ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1207 โลกมังกรอัคคี
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกลายเป็นคุนเผิง สยายปีกบินเหิน
เมื่ออยู่ในจักรวาลซึ่งไม่เคยมาถึงแห่งนี้ คิดจะไปให้ถึงที่หมายของตัวเองยังคงต้องผ่านการเดินทางที่ไกลแสนไกล แต่ที่หมายของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้อยู่ไกลจากวังวนมิติเวลาซึ่งเชื่อมสองจักรวาลไว้ด้วยกัน
อย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนลึกของความว่างเปล่าที่มืดมิดก็ปรากฏจุดแสงสีแดงจุดหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใกล้จุดแสงสีแดงเพลิงนั้น พร้อมกับการเข้าใกล้ ก็เห็นเพลิงลุกโชนบริเวณหนึ่งโผล่ขึ้นตรงหน้า
นั่นเป็นเขตพรมแดนของโลกใบหนึ่ง เพียงแต่ว่าโลกใบนี้ตั้งแต่ด้านในถึงตอนด้านนอกเหมือนกำลังลุกไหม้
โลกมังกรอัคคี
บ้านเกิดที่ราชันพระอังคารสั่วหมิงจาง รวมถึงเยี่ยหยางยอดฝีมือที่เศษวิญญาณอยู่ในทวนพระอังคารจากมา
คนทั้งสองล้วนเกิดที่ดินแดนของเผ่าปีศาจตรงหน้า แต่ต่อมาในภายหลังก็ออกไปตามลำดับ
หลังจากเยี่ยหยางสิ้นชีวิตและคืนชีพขึ้นโดยอยู่ในทวนพระอังคาร ก็ได้กลับมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อเข่นฆ่าเหล่ามังกรในโลกมังกรอัคคี
เป็นเพราะว่าถูกเขาขวางทาง เหล่ามังกรในโลกมังกรอัคคีจึงไร้สถานที่หลบหนี สุดท้ายล้วนเข้าไปในจักรวาลของสำนักเต๋าผ่านวังวนมิติเวลาแห่งนั้น
เยี่ยหยางเข่นฆ่ากลับไป เหล่ามังกรที่มาจากโลกมักงรออัคคีตายเป็นเบือ จนกระทั่งตอนสุดท้ายอาศัยการช่วยเหลือของผู้สืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ จึงค่อยสะกดทวนพระอังคารซึ่งกลายร่างมาจากเยี่ยหยางไว้ในหุบเหวเหมันต์บรรพกาลได้
หุบเหวเหมันต์บรรพกาลกลายเป็นสุสานมังกรในจักรวาลสำนักเต๋า
เหล่ามังกรที่อพยพไปยังจักรวาลสำนักเต๋าเคยลองกลับที่อยู่เดิมซึ่งก็คือโลกมังกรอัคคีมาแล้ว แต่โลกมังกรอัคคีกลับถูกเผ่าปีศาจเผ่าอื่นยึดครองไปแทน
เหล่ามังกรที่บาดเจ็บล้มตายและพลังได้รับความเสียหาย มีบางส่วนไปยังสถานที่อื่น สวามิภักดิ์กับเพื่อนร่วมเผ่าพันธ์อื่นๆ มีบางส่วนอาศัยอยู่ในจักรวาลสำนักเต๋า
จนหลายปีก่อนหน้านี้ ทวนพระอังคารได้เห็นฟ้าเห็นตะวันอีกครั้ง เข่นฆ่าเผ่ามังกรที่อยู่ในจักรวาลสำนักเต๋าอย่างเหี้ยมหาญ
ตามคำพูดของฟู่ถิงในภายหลัง เผ่ามังกรที่อาศัยอยู่ในจักรวาลสำนักเต๋าต่างถูกบีบให้ต้องอพยพจากไปเพราะสาเหตุนี้
เยี่ยนจ้าวเกอวันนี้นึกขึ้นได้ว่า พวกเขาสมควรกลับมายังจักรวาลอันเป็นดินแดนของปีศาจแห่งนี้แล้ว
‘ทั้งๆ ที่ทราบว่าทวนพระอังคารแค่ถูกสะกด ไม่ได้ถูกทำลาย แต่ก็ยังกล้ารั้งอยู่ที่นั่น สมควรบอกว่าพวกท่านใจใหญ่หรือมีแผนการอื่น’
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม จากนั้นก็สยายปีกบินไปด้านล่าง ข้ามผ่านเขตแดนมิติที่กอปรขึ้นจากเพลิงหลายชั้น เข้าไปในโลกมังกรอัคคีต่อ
ท้องฟ้าของโลกใบนี้ไม่ได้เป็นสีครามอย่างที่เห็นกันบ่อยๆ แต่เป็นสีแดงเพลิงไปทั่วทั้งแถบ อีกทั้งสภาพอากาศยังร้อนเร่า ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนอยู่ในเปลวเพลิง
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอปัจจุบันมีระดับพลังฝึกปรือต่ำกว่าร่างจริง แต่ว่าก็อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลางแล้ว
ทว่าตอนนี้เมื่ออยู่ในโลกมังกรอัคคี ด้วยระดับความแข็งแกร่งทางร่างกายของมัน ก็ยังรู้สึกว่าจมูกมีความรู้สึกแสบร้อนขณะที่ยังหายใจ
มันหยุดกลงอากาศ ค่อยๆ ปรับลมหายใจ หลังจากคุ้นเคยกับสภาพปราณวิญญาณที่ร้อนแรงของที่นี่แล้ว ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจึงค่อยเคลื่อนไหวอีกครั้ง
สภาพแวดล้อมในตอนนั้นมอบความรู้สึกไม่สบายตัวชนิดหนึ่งให้แก่คุนเผิงที่กลายร่างมาจากร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก…แห้งผากเกินไป ไม่เพียงแต่ร้อนแรง ยังแห้งแล้งยิ่งกว่า
เยี่ยนจ้าวเกอความคิดทำงาน ‘เหมือนจะรู้ว่าเผ่ามังกรที่ยึดครองที่นี่เป็นพวกไหนแล้ว…’
ขณะที่กำลังใคร่ครวญอยู่ กลางท้องฟ้าไกลออกไปก็ปรากฏทะเลเพลิงแถบหนึ่ง จากนั้นก็มีสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งโผล่ขึ้นในคลองจักษุ
อีกฝ่ายมีหกขาสี่ปีก รูปร่างเหมือนงู ทั้งยังมีขนาดใหญ่โตยิ่ง
กลับเป็นเฝยอี๋ตัวหนึ่ง!
คัมภีร์โบราณได้บันทึกไว้ว่า จอมปีศาจเฝยอี๋มีอยู่สองชนิด ชนิดหนึ่งมีหนึ่งหัวสองลำตัว อีกชนิดหนึ่งมีหกขาสี่ปีก ทั้งหมดล้วนมีรูปร่างคล้ายงูยักษ์ ขณะเดียวกันก็นำมาซึ่งความแห้งแล้ง กินเปลวเพลิง พวกแรกมักถูกเรียกว่าเฝยอี๋หัวเดียว พวกหลังถูกเรียว่าเฝยอี๋หกขา
ตอนนี้ดูท่าทาง เผ่าปีศาจที่ยึดครองที่นี่เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นพวกเฝยอี๋หกขา
เฝยอี๋ตัวนั้นมองเยี่ยนจ้าวเกอ ดวงตาฉายแววระแวดระวังแต่ว่าไม่จู่โจม “คุณเผิงมาทำอะไรที่นี่”
เยี่ยนจ้าวเกอกลับฟังคำพูดของมันออกโดยไม่เปลืองแรง
ภาษาโบราณก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหมู่มนุษย์กับเผ่าปีศาจ
แน่นอนว่า เผ่าปีศาจแต่ละเผ่ามีภาษาที่แตกต่างกันไปอยู่แล้ว แต่จอมปีศาจตรงหน้าเห็นได้ชัดว่าไม่คิดว่าคุนเผิงจะฟังภาษาที่ใช้ในหมู่เฝยอี๋ของพวกตนเข้าใจ ดังนั้นย่อมถามด้วยภาษาที่ใช้ทั่วไป
“มาที่นี่เพื่อตามหาลูกหลานของคนรู้จักเก่า” เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน “ผู้อาวุโสในเผ่าข้ากับผู้อาวุโสเผ่ามังกรท่านหนึ่งที่อาศัยอยู่ในโลกใบนี้มีการคบหากัน ที่ข้าเดินทางมาที่นี่ย่อมคิดมาเยี่ยมเยียน”
“กลับเป็นพวกท่านเฝยอี๋หกขา ไฉนจึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่
ดวงตาของเฝยอี๋ตนนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย “ที่นี่เกิดอะไรขึ้น ท่านไม่ทราบเลยหรือ”
“ที่นี่เป็นโลกมังกรอัคคีไม่ผิดกระมัง” เยี่ยนจ้าวเกอทำท่าตอบอย่างรังเกียจ
เฝยอี๋ตัวนั้นกลับไม่โมโห มองเขาอย่างเย้ยหยัน “มิผิด ที่นี่เป็นโลกมังกรอัคคี แต่ว่าเป็นเรื่องเมื่อหลายพันปีก่อนแล้ว”
“หลายพันปีก่อน? ที่นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่” เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าฉายแววประหลาดใจ หยุดทำท่าทะนงตน เปลี่ยนเป็นกล่าวอย่างนอบน้อม “ก่อนหน้านี้เป็นเพราะสาเหตุพิเศษเผ่าพันธุ์ของข้าจึงซ่อนตัวเร้นกาย ติดต่อกับโลกภายนอกน้อยครั้ง ไม่นานมานี้ค่อยปรากฏตัวขึ้นใหม่ ที่ข้ามาที่นี่เพราะมาตามหาเผ่ามังกรที่อาศัยอยู่ที่นี่ตามคำสั่งของผู้อาวุโสในเผ่า สถานที่แห่งนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ขอให้ท่านได้โปรดบอกเล่า ส่วนที่เสียมารยาทเมื่อครู่ต้องขออภัย”
ตั้งแต่โบราณกาล คุนเผิงเป็นเผ่าพันธุ์แข็งแกร่งซึ่งมีจำนวนน้อยในเผ่าปีศาจ เฝยอี๋ตนนั้นเห็นเยี่ยนจ้าวเกอถ่อมตัวลง จิตใจก็ผ่อนคลายไม่น้อย ไม่ได้สร้างความลำบากใจให้ “จะบอกให้ท่านทราบ เผ่ามังกรที่อยู่ที่นี่ประสบภัยพิบัติล้างเผ่าพันธุ์เมื่อหลายพันปีก่อน มีผู้ที่รอดมาได้ไม่กี่ตน ปัจจุบันไม่ทราบว่าไปไหนแล้ว”
“โลกใบนี้ถูกเผ่าเรายึดครองเพื่อบ่มเพราะลมปราณ วันนี้ไม่ได้ชื่อว่าโลกมังกรอัคคีอีกต่อไป แต่ชื่อแดนเซียนอริยะน้อย” เฝยอี๋ส่ายศีรษะไปมา “ท่านมาที่นี่เสียเที่ยวแล้ว รีบๆ ออกไปเถอะ”
เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดในใจ ‘การไหลองเวลาในที่นี่ กล่าวจากโดยรวมแล้วคล้ายเร็วกว่าที่สำนักเต๋า’
ขณะที่คิดอยู่ เขาก็ทำท่าโกรธแค้นออกทางสีหน้า “กลับเป็นผู้ใดกล้าทำเรื่องนี้”
เยี่ยนจ้าวเกอมองเฝยอี๋ตนนั้น พร้อมกับแสดงดีหน้าไม่เป็นมิตร
“อย่ามองข้า เป็นปัญหาภายในของพวกเขา” เฝยอี๋หัวเราะเหอะๆ “ในตอนนั้นคล้ายกับว่าในเผ่ามีมังกรแต่งงานกับมนุษย์ ให้กำเนิดลูกหลานครึ่งคนครึ่งมังกร สุดท้ายถูกรังแกจนชอกช้ำ หลังจากคนผู้นั้นกลับมาย่อมต้องแก้แค้นสักครั้ง แต่ว่าโลกมังกรอัคคีแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมยิ่ง หากปล่อยให้รกร้างไม่ใช่น่าเสียดายหรอกหรือ เผ่าข้าจึงถือโอกาสยึดครองแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอทำท่าโกรธจัด “ครึ่งปีศาจนั่นตอนนี้อยู่ที่ใด”
เฝยอี๋ส่ายหน้า “นั่นกลับไม่ทราบแล้ว หลายปีมานี้ฟังว่ามียอดฝีมือเผ่าปีศาจตนเผ่าอื่นมา คิดตามหาร่องรอยของครึ่งปีศาจสองตนนั้น แต่ต่อมาไม่ได้อะไรกลับไป”
“ช่วงนี้ยังมาด้วย?” เยี่ยนจ้าวเกอไม่แสดงสีหน้า ถามต่อทันที
“ฟังว่ามีมา…” เฝยอี๋ตนนั้นเบิกตาขึ้น รู้สึกว่าคำถามของเยี่ยนจ้าวเกอคล้ายไม่ถูกต้องอยู่บ้าง
ด้านหน้าพลันพร่าเลือนวูบหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอบรรลุถึงด้านหน้ามัน
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยื่นมือหนึ่งออกมาบีบคอของเฝยอี๋ตนนั้นไว้ในชั่วพริบตา ทำให้มันแทบหายใจไม่ออก
“ตอนนี้โปรดบอกข้าทีว่าพวกยอดฝีมือเผ่าปีศาจที่มาตามหาคนที่นี่ในช่วงนี้ วันนี้ยังอยู่ที่นี่หรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอถามด้วยรอยยิ้มกว้าง
………………..