ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1213 กงจักรมหาประกายกาฬที่เคลื่อนไหวอย่างผิดปกติ
เสียงตวาดนั้นดังมาแต่กไกล
คลื่นเสียงกระจายไปทั่ว มิติความว่างเปล่าทั้งหมดในตอนนี้มีสภาพจับต้องได้ขึ้นมา ด้านบนเต็มไปด้วยรอยแตกหลายสายเหมือนกับภาชนะที่แตกร้าว
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากขบคิดในชั่วพริบตาเขาก็สงบจิตใจ ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ
แทบจะเป็นในเวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่งพลันมีแสงสว่างขึ้น แสงสีทองกะพริบ พุ่งไปยังที่ไกลด้วยความเร็วสูง
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของภูมิปัญญาอันสมบูรณ์ เยี่ยนจ้าวเกอก็กระจ่างแจ้ง ‘คนจากแดนสุขาวดีศาสนาพุทธ เทียบกับระดับผลักเปิดประตูเซียนแล้วของสำนักเต๋า ดูจากท่าทางสมควรเป็นคะเตสมณะผู้หนึ่ง?’
การแบ่งระดับชั้นในการฝึกฝนของศาสนาพุทธค่อนข้างแตกต่างกับสำนักเต๋า อย่างเช่นคำเรียกอย่าง ‘พุทธ’ ‘โพธิ’ ‘อรหันต์’ เป็นคำยกย่อง ไม่ได้หมายถึงระดับ จึงยากจะอาศัยชื่อเรียกตัดสินพลังฝึกปรือของอีกฝ่าย
ดังนั้นตั้งแต่โบราณกาลเป็นต้นมา ยอดฝีมือที่สืบทอดศาสนาพุทธล้วนอาศัยความเคยชิน ใช้คำเรียกเหล่านี้มาบ่งชี้ถึงระดับชั้นของยอดฝีมือของศาสนาพุทธ และเปรียบเทียบกับระดับของสำนักเต๋า
คะเตสมณะหมายถึงยอดฝีมือศาสนาพุทธที่เทียบได้กับระดับจักรพรรดิเซียนจริงแท้ของสำนักเต๋า
ตอนนี้คะเตสมณะผู้นั้นพอถูกคนเผยร่องรอยก็คิดไปทันที กลายเป็นแสงพุทธสายหนึ่งหายไป
แต่ว่ามีประกายเพลิงสว่างขึ้น วาดผ่านความว่างเปล่า ติดตามไปด้วยความเร็วสูงในชั่วพริบตา
จิตพลังที่แฝงอยู่ด้านในเป็นคนที่ส่งเสียงเมื่อก่อนหน้า
เยี่ยนจ้าวเกอเพ่งตามองไป เห็นนกตัวหนึ่งกระพือปีกบินสูงอยู่ในประกายเพลิง
‘วิชาลับในคัมภีร์เซียนหลิงกวงทะยาน…’ หลังจากมองดูอย่างละเอียด เยี่ยนจ้าวเกอก็กระจ่างแจ้ง
หงส์แดงมีอีกชื่อว่าหลิงกวง ส่วนเทพเจ้าหลิงกวง เป็นคำที่สำนักเต๋าใช้เรียกหงส์แดง
ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่มีวรยุทธ์ชื่อว่าคัมภีร์เซียนหลิงกวงทะยาน บรรจุจิตและหลักมรรคาของเทพเจ้าหลิงกวง ลี้ลับไม่ธรรมดา
วรยุทธ์ที่ยอดฝีมือโถงเซียนตรงหน้าผู้นี้ฝึกฝน เป็นคัมภีร์เซียนหลิงกวงทะยานนี่เอง
ความเหี้ยมหาญของลมปราณ เห็นได้ชัดว่าเป็นเป็นกษัตริย์เซียนลี้ลับที่ฝึกฝนวายุเซียนสำเร็จแล้ว ต่อให้จะมาจากโถงเซียน ระดับของพลังก็ทำให้คนไม่กล้าดูแคลน สงบนิ่งไร้กังวล มนุษย์ไม่อาจรบกวน
คัมภีร์เซียนหลิงกวงทะยานเดิมทีขึ้นเชื่อเรื่องการเคลื่อนย้ายมิติ เป็นหนึ่งในวรยุทธ์ที่ศึกษากาลเวลาและมิติช่องว่างจนถึงระดับลึกที่สุดในฟ้าดิน
กษัตริย์โถงเซียนผู้นี้ยังมีระดับเหนือกว่า ตอนที่ไล่ตามคะเตจากศาสนาพุทธที่หนีไปนั้น แค่อึดใจเดียวก็สามารถไล่ตามทันได้แล้ว
อีกฝ่ายเหาะเหินไปโดยไม่หันหลังกลับ กษัตริย์โถงเซียนที่กลายร่างเป็นหงส์แดงผู้นั้นแซงไปด้านหน้า ขัดขวางคนผู้นั้นไว้
จากนั้นก็มีฝ่ามือหนึ่งก็ยื่นออกมาจากในประกายเพลิง แม้ดูธรรมดา แต่เหมือนกับสามารถคว้าจับท้องฟ้าและจันทราได้ คิดจะจับแสงพุทธนั้นไว้กลางฝ่ามือ
แสงพุทธเคลื่อนไหวหมายจะหลบหลีก แต่ว่าเห็นแต่เพียงโลกเบื้องหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงกลุ่มหนึ่ง ไหนเลยจะยังมีทางออก
ในตอนนั้นเอง มิติที่ไกลแสนไกลอีกด้านหนึ่งก็มีคำสรรเสริญพระคุณดังขึ้น “นโมพระศรีอริยเมตไตรย”
คำสรรเสริญพระคุณพอดัง ในความว่างเปล่าอันมืดผิดพลันมีแสงพุทธระเบิดขึ้นด้วย
มีฝ่ามือที่เปล่งประกายสีทองอีกข้างหนึ่งยื่นออกมาจากในความว่างเปล่า คว้าใส่หงส์แดงสีแดงเพลิงนั้นเช่นกัน
“ไม่อยู่เหนือความคาดหมายของข้าจริงๆ นอกจากผู้เบิกทางที่อยู่ด้านหน้า ตัวหัวหน้าต้องอยู่ด้านหลัง” ภายใต้การครอบคลุมของเงาแสงที่เหมือนกับหงส์แดงนั้น เผยให้เห็นเงาร่างของบุรุษสายหนึ่ง เขาหัวเราะเย็นชาติดต่อกัน
บุรุษผู้นั้นภายนอกมองไปอายุไม่เกินสามสิบปี จมูกงองุ้มเหมือนเหยี่ยว ปีกจมูกสองข้างปรากฏรอยย่นล้ำลึก สายตาคมกริบถึงขีดสุด
พอเผชิญกับฝ่ามือพุทธที่เรืองแสงสีทอง เขาไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย ห้านิ้วกลายเป็นกรงเล็บแล้วพุ่งเข้าไป
ฝ่ามือยักษ์แสงพุทธเปลี่ยนแปลงท่ามุทรา ก่อเกิดกสภาวะเทวราชถลึงตา ปะทะกับหงส์แดงที่บินทะยานซึ่งเกิดจากจิตราเซียนของอีกฝ่าย
ทางหนึ่งคือเทวราชที่แน่วแน่ไม่อาจทำลาย สยบมารอย่างเหี้ยมหาญ ทางหนึ่งคือหงส์แดงที่ข้ามผ่านมิติเวลา เปลวไฟลามเลียท้องฟ้า
ทางหนึ่งยิ่งใหญ่รุนแรง ทางหนึ่งประเปรียวร้อนเร่า
สองฝ่ายไม่มีใครยอมใคร และไม่คิดจะป้องกัน ใช้โจมตีปะทะโจมตี พริบตาเดียวแลกเปลี่ยนกันเป็นพันเป็นหมื่นกระบวนท่า
กลางความว่างเปล่าในจักรวาลเห็นเทวราชของศาสนาพุทธกับหงส์เทพของสำนักเต๋า เคลื่อนที่และเหาะเหิน ตัดสลับกันไปมาอย่างต่อเนื่อง
แสงพุทธหลายสายกระจัดกระจาย ลำเพลิงหลายสายระเบิดออก กระแทกกระทั้นจนฟ้าพลิกดินคว่ำ
‘กษัตริย์ศาสนาพุทธระดับอรหันต์…’ เยี่ยนจ้าวเกอชมดูอย่างออกรส ร่างยังคงไม่ขยับ กลิ่นอายไม่ปรากฏ มองดูทุกอย่างนี้อย่างสงบ
เขาในตอนนี้เหมือนกับรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล ไม่มีคุณสมบัติ แม้แต่ความคิดที่ทำงานในจิตใจก็ไม่ก่อให้เกิดความปรวนแปรใดๆ
ความว่างเปล่าในจักรวาลที่อยู่รอบๆ เหมือนกับกลายเป็นกระแสน้ำ เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับหยดน้ำหยดหนึ่ง ที่หลังจากหล่นเข้าไปแล้วก็กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
คลื่นหลงเหลือที่เกิดจากการต่อสู้กันของสองยอดฝีมือทำให้ความว่างเปล่าในจักรวาลได้รับผลกระทบ
โชคดีที่เยี่ยนจ้าวเกออยู่ค่อนข้างห่าง คลื่นหลงเหลือพอมาถึงเบื้องหน้าก็อ่อนกำลังลง ไม่ทำให้เขาต้องเปิดเผยตัว กระนั้นการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายก็เริ่มจะดุเดือดขึ้นแล้ว
ทางหนึ่งเป็นกษัตริย์โถงเซียน ทางหนึ่งเป็นอรหันต์แดนสุขาวดี สองฝ่ายเดิมทีเป็นคู่ต่อสู้ชนิดท่านตายข้าอยู่ ต่อสู้กันมายาวนาน ตอนนี้พอได้เจอกันย่อมไม่มีเหตุผลต้องออมมือ
เทียบกันแล้ว กษัตริย์โถงเซียนที่ฝึกฝนคัมภีร์เซียนหลิงกวงทะยานเป็นฝ่ายรุกมากกว่า ไม่มีข้อกริ่งเกรงใด
ในมิติบริเวณนี้ เพื่อตามหาราชันพระอังคารสั่วหมิงจาง โถงเซียนได้รวมผู้ทรงอำนาจที่เป็นยอดฝีมือมาด้วยไม่น้อย ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ขอบนอกสุดของวงล้อม แต่ว่าสงครามในที่แห่งนี้อีกไม่นานจะสะกิดความสนใจของยอดฝีมือโถงเซียนคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ
ถึงแม้จะบอกว่าสั่วหมิงจางเป็นเป้าหมายหลัก แต่ในเมื่อเรื่อราวเกี่ยวพันถึงคนหัวโล้นจากแดนสุขาวดี ยอดฝีมือของโถงเซียนย่อมยินดีลงมือพร้อมกัน
ดังนั้นไม่ใช่แค่กษัตริย์โถงเซียนผู้นี้ลงมือเท่านั้น ในยอดฝีมือโถงเซียนคนอื่นๆ ที่ก่อนหน้านี้นำทางให้เยี่ยนจ้าวเกอ ก็มีผู้ที่มีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับจักรพรรดิเซียนจริงแท้คนหนึ่งโจมตีคะเตจากศาสนาพุทธผู้นั้น ไม่ให้อีกฝ่ายฉวยโอกาสจากไป
สองฝ่ายสู้กันเป็นพัลวัน
เยี่ยนจ้าวเกอชมดูด้วยความสนใจ
ความเข้าใจที่เขามีต่อวรยุทธ์ศาสนาพุทธค่อนข้างมีจำกัด หยุดอยู่ที่ประวัติความเป็นมาของวิถีวรยุทธ์ของอีกฝ่าย แต่ด้านรายละเอียดกลับไม่ล้ำลึกนัก แต่ว่าสำหรับวรยุทธ์ที่จอมยุทธ์โถงเซียนใช้ หลังจากเห็นส่วนใหญ่ล้วนมั่นใจ
‘ส่วนใหญ่เป็นวรยุทธ์ในจักรวาลสำนักเต๋าที่เคยแพร่หลายอยู่ในสามพิสุทธิ์สายหลักหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ แต่กลับสาปสูญไปแล้ว’ เยี่ยนจ้าวเกอไตร่ตรอง ‘แต่ว่าจนถึงวันนี้ยังไม่เห็นการสืบทอดกระแสตรงสายสามพิสุทธิ์ ล้วนเป็นวรยุทธ์มากมายที่เกิดจากการพัฒนามาหลายปี จนถึงจุดรุ่งเรืองของวรยุทธ์ ร้อยบุปผาบานพร้อมพรัก ร้อยสำนักประชันเสียงของมหาจักรวาล’
การสืบทอดกระแสตรงสายเหนือพิสุทธิ์สุดท้ายแล้วก็เป็นต้นกำเนิดและแกนหลักของวรยุทธ์สำนักเต๋า แต่ว่าในยุครุ่งเรืองของวรยุทธ์ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ หลังจากผ่านการสั่งสมและขัดเกลาทางประวัติศาสตร์ก็เคยปรากฏอัจฉริยะที่แข็งแกร่งมากมายสร้างสิ่งใหม่ขึ้น เปิดเส้นทางของตัวเอง
ต้นกำเนิดของพวกเขาถึงแม้จะเกี่ยวข้องกับการสืบทอดกระแสตรงสายสามพิสุทธิ์ไม่มากก็น้อย แต่ว่าหลังจากผ่านการพัฒนาอันแสนยาวนานก็ได้เปิดอีกเส้นทางขึ้นมา
บางทีอาจพูดได้ว่าเป็นเหล่าคนรุ่นหลังขุดค้นสมบัติล้ำค่าจากในที่ซ่อนสมบัติซึ่งเต็มเปี่ยมเหลือประมาณของการสืบทอดกระแสตรงสายสามพิสุทธิ์ จากนั้นก็ตั้งใจขัดเกลา จนกลายเป็นอีกลักษณะหนึ่ง
แน่นอนว่าสำหรับโลกหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เหล่านี้ล้วนกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว
แต่ว่าตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่าวรยุทธ์ที่คล้ายกันพอไปอยู่ในโถงเซียน บางทีเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะได้รับการรักษาและการฟื้นฟูในระดับหนึ่งจนปรากฏขึ้นอีกครั้ง
พวกเขาคล้ายกับตั้งใจหลบเลี่ยงวรยุทธ์ในการสืบทอดกระแสตรงสายสามพิสุทธิ์…
“หือ?” ขณะเยี่ยนจ้าวเกอกำลังใคร่ครวญอยู่ จิตใจพลันสั่นไหวอย่างรุนแรง
เขามองไปยังที่ไกล ที่นั่นคล้ายมีคนกำลังเข้าใกล้สมรภูมิบริเวณนี้
ในขณะเดียวกัน เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ของวิเศษชิ้นหนึ่งที่ตนพกติดตัวพลันเกิดการเคลื่อนไหว
กงจักรมหาประกายกาฬ!
………………..