ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1211 เยือนโถงเซียนอีกครั้ง
ราชันพระอังคารสั่วหมิงจางที่แล้วมาไม่สุงสิงกับใคร ไปไหนมาไหนคนเดียว คบหากับคนไม่กี่คน ผู้ที่มีการไปมาหาสู่ค่อนข้างมากเพียงคนเดียวว่ากันว่าเป็นราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวง
หากแต่ในเรื่องเล่ามากมายโดยพื้นฐานล้วนกล่าวได้ว่า ระหว่างสั่วหมิงจางกับเซ่าจวินหวงมักมีการโต้เถียง ยากแยกแยะบุญคุณความแค้น
แต่ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอมาถึงที่อยู่เดิมของสั่วหมิงจาง เห็นพัดกระดาษในกระท่อมมุงฟางกลับรู้สึกว่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งเก้านพเคราะห์ในตำนานสองคนนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเกรงว่าจะล้ำลึกและซับซ้อนกว่าที่คาดเอาไว้
ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจยืนยันได้ว่าสั่วหมิงจางทิ้งพัดกระดาษไว้ที่นี่เพราะมีความปรารถนาใดกันแน่ แต่ไม่ใช่ความเคียดแค้นและการตั้งตนเป็นปรปักษ์แน่นอน
นี่ประเสริฐยิ่ง
อย่างน้อยก็ไม่ปรากฏสถานการณ์กระอักกระอ่วนที่คิดจะตามหาผู้ช่วย แต่สุดท้ายกลับเจอคู่แค้นเก่า
ระหว่างสั่วหมิงจางและเซ่าจวินหวงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงแม้เยี่ยนจ้าวเกอจะสงสัยใคร่รู้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด
ปัญหากลับมาที่จุดเดิม จะตามหาราชันพระอังคารสั่วหมิงจางที่มีร่องรอยไม่แน่นอนได้อย่างไร
“หรือต้องไปเสี่ยงโชคที่โถงเซียน” เยี่ยนจ้าเวกอพึมพำกับตัวเอง “ไปโถงเซียนก็ได้ แต่ว่าเรื่องอย่างการเสี่ยงโชคไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก”
เขาพลิกหน้าที่สองของพัดกระดากษ พอถูกพลิก มังกรไฟบนพัดก็พลันเหมือนมีชีวิตขึ้น ทั้งๆ ที่เป็นแค่พัดกระดาษธรรมดา ไม่แฝงปราณวิญญาณ
แต่ตอนนี้ในห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกอกลับมีภาพหนึ่งลอยขึ้นมา ในความว่างเปล่ากลางจักรวาลอันมืดมิด มังกรเพลิงขนาดมหึมาที่ขนาดเท่าเอกภพตัวหนึ่งทะยานร่างขึ้น อานุภาพน่าพรั่นพรึง สั่นสะท้านสี่ทิศ ทำให้ผู้คนแทบจะเกิดความคิดหมอบกราบกราน
อานุภาพนี้ไม่ใช่อำนาจมังกรของเผ่ามังกรทั่วไป ไม่ได้มีความน่าเกรงขามที่ยิ่งใหญ่เหมือนจอมราชันย์ แต่ว่ากราดเกรี้ยวยิ่งกว่า ดุร้ายยิ่งกว่า แข็งกร้าวยิ่งกว่า เหมือนกับมังกรที่แท้จริงยังต้องยอมสยบอยู่ใต้ฝ่าเท้าของมัน
ในฟ้าดิน สายเลือดล้วนแปลกปลอม อำนาจราชันย์ล้วนจอมปลอม มีแต่พลังที่เป็นของจริง ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง เหล่ากษัตริย์ซึ่งปกครองโลกหล้าจะต้องก้มศีรษะที่หยิ่งทะนงลง
เหมือนอย่างราชันจักรพรรดิในโลกมนุษย์ มาตราว่าจะอยู่เหนือปวงชนก็ต้องกราบกรานฟ้าดิน
นั่นเป็นความแข็งกร้าวเพียงหนึ่งเดียว เหมือนกับว่าท้องฟ้าที่อยู่ต่อหน้าผู้คน แต่ไม่อาจปีนป่ายได้ตลอดกาล
ยอดเขาที่เงียบสงบกลับอาจจะกระทืบคนให้จมธรณี อย่าว่าแต่มนุษย์เล็กกระจ้อยร่อย
แต่ท้องฟ้าเงียบสงัด มนุษย์กลับยากจะก้าวข้ามเขตแดน สำหรับผู้คนแล้ว ท้องฟ้ายิ่งใหญ่ตลอดกาล อยู่สูงไกลออกไปชั่วกาลปวสาน ต่อให้ปีนขึ้นฟ้าได้ ถึงเวลานั้นก็มีแต่จะพบว่า มีจักรวาลที่กว้างใหญ่กว่าเดิมอยู่เบื้องหน้า
เยี่ยนจ้าวเกอมองมังกรเพลิงตนนั้นเลื้อยขดอยู่กลางจักวาล ร่างสลับไปมาระหว่างมังกรจริงแท้และเงามนุษย์ภายใต้การครอบคลุมของอัคคี
เงาคนนั้นกลับเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ มองไม่เห็นหน้าตา แต่เยี่ยนจ้าวเกอทราบว่า นั่นเป็นราชันพระอังคารสั่วหมิงจาง
ภาพวาดที่ราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวงวาดขึ้น วาดตัวสั่วหมิงจางนี่เอง
“หือ?” เยี่ยนจ้าวเกอพลันจิตใจสั่นไหว ในภาพนี้คล้ายกับมีถ้ำวิมานแห่งหนึ่งอยู่
มังกรเพลิงที่เคลื่อนไหวอยู่ในห้วงสมอง นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงอานุภาพในอดีตของราชันพระอังคารสั่วหมิงจางได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ยังหลอมสำนึกบางอย่างของราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวงเข้าไปด้วย
สำนึกนี้บางทีอาจไม่ใช่เซ่าจวินหวงตั้งใจใส่เข้าไป แต่เป็นการแสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติชนิดหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอศึกษาอย่างละเอียด ฟื้นฟูยันต์อาคมที่มีความพิเศษออกมาใบหนึ่ง
‘ยันต์อาคมนี้ดูเหมือนเหมือนสัญลักษณ์ส่วนตัวหรือตราประทับส่วนตัวของราชันพระพฤหัสบดี คาดว่าแม้แต่ท่านแม่ หรือแม้แต่จักรพรรดิเจิดจรัสก็ใช่ว่าจะมี’
เขายังไม่อาจทำความเข้าใจความลี้ลับที่อยู่ในยันต์อาคม ได้แต่ฝืนจดจำไว้
หลังจากยืนนิ่งอยู่สักพักหนึ่งเขาก็หุบพัด ส่งมันกลับไปยังด้านในเงาแสงซึ่งลอยอยู่ในอากาศกลางกระท่องมุงฟางด้านหน้า
เมื่อทำการคารวะให้แก่เงาแสงนั้นแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็หยุดค่ายกล
ชายหนุ่มเดินออกจากกระท่อมมุงฟาง จากนั้นก็ประสานมือแก่หลุมศพที่อยู่ไม่ไกลหลุมนั้น ก่อนจะกระโดดเข้าไปในฝ่ามือของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ฝ่ายร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสยายปีก บินขึ้นท้องฟ้าและหายไปในพริบตา
เขาไปที่อยู่เดิมของทวนพระอังคาร แต่ว่าไม่ได้ผลลัพธ์อันใด
เทียบกับสั่วหมิงจางแล้ว เยี่ยหยางชาติก่อนของทวนพระอังคาร ไม่เพียงไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อโลกมังกรอัคคีเท่านั้น กลับกันยังเคียดแค้นชิงชัง
ถึงขั้นที่ไม่ได้ผูกพันธ์กับบิดามารดาของตัวเองล้ำลึกอันใด
ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจขึ้นหลายส่วนแล้วว่า ไฉนคนส่วนใหญ่จึงยึดถือทวนพระอังคารเป็นจักรพรรดิเซียนจริงแท้ที่เป็นตัวของตัวเองผู้หนึ่งโดยไม่รู้ตัว แต่ว่าจิตใจของทวนพระอังคารเองกลับยึดถือว่าตนเป็นอาวุธ
สำหรับตัวเองในตอนแรกแล้ว ดูเหมือนทวนพระอังคารหรือเยี่ยหยางจะปฏิเสธบ้านเกิด ชะตาชีวิต สิ่งที่ได้ประสบ รวมถึงสายเลือด จนหลังจากคืนชีพในฐานะทวนพระอังคารก็มีแนวโน้มในการปฏิเสธตัวเองที่รุนแรง ปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเองเมื่อก่อนหน้านี้
การกลายเป็นอาวุธเซียนชิ้นหนึ่ง สำหรับเขาแล้วบางทีอาจเป็นการเริ่มต้นใหม่ เป็นชีวิตใหม่ทั้งหมด
พอนึกถึงตรงนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็สะท้อนใจอยู่หลายส่วน
หลังจากได้สัมผัสกับทวนพระอังคาร สามารถเห็นได้ชัดว่าตัวเยี่ยหยางมีบุคลิกยิ่งใหญ่ ทั้งยังใจกว้าง ตอนเผชิญหน้ากัน เยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ ฟู่ถิงมีพลังด้อยกว่า แต่เขากลับไม่ได้ทำตัวข่มเหง ในทางตรงกันข้ามกลับมีความอดทน
ทว่าความเคียดแค้นที่เขามีต่อเผ่ามังกรรุนแรงจนไม่อาจรุนแรงไปมากกว่านี้ บ้านเกิดในตอนแรกบางทีอาจเป็นเพียงเรื่องเดียวซึ่งเขาที่สง่าภาคภูมิไม่อาจปล่อยวางได้
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเหาะเหินขึ้นฟ้า ออกจากโลกมังกรอัคคี เข้าสู่ความเวิ้งว้างไร้สิ้นสุด
เยี่ยนจ้าวเกอแม้จะเคยไปโถงเซียนมาแล้ว แต่ว่ามิติต่างแดนกว้างใหญ่ถึงขนาดไหน คิดจะกำหนดตำแหน่งกลับไม่ง่ายดาย ทว่าใช้เวลาสักพักหนึ่งเขาก็กำหนดเป้าหมายไปที่โถงเซียนอีกครั้ง
ชายหนุ่มผ่านการเดินทางที่แสนยาวนาน ในที่สุดก็มาถึงแดนเซียนปลดปลงซึ่งอยู่ใกล้ๆ โลกสูงเลิศ
การมายังโถงเซียนในครั้งนี้ เยี่ยนจ้าวเกอระวังตัวมากกว่าครั้งก่อน เขาเกิดความสงสัยอย่างเต็มเปี่ยมว่าตนอาจจะมีชื่อเสียงในโถงเซียนแล้วก็ได้ ในฐานะผู้สืบทอดของจักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ย และสามารถกล่าวว่าเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิเจิดจรัสหูเยว่ซินได้ในระดับหนึ่ง ย่อมถูกโถงเซียนจับตาดู ถ้าหากเผยร่องรอย เกรงว่าจะถูกรุมล้อมทันที
‘ต้องสืบข่าวเสียก่อน…’ เยี่ยนจ้าวเกอไตร่ตรอง ไม่ได้ไปยังโลกสูงเลิศ หากแต่ไปยังสถานที่อื่น
จอมยุทธ์โถงเซียนบนโลกสูงเลิศมีพลังจำกัด เกรงว่ายังไม่อาจรับข่าวสารและทราบเรื่องที่เกี่ยวข้องกับยอดฝีมือระดับราชันพระอังคาร
ถึงขั้นที่ว่ายอดฝีมือที่อาศัยอยู่ในแดนเซียนปลดปลง นอกจากตัวตนที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนแล้วก็ไม่แน่ว่าจะทราบแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอจับตัวคนหลายคนมาสอบสวน สุดท้ายก็ออกจากแดนเซียนปลดปลง
ชายหนุ่มเคลื่อนไหวไปมาระหว่างแดนเซียนแต่ละที่ของโถงเซียน ขณะที่สืบข่าวก็คอยสังเกตสถานการณ์ของโถงเซียนอย่างต่อเนื่อง
ครั้งก่อนที่มายังมีพลังฝึกปรือน้อย ต้องการแค่รักษาตัวและออกไปให้ได้ ปัจจุบันนับว่ามีโอกาสทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้ว
แต่ว่าในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอได้รับข่าวที่ตนต้องการในตอนท้าย ก็หลีกเลี่ยงความสับสนไม่ได้
ประการแรก ข่าวดีคือทวนพระอังคารไม่ได้ตกอยู่ในมือของโถงเซียน เพียงแต่ถูกโจมตีจนได้รับความเสียหายแทบจะแหลกสลาย
จากนั้น ราชันพระอังคารสั่วหมิงจางก็ปรากฏตัวในจักรวาลที่โถงเซียนปกครองจริงๆ เขาออกหน้าแก้แค้นให้แก่ทวนพระอังคาร อาละวาดไปทั่วแดนเซียน ทำให้แดนเซียนเกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่
กระนั้นสุดท้ายแล้ว สั่วหมิงจากกลับจากไปอย่างกะทันหัน
‘ตอนที่ไป ยังจับยอดฝีมือคนหนึ่งของโถงเซียนไปด้วย’ เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย
………………..