ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1224 พันปีดอกไม้ค่อยบาน
ใต้กำแพงที่หักพัง บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่นั่น
เขาเหยียดขาข้างหนึ่งไปด้านหน้า ขาอีกข้างงอขึ้นวางไว้ตรงหน้า ส่วนแขนของเขาพาดอยู่บนเข่าที่งอ
บุรุษพิงกำแพง ดวงตาสองข้างกำลังมองเยี่ยนจ้าวเกอกับทวนพระอังคาร
“สหายเก่า เจ้ามาแล้ว” ขณะที่พูด บุรุษหนุ่มก็ลุกขึ้นจากพื้น
“เกือบติดกับดัก สร้างความลำบากให้แก่เจ้าแล้ว” ยักษ์เพลิงที่กลายร่างมาจากทวนพระอังคารพูดพลางเหาะร่างลง เยี่ยนจ้าวเกอลงไปพร้อมกับเขา พร้อมกับสำรวจบุรุษหนุ่มตรงหน้าไปด้วย
อีกฝ่ายไว้ผมสั้นซึ่งหาได้ยากสุดขีด
ผมของเยี่ยนจ้าวเกอ หลายปีมานี้ภายใต้ความแน่วแน่ของตัวเองยิ่งไว้ยิ่งสั้นลง แตกต่างกับบุรุษคนอื่นๆ ที่อยู่ในโลกโบราณนี้
ทว่าทรงผมของบุรุษตรงหน้าผู้นี้ ยังสั้นยิ่งกว่าเยี่ยนจ้าวเกอ เป็นทรงผมเกรียนในความทรงจำของเยี่ยนจ้าวเกอ ถึงแม้ผมจะดกหนา แต่ว่าตั้งขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ มอบความรู้สึกเหมือนถูกตำมือให้แก่ผู้คน
ร่างของเขาสูงใหญ่ยิ่ง แต่ว่าสมส่วนองอาจ สัดส่วนสมบูรณ์แบบ ไม่ได้ดูเก้งก้างและไม่ได้บวมพอง ผมสั้นยิ่งเสริมความทรหดบนองคาพยพของเขา
ตอนที่เขาลืมตา เหมือนกับมีจักรวาลอยู่ด้านใน ยิ่งใหญ่และห่างไกล
“ไม่ลำบาก” พอฟังคำพูดของทวนพระอังคาร บุรุษก็ส่ายหน้า “เพียงแต่ตอนนี้ข้าไม่สนใจพวกเขา”
สายตาของเขามองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ “สหายน้อยผู้นี้มีความเป็นมาอย่างไร”
ถึงแม้จะเพิ่งเคยเห็นตัวจริงเป็นครั้งแรก แต่เยี่ยนจ้าวเกอยืนยันสถานะของอีกฝ่ายได้แล้ว
คนที่เคยถูกจัดอยู่ในเก้านพเคราะห์คุนหลุนใหม่เหมือนเยี่ยนซิงถางปู่ของตน เฉินเวียนจงกษัตริย์ดารา กษัตริย์ดินเจี่ยงเซิ่น และเกาหานราชันพระอาทิตย์
ราชันพระอังคาร สั่วหมิงจาง!
เทียบกับภาพเหมือนของสั่วหมิงจางที่ได้เห็นผ่านพัดพับที่ราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวงวาดขึ้นด้วยตัวเองตอนอยู่บนโลกมังกรอัคคี ตัวจริงตรงหน้ากลับเงียบขรึมกว่ามาก เหมือนกับอาวุธเทพสะท้านโลกาถูกเก็บใส่ฝักชั่วคราว
แต่ว่าสภาวะอันน่ากลัวที่ทำสิ่งใดในจักรวาลก็ได้ ไร้กฎเกณฑ์ เยี่ยนจ้าวเกอยังคงรู้สึกได้อย่างเลือนราง
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ มังกรอัคคีที่สยบใต้หล้าตัวนั้นมีลักษณะสงบนิ่งเช่นตอนนี้ แต่ว่าไม่มีผู้ใดนึกจริงๆ ว่า บุรุษผมสั้นตรงหน้าผู้นี้จะไร้อันตราย
ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาจงใจฝ่ากับดับที่อีกฝ่ายตั้งใจวางไว้ในถิ่นของโถงเซียน ต้านทานการกลุ้มรุมจากยอดฝีมือมากมาย ยังคงสังหารตัวล่อ แล้วจากไปได้อย่างผ่าเผยในตอนสุดท้าย
ตัวล่อผู้นั้นก็คือกษัตริย์เซียนพิศวงที่รวมปราณเซียนสำเร็จเป็นจิตราแล้ว
“ราชันพระอังคารอยู่ต่อหน้า เยี่ยนจ้าวเกอขอคารวะ” เยี่ยนจ้าวเกอไม่สะทกสะท้าน ประสานมือให้แก่สั่วหมิงจางที่อยู่ตรงหน้า
“ครั้งก่อนตอนเจอกัน ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเป็นลูกหลานของสหายร่วมเส้นทางเยี่ยนซิงถางและสหายร่วมเส้นทางตี๋ชิงเหลียน” ทวนพระอังคารพูดขึ้นด้านข้าง
สั่วหมิงจางมองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่งแล้วกล่าวอย่างแช่มช้า “สมควรบอกเป็นลูกหลานคนโด่งดัง หรือเป็นคลื่นลูกหลังกลบคลื่นลูกหน้า”
“ไม่ต้องมากพิธี” เขาพยักหน้าให้เยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นก็หันไปพูดกับทวนพระอังคาร “อีกเดี๋ยวพวกเราไว้คุยกัน ตอนนี้ยังไม่สนทนากับพวกเจ้า ข้าจะจัดการเรื่องก่อนหน้าต่อ”
ทวนพระอังคารว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าเพิ่งทราบเมื่อครู่”
“มารดาของเขาเป็นศิษย์หลานของหูเยว่ซิน และเป็น…ลูกศิษย์รุ่นที่สามของเซ่าจวินหวง”
“หือ?” สั่วหมิงจางหันหน้ามาในทันใด
เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือให้แก่สั่วหมิงจาง “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสทวนพระอังคารบอกท่านถึงเรื่องที่จักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยและจักรพรรดิเจิดจรัสหูเยว่ซินได้ทำในอดีตแล้วหรือไม่ เหตุและผลในวันนั้นยังไม่ได้แยกจากกันโดยสมบูรณ์ ข้าผู้แซ่เยี่ยนกับมารดาปัจจุบันรับสืบทอดเหตุและผลนั้นต่อ กำลังหาวิธีแก้ไข”
เขาไม่ได้ปิดบัง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ที่ข้าออกจากโลกซ้อนโลกร่อนเร่อยู่ในมิติ เป้าหมายก็เพื่อตามหาบุรพาจารย์ของมารดา ราชันพระพฤหัสบดี ในขณะเดียวกันเพราะได้ฟังคนเกล่าวว่าท่านกับราชันพระพฤหัสบดีเคยคบหากัน ดังนั้นจึงหวังว่าจะเจอผู้อาวุโสท่าน”
หลังจากสั่วหมิงจางฟังจบอย่างสงบนิ่ง ก็ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ เพียงกล่าวอย่างรวบรัด “ตอนนี้ข้ากำลังตามหาจวินหวงอยู่ เจ้ามากับข้า”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า ติดตามอีกฝ่ายไปพร้อมกับทวนพระอังคาร
สั่วหมิงจางเดินอยู่ด้านหน้าสุด เคลื่อนไหวอยู่ในซากปรักหักพังตรงหน้าอย่างไม่ลังเล
เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งเดินทาง ทางหนึ่งสัมผัสกลิ่นอายที่แฝงอยู่ในซากอาคาร รวมถึงวังฝูงมังกรที่เชื่อมต่อกับตัวเอง
‘พังทลายโดยสมบูรณณ์แล้ว พลังชีวิตแทบสลายหมดสิ้น สู้เสาระเบียงและคานใหญ่ของวังเทพในตอนแรกไม่ได้ ทั้งยังสู้ประตูหยกขาวไม่ได้’ เยี่ยนจ้าวเกอลอบถอนใจ
หลังจากผ่านวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในตอนแรก ผ่านการเคี่ยวกรำอย่างไม่หยุดยั้งของกาลเวลา ผ่านหายนะการเปลี่ยนแปลงของเมฆดาราปฐมกำเนิด ที่นี่เป็นเศษซากอาคารของจริง แม้แต่กระเบื้องดีก็ไม่มีเหลือ ไม่จำเป็นต้อมหลอมรวมมันเข้ากับวังฝูงมังกรแล้ว
แต่ว่าในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเสียดาย จิตใจของเขาพลันสั่นไหว เขาสัมผัสได้ว่าสิ่งของที่ก่อนหน้าไม่เคยถูกเขาควบคุมอย่างแท้จริงมาก่อนชิ้นหนึ่ง ตอนนี้เหมือนกับมีปฏิกิริยาเล็กน้อย
เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ!
‘ที่นี่เกี่ยวกับตำหนักโอสถ หรือว่าในเมฆดาราปฐมกำเนิดแห่งนี้มีทางเชื่อมมิติเชื่อมไปยังมิติที่ตำหนักโอสถอยู่’ เยี่ยนจ้าวเกองงงันเล็กน้อย แต่จากนั้นก็รู้สึกคล้ายไม่ได้น่าประหลาดใจขนาดนั้น
ราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวงในอดีตขึ้นชื่อในวิชาหลอมโอสถ ผู้คนต่างยอมรับว่าเป็นอับดับหนึ่งในด้านการหลอมโอสถปรุงยาท่ามกลางยอดฝีมือแห่งสำนักเต๋าที่ปรากฏขึ้นหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
นางมุ่งมั่นตามหาตำหนักโอสถของวังเทพ ถึงขั้นที่หาเบาะแสมากมายเจอ ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผลยิ่ง เพียงแต่ไม่ทราบว่าในที่สุดแล้วมีการค้นพบอย่างไร
เยี่ยนจ้าวเกอกำลังขบคิด พลันเห็นราชันพระอังคารสั่วหมิงจางตรงหน้าหยุดฝีเท้า
ตำแหน่งที่คนทั้งสามอยู่ อยู่ในซากตึกบริเวณหนึ่ง สภาพแวดล้อมรอบๆ มองไปไม่มีส่วนน่าประหลาด
หลังจากสั่วหมิงจากสำรวจรอบๆ ก็ยกมือขึ้นยื่นนิ้วออกมา เขียนใส่กลางอากาศ ลำแสงจางๆ ทิ้งร่องรอยไว้กลางอากาศ ก่อนจะผนึกกันเป็นยันต์อาคมที่มีเอกลักษณ์ใบหนึ่งอย่างรวดเร็ว
เยี่ยนจ้าวเกอมองยันต์อาคมใบนั้น ดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย…เขาเคยเห็นมาก่อน เป็นตราประทับส่วนตัวที่ราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวงเหลือไว้
“เจ้าเคยเห็น?” สั่วหมิงจางไม่ได้หันมา กล่าวถามไม่จริงจังนัก
“ก่อนหน้านี้ข้าไปถึงโลกมังกรอัคคี เจอพัดพับเล่มหนึ่งในกระท่องมุงฟางซึ่งเป็นที่อยู่เดิมของท่าน” เยี่ยนจ้าวเกอ
ทราบว่าเขาไม่ได้ถามทวนพระอังคาร ยอมรับตามตรง ไม่ได้ปกปิด
ขณะที่พูด เยี่ยนจ้าวเกอก็มองไปที่ทวนพระอังคาร อีกฝ่ายพอได้ยินชื่อของโลกมังกรอัคคีก็พยักหน้าอย่างเงียบเชียบ ไม่ได้พูดอะไร
สั่วหมิงจางไม่ได้ไม่พอใจอย่างที่คิดไว้ “ข้าไม่ได้กลับไปมาหนึ่งพันปีแล้ว ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง”
“เฝยอี๋หกขาที่อยู่ที่นั่นดูแลสุสานอย่างเอาใจใส่ยิ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ
หนึ่งถามหนึ่งตอบ พร้อมกับที่ยันต์อาคมใบนั้นส่องสว่าง อากาศตรงหน้าพลันเปิดเป็นรู
คนทั้งสามเข้าไปด้านในด้วยกัน มาถึงโลกอันเป็นเอกเทศแห่งหนึ่ง สิ่งที่เข้าสู่คลองจักษุเป็นอันดับแรกกลับเป็นต้นไม้วิญญาณสูงใหญ่ต้นหนึ่ง ตั้งตรงสูงชะลูด ดูน่าเกรงขาม
“ต้นผมขาว…” เยี่ยนจ้าวเกอพอเห็นต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น จิตใจก็ร่วงลงสู่ก้นเหว
‘ถ้าเจ้าได้เห็นต้นไม้ผมขาว เช่นนั้น…เกรงว่าเป็นการลอกคราบจากบูรพาจารย์ อธิบายว่าท่านผู้เฒ่าได้ลาโลกไปแล้ว…’
คำพูดของมารดาดังก้องในความทรงจำ ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอตกอยู่ในภวังค์
เขาได้สติ มองไปที่ราชันพระอังคารสั่วหมิงจาง
เห็นบุรุษผมสั้นยืนนิ่งกับที่ ไม่ไหวติงเนิ่นนาน
ครู่ต่อมา สั่วหมิงจาก็ก้าวเดินอีกครั้ง ไปถึงใต้ต้นไม้วิญญาณอย่างเงียบเชียบ
พร้อมกับการมาถึงของเขา กิ่งใบอันหนาแน่นสั่นไหวโดยไร้ลม จากนั้นดอกสีขาวมากมายก็บานสะพรั่ง กระจายเต็มต้นไม้ผมขาวอย่างไม่มีเค้าลางแม้แต่น้อย
พร้อมกับที่กิ่งส่ายไปมา เหมือนกับมีเสียงกระดิ่งลมดังขึ้น แต่กลับปรากฏขึ้นแวบเดียวแล้วหายไป
………………..