ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1227 โถงเซียน ใต้เทวกษัตริย์ล้วนเป็นมดปลวก!
“การจากลาในวันนั้น ผู้ใดทราบว่าจะเป็นตลอดกาล”
สั่วหมิงจากฟื้นจากสภาพที่เหมือนติดอยู่ในภวังค์ สองตามีประกายขึ้นอีกครั้ง แต่ว่ากลิ่นอายที่ทำให้โลกทั้งใบอึดอัดยังคงดำรงอยู่ อีกทั้งยังถึงขั้นรุนแรงกว่าเดิม
“จวินหวง ข้ารอเจ้าพูดถึงสัญญาที่สามมาโดยตลอด…” สั่วหมิงจางถูมือกับลำต้นของต้นผมขาวเบาๆ ครู่ต่อมาเขาก็หยุดมือ กล่าวเสียงเบาว่า “คนอื่นไม่เข้าใจเจ้า ข้ายังไม่เข้าใจเจ้าหรือ”
“ตำหนักโอสถนั้น ข้าเชื่อว่าเจ้าหาเจอแล้ว เพียงแต่เจ้าเข้าไปไม่ทัน” สั่วหมิงจางกล่าวเสียงเบา “ตำหนักโอสถนี้จะเป็นของสามพิสุทธิ์สายหลักสำนักเต๋าของเรา ข้าจะต้องพาเจ้าเข้าไปดูให้ได้”
เขาไม่ขยับฝ่ามือ แต่ว่าต้นผมขาวขนาดมหึมาตรงหน้าเริ่มลอยขึ้นตามร่างของเขา!
ต้นไม้สูงเทียมฟ้าลอยขึ้นจากดิน พื้นดินเบื้องล่างถูกนำขึ้นไปด้วย
พร้อมกับที่ต้นผมขาวห่างจากผืนดิน เห็นในโลกเบื้องล่าง เหมือนกับเพิ่มโพรงขนาดยักษ์โพรงหนึ่ง ผืนดินหายไป เหลือเพียงหลุมดำขนาดมโหฬารหลุมหนึ่งตรงกลางความว่างเปล่า
สั่วหมิงจางขยับฝ่ามือ ต้นผมขาวขนาดใหญ่โตหดเล็กลง สุดท้ายก็หายไปในใจกลางฝ่ามือของเขา แต่กลางหลุมดำขนาดยักษ์บนพื้นกลับมีแสงสว่างเจ็ดสายเริ่มพวยพุ่งออกมามากมาย
เยี่ยนจ้าวเกอกับทวนพระอังคารอยู่ด้านข้าง พอสัมผัสแสงสว่างเจ็ดสีสติก็เลอะเลือน
เยี่ยนจ้าวเกอสงบจิตใจจึงค่อยตั้งหลักได้ จากนั้นก็สัมผัสได้ว่ามีกลิ่นโอสถจางๆ ฟุ้งกระจาย
กลิ่นโอสถนี้ไม่ฉุน แต่กลับเหมือนคงอยู่ทุกที่
ไม่ใช่การรับกลิ่นของเยี่ยนจ้าวเกอได้กลิ่นโสถ แต่เป็นกลิ่นโอสถเข้ามาในรูขุมขนทั้งหมดบนร่างของเขา
เยี่ยนจ้าวเกอหลังจากได้กลิ่นโอสถแล้วก็แน่ใจว่ากลิ่นไม่เพียงไม่อันตราย แต่ยังมีประโยชน์ต่อตนเองอย่างใหญ่หลวง
เขาไม่ได้ปิดรูขุมขน แต่ใช้ญาณจริงแท้ของตัวเองชักนำกลิ่นโอสถเข้ามาในร่าง จากนั้นก็ใช้ชำระร่างกาย
ทันใดนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกเพียงว่าทั่วทั้งร่างผ่อนคลาย
ภายใต้กาารอาบในแสงเจ็ดสี เยี่ยนจ้าวเกอเพียงรู้สึกว่าพลังจิตของตัวเองกำลังได้รับการยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง อิ่มเอิบกว่าเดิม
ทวนพระอังคารอยู่ข้างใน ถึงแม้จะมีร่างเป็นอาวุธ แต่ก็ยังได้ประโยชน์ไม่น้อย
เยี่ยนจ้าวเกอมองส่วนลึกสุดของหลุดดำด้านล่างอย่างละเอียด เห็นแสงสว่างเจ็ดสีเริ่มกอปรกันเป็นธารน้ำสายหนึ่ง ยืดยาวออกไปในความว่างเปล่าไม่หยุด เสมือนกับเชื่อมอะไรสักอย่างอยู่
‘ราชันพระพฤหัสบดีเหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะเจอตำหนักโอสถของวังเทพอย่างแท้จริง’ เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็ลอบพยักหน้า
เมฆดาราปฐมกำเนิดที่น่าอัศจรรย์นี้เชื่อมต่อกับมิติเวลาจำนวนนับไม่ถ้วน สามารถเชื่อมไปยังตำนักโอสถที่ลึกลับไม่ทราบร่องรอยได้เหมือนกัน
เยี่ยนจ้าวเกอระหว่างที่ถูกแสงเจ็ดสีครอบคลุมไว้ สามารถรับรู้ได้ว่าวังฝูงมังกรของตนกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับที่ซ่อนอยู่ในวังฝูงมังกรสั่นไหวไม่หยุดเช่นเดียวกัน
“ข้าจะเติมเต็มส่วนสุดท้ายนี้ให้เจ้าเอง” สั่วหมิงจางที่อยู่บนหลุมดำกล่าวอย่างแช่มช้า
เขากดฝ่ามือลง กลางฝ่ามือปรากฏรอยตราส่วนตัวของเซ่าจวินหวงอีกครั้ง แสงสว่างหมุนเวียน ด้านในมิติเวลาที่ปั่นป่วนกลางหลุมดำพลันเกิดประกายแสงสีเขียวจางๆ สายแล้วสายเล่า
ประกายแสงสีเขียวมรกตรวมตัวกัน หมุนเวียนผสมผสาน พัวพันกันอยู่บนลำแสงเจ็ดสี จากนั้นประกายแสงสีเขียวมรกตเหล่านี้ก็เริ่มลากดึงลำแสงเจ็ดสี
“ข้าไม่ได้ต้องการตำนักโอสถ” สั่วหมิงจางกล่าวอย่างราบเรียบ “เพียงแต่หลังจากเรื่องทุกอย่างพร้อมแล้ว ข้าจะพาจวินหวงไปดูตำหนักโอสถที่นางตามหามาตลอด เจ้าเป็นลูกหลานของเยี่ยนซิงถาง ผู้สืบทอดของสามพิสุทธิ์สายหลักของเรา และเกี่ยวข้องกับผู้สืบทอดของจวินหวง จะได้ประโยชน์จากตำหนักโอสถนั้นขนาดไหนขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าเอง ถ้าหากว่าเป็นวาสนาของเจ้าจริงๆ ก็ถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง”
เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือให้แก่สั่วหมิงจาง จากนั้นก็หลับตาลง สงบจิตใจรวบรวมสมาธิ เขารู้สึกว่าตอนนี้ตนเองเหมือนกับวิญญาณหลุดจากร่าง พุ่งลงไปตามลำแสงเจ็ดสายที่เหมือนกับสายธาร ทะลุมิติเวลาไร้สิ้นสุด มุ่งหน้าไปยังปลายสุดที่อยู่ไกลแสนไกล
ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไร เขารู้สึกว่าความเร็วในการเคลื่อนที่ของตัวเองเชื่องช้าลง ลำแสงเจ็ดสีที่อยู่รอบๆ เหมือนกับเริ่มเปลี่ยนเป็นจืดจาง ตรงหน้าเหมือนกับมีเงามืดขนาดยักษ์สายหนึ่งเข้าใกล้ตัวเอง มิหนำซ้ำยังค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้น
พร้อมกับที่เข้าใกล้ เงามืดในความว่างเปล่าก็เริ่มเปลี่ยนแปลงชัดเจน เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกฮึกเหิม
สิ่งที่ปรากฏขึ้นในสายตาของเขาก็คือตำหนักโอสถวังเทพในตำนาน!
เพียงแต่เทียบกับตำหนักโอสถในความทรงจำของตัวเองแล้ว สิ่งก่อสร้างเบื้องหน้าภายนอกดูแตกต่างอยู่หลายส่วน
ตำหนักใหญ่ซึ่งเดิมทีเปล่งแสงสีทองจางๆ เหมือนกับประกอบขึ้นจากหยกขาวไร้ตำหนิ ในตอนนี้ไร้แสง มองไปถึงขั้นมีความเก่าคร่ำคร่าอยู่บ้าง
ทันใดนั้นพลันมีกลิ่นอายเย็นเยียบสายหนึ่งเกิดขึ้นมาจากใจกลางตำหนักใหญ่ตรงหน้า กลิ่นอายเย็นชาแห้งแล้ง เหมือนกับไม่มีความแปรปรวนทางอารมณ์แม้แต่น้อยนิด กลับเหมือนเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่รุนแรง ส่งความแปรปรวนทางอารมณ์ที่โกรธแค้นชิงชังมา
ความรู้สึกขัดแย้งสองชนิดผสมผสานเข้าด้วยกัน ส่งมาหาเยี่ยนจ้าวเกออย่างชัดเจน ความเย็นเยียบนี้แทบจะแช่แข็งวิญญาณของเขาในพริบตา
‘รู้สึกคุ้นเคยนัก แต่ก็ไม่เหมือนกันทีเดียว…’ เยี่ยนจ้าวเกอพลันนึกถึงกลิ่นอายคล้ายๆ กันที่ได้สัมผัส ในตอนที่ได้เตาทองคำม่วงเมฆลี้ลับมาในครั้งกระโน้น
ความแตกต่างอยู่ที่การพบเจอกันในครั้งนี้ ความรู้สึกที่อยู่ด้านในชัดเจนกว่าเดิม มีพลังกว่าเดิม
นอกจากนี้ อีกฝ่ายยังเหมือนกับคนที่จดจำความแค้น จำเยี่ยนจ้าวเกอที่เคยชิงเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับไปในตอนนั้นได้อย่างชัดเจน!
ดังนั้นอารมณ์ที่ส่งมาในครั้งนี้ นอกจากความโมโหแล้วจึงยังมีความประหลาดใจระคนเคียดแค้น
“หือ?” เสียงของสั่วหมิงจางพลันดังขึ้นเหมือนมาจากนอกโลกที่อยู่ไกลแสนไกล กลิ่นอายที่แปลกประหลาดและเย็นเยียบนั้นสั่นไหวครั้งหนึ่งก่อนจะหายไป
เยี่ยนจ้าวเกอละความคิดกลับมา ลืมตาขึ้น
สั่วหมิงจางมองหลุมดำ “ที่นั่นคล้ายยังมีความพิสดาร หลังจากจัดการเรื่องในมือ ข้าจะตามไปดูด้วย”
เยี่ยนจ้าวเกอผงกหัวเล็กน้อย ต่อจากนี้ ยอดฝีมือโถงเซียนที่อยู่ที่นี่จะถูกสั่วหมิงจางดึงดูดไปอีกทางเป็นกลุ่มใหญ่
หากเรื่องทางสั่วหมิงจางยังไม่จบลง กษัตริย์ดินก็ไม่คิดจะกลับโลกซ้อนโลก ปัจจุบันเป็นโอกาสของตนกับเขากว่างเฉิง
เยี่ยนจ้าวเกอมองหลุมดำนั้น หลังจากใคร่ครวญอยู่หนึ่งก็พูดกับทวนพระอังคารว่า “ผู้อาวุโส ขอให้ท่านช่วยไปยังโลกซ้อนโลกติดต่อกับบิดาของข้าได้หรือไม่ ตำหนักโอสถนี้มีลักษณะที่พิสดารบางอย่าง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย ข้ามีแผนการอย่างหนึ่ง แต่จำเป็นต้องรวมพลังของคนห้าคน นอกจากข้ากับท่านยังต้องการอีกสาม”
ทวนพระอังคารพยักหน้าแช่มช้า “ได้” จากนั้นเขาก็หันไปมองสั่วหมิงจาง
“เรื่องที่เจ้าคิดทำในตอนนี้…” ทวนพระอังคารเข้าใจสั่วหมิงจางดี “เจ้าคิดจะล้างแค้นให้เซ่าจวินหวง?”
“ถูกแล้ว เพื่อตามจับเจ้าในเมฆดาราปฐมกำเนิด โถงเซียนจะต้องส่งยอดฝีมือที่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้มมาแน่ คนที่เคยไล่ล่าจวินหวงมาถึงที่นี่ ถ้าหากยังมีชีวิตอยู่จะต้องถูกส่งมา”
ทางหนึ่งคุ้นเคยภูมิประเทศ ทางหนึ่งสามารถตรึงสั่วหมิงจางไว้ ทำให้เขาไม่อาจหนี แต่ว่าสั่วหมิงจางไม่คิดจะหนีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“ก่อนหน้าเจ้าไปอาละวาดบนพื้นที่ของโถงเซียน ครั้งนี้อีกฝ่ายมีการเตรียมตัว” ทวนพระอังคารว่า
“โถงเซียน?” สั่วหมิงจางพูดอย่างเฉื่อยชา “ใต้เทวกษัตริย์ล้วนเป็นมดปลวก”
………………..