไม่ใช่เพราะกษัตริย์ดารากลับมา พวกเราจำเป็นต้องจับตาดูทางหุบเขาเซียนเร้นกายจริงๆ” บนใบหน้าเยี่ยนจ้าวเกอปรากฎรอยยิ้มหนักใจ “ถึงแม้จะสงสัยมานานว่ากษัตริย์เร้นลับไม่ธรรมดา ในที่ลับจะต้องมีการกระทำยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีการกระทำที่ยิ่งใหญ่มากมายขนาดนี้”
“เหมือนกับสุภาษิตโบราณที่ว่า สุนัขที่กัด…”
พูดได้ครึ่งเดียว เห็นหวังผู่มองเขาอย่างจนปัญญา “ศิษย์น้องเยี่ยน…”
เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ เปลี่ยนเป็นพูดว่า “สรุปคือ เพราะการกลับมาของกษัตริย์ดารา พวกเราจึงผ่อนคลายและมีอิสรภาพมากขึ้น แต่ว่ายังคงไม่ถึงเวลาเก็บศัตราวุธ ปล่อยอาชาไว้ใต้เขา”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ความสำคัญคือต่อจากนี้”
เยี่ยนจ้าวเกอบอกลาหวังผู่ ออกจาเขานครหยก ผละจากเขาคุนหลุน มุ่งหน้าไปยังเขตสุราลัยบูรพา
ระหว่างทางต้องผ่านเขตมหานภากลาง ขณะที่ผ่านเมืองหยวนโจวบนที่ราบมู่เหยี่ย ก็หยุดยั้งที่ตึกความลับฟ้าครู่หนึ่ง
ตึกความลับฟ้าในตอนนี้กลับมารุ่งเรืองเหมือนก่อนหน้า
กษัตริย์ดารากลับมาพักที่เขากว่างเฉิง เป็นข่าวดีที่สุดสำหรับการค้าขายของตึกความลับฟ้าอย่างไม่ต้องสงสัย ช่วงนี้ยังมีข่าวลือว่า กษัตริย์ดารามุ่งหน้าไปยังเขาคุนหลุน ใช้น้ำแข็งผนึกหุบเขาเซียนเร้นกายอันเป็นนิวาสสถานที่บำเพ็ญของกษัตริย์เร้นลับไว้
การแสดงออกที่แข็งกร้าวเช่นนี้ ยิ่งทำให้ความเชื่อใจที่ผู้คนมีต่อตึกความลับฟ้าเพิ่มสูงกว่าเดิม
แน่นอนว่ามีคนไม่น้อยเช่นกันที่เป็นกังวล
การแสดงออกของกษัตริย์ดาราแข็งกร้าวเกินไป ดูเหมือนไม่มีท่าทีจะไกล่เกลี่ย แต่ว่ายืนอยู่ข้างเขากว่างเฉิง พร้อมกับช่วยเป็นกำลังหนุนอย่างชัดเจน
ด้วยเหตุนี้ ความขัดแย้งและสถานการณ์ในอนาคตของโลกซ้อนโลก เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะรุนแรงขึ้น
กลับไม่ทราบว่า สุดท้ายแล้วจะกลายเป็นสงครามสี่กษัตริย์สองต่อสอง ก่อให้เกิดการแบ่งแยกและเป็นปฏิปักษ์ต่อกันบนโลกซ้อนโลกหรือไม่
เพราะสงบสุขมานาน จึงทำให้จิตใจของผู้คนสงบ
แต่ว่าสองฝ่ายหากมีสภาพสูสีกัน พอถึงเวลากลับต้องระวังตัว คงไม่ลงมือง่ายๆ ขนาดนั้นกระมัง?
เหล่าคนที่กังวลต่างก็ปลอบใจตัวเองเช่นนี้
เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสบรรยากาศของผู้คน ถึงแม้จะไม่อาจยืนยันได้อย่างสมบูรณ์ว่าทุกคนคิดอะไร แต่ก็พอจะเดาออกหลายส่วน
เขาไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากตรวจสอบตึกความลับฟ้าเสร็จ ก็เดินทางไปยังเขตสุราลัยบูรพาต่อ
เขตสุราลัยบูรพาในตอนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงฟ้าดินแล้ว
วันนี้คนที่เคลื่อนไหวในเขตสุราลัยบูรพา และทำให้ผู้คนกริ่งเกรงไม่กล้าต่อต้าน ไม่ใช่ผู้ที่ใส่อาภรณ์สีเขียว แขนเสื้อมีลวดลายต้นไม้โบราณเก้ากิ่งอีกต่อไป
ผู้ที่มาแทนที่คือคนที่สวมอาภรณ์ขาว คลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีน้ำเงิน
ถ้าหากว่าขณะที่อีกฝ่ายสวมอาภรณ์ขาวคลุมทับด้วยเสื้อคคลุมสีน้ำเงิน และมีการขลิบดำบนเสื้อคลุม เช่นนั้นก็ยิ่งจำเป็นต้องให้ความสำคัญ
อารามสูงส่งบนภูเขาเมฆเลือนได้กลายเป็นดอกเก๊กฮวยที่ร่วงโรย
เขากว่างเฉิงจึงเป็นเจ้าชีวิตในเขตสุราลัยบูรพาในตอนนี้
มิหนำซ้ำ แม้ว่าจะออกจากเขตสุราลัยบูรพาไปยังสถานที่อื่น เมื่อจอมยุทธ์ในท้องถิ่นเจอผู้สืบทอดของเขากว่างเฉิง ก็ไม่กล้ามีความคิดดูแคลน
เยี่ยนจ้าวเกอมุ่งหน้าไปทางตะวันออก ข้ามผ่านบริเวณเขาเมฆเลือนอันเป็นที่อยู่เก่าของอารามสูงส่งเมื่อก่อนหน้านี้
ที่นี่ไม่มีอารามสูงส่งเหลืออยู่แล้ว
ตามที่เยี่ยนจ้าวเกอทราบ เขากว่างเฉิงของตนไม่ได้ไล่เข่นฆ่าอารามสูงส่งจนหมดสิ้น เยี่ยนตี๋ผู้เป็นบิดาเพียงจัดการคนที่เคยพยายามไล่ล่าเสวี่ยชูฉิงผู้เป็นมารดาในตอนแรกเท่านั้น
เขากว่างเฉิงไม่ได้ยึดครองเขาเมฆเลือน แต่ย้ายที่อยู่ของตนไปยังสถานที่หนึ่ง
แต่ว่าเยี่ยนตี๋ผู้เป็นบิดาใช้ความสามารถสะท้านโลก เคลื่อนย้ายปรับเปลี่ยนการเคลื่อนไหวของใยดินและปราณวิญญาณส่วนหนึ่งในเขตสุราลัยบูรพา
เมื่อได้รับผลกระทบนี้ เขาเมฆเลือนจึงไม่ใช่ดินแดนที่มีปราณวิญญาณอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในเขตสุราลัยบูรพาอีกต่อไป
ปราณวิญญาณของเขาเมฆเลือนถ่ายทะลักไปยังที่อยู่ใหม่ของเขากว่างเฉิงผ่านใยดิน
ด้วยเหตุนี้ เขาเมฆเลือนย่อมตกอับโดยปริยาย
พวกเขาไม่คิดจะอยู่ในเขตาสุราลัยบูรพาอีกต่อไป คนที่เหลือในอารามสูงส่งได้ละทิ้งรากฐานของสำนัก ย้ายออกจากเขตสุราลัยบูรพาไปยังสถานที่อื่น
ถึงแม้เขาเมฆเลือนในตอนนี้จะไม่ได้โดดเด่นเพียงหนึ่งเดียวอีกต่อไป แต่ยังคงเป็นวิมานและดินแดนอันเพียบพร้อมที่มีจำนวนไม่กี่แห่งในเขตสุราลัยบูรพา แต่ว่าในระยะเวลาอันสั้น กลับไม่มีขุมกำลังใดมายึดครอง ถูกทิ้งร้างไว้อย่างหาได้ยาก
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้รั้งอยู่บนเขาเมฆเลือน เดินทางไปทางตะวันออก เพื่อไปยังบริเวณที่ติดกับทะเลตะวันออก
เพิ่งมาถึงชายฝั่งทะเล ทอดตามองไป ก็เห็นขุนเขางามตระการลูกหนึ่งอยู่ที่เส้นขอบฟ้า
เขากว่างเฉิง บรรพตบูรพาสำนักเต๋า!
………………..