ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1231 กลุ้มรุม
“พี่ร่วมเส้นทางอย่าได้ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า” จักรพรรดิอาทิตย์ถอนใจคำหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ยกโคมในคันฉ่องขึ้น พร้อมกับคว้าอีกมือหนึ่งใส่ทวนพระอังคาร
ทวนพระอังคารไม่คิดจะคุยกับเขา สะบัดหางทวนปะทะใส่ใจกลางฝ่ามือจักรพรรดิอาทิตย์
จักรพรรดิอาทิตย์เปลี่ยนสภาวะฝ่ามือ เงาแสงตัดสลับ กลางฝ่ามือมีประกายแสงสาดส่องทั่วสี่ทิศ ถึงกับมีทวนยาวสีแดงเพลิงเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านใน รูปร่างของทวนยาวเล่มนั้นเหมือนกับหางทวนของทวนพระอังคารไม่มีผิด แม้แต่จิตพลังก็ยังคล้ายคลึงกัน
หลังจากปะทะกัน สองฝ่ายร่างกายสั่นสะท้านวูบหนึ่ง
จักรพรรดิอาทิตย์ชักฝ่ามือกลับ ทวนยาวสีแดงเพลิงกับประกายแสงในมือสลาย หลังจากประกายแสงหายไป ใจกลางฝ่ามือของเขาก็ปรากฎรอยแผลไฟไหม้
ในฐานะผู้สืบทอดของสำนักเต๋าสายหลัก ทวนพระอังคารสำเร็จวิชามาหลายพันปี แม้จะเคยถูกสะกดไว้ในสุสานมังกรและเสียเวลาไปมากมาย แต่ว่าก็ยังคงชรายิ่งกว่าจักรพรรดิอาทิตย์เทียนไข
จักรพรรดิอาทิตย์เทียนไขไม่ท้อถอย ใช้อีกมือหนึ่งยกโคมในคันฉ่อง เปลวเทียนที่สะท้อนกลับด้านในคันฉ่องสั่นไหวอย่างรุนแรง จากนั้นลูกไฟสีขาวหลายสายก็ลอยขึ้นมาจากด้านใน พุ่งใส่ทวนพระอังคาร
ทวนพระอังคารหมุนตัวฟันใส่ เปลวเพลิงสีแดงฉานแหวกออกเป็นพิรุณเพลิงสีขาว
แต่ในตอนนั้นเอง เปลวเทียนในคันฉ่องโบราณสั่นไหว สะท้อนออกมาเป็นทวนวงเดือนสีแดงฉาน จากนั้นก็พุ่งออกจากกระจกเข้าปะทะเข้ากับทวนพระอังคาร
จักรพรรดิอาทิตย์สายตาเคร่งขรึม ปราณเซียนซัดสาด หลอมรวมกับโคมในคันฉ่อง
เขาศึกษาการสืบทอดกระแสตรงของเทวกษัตริย์เต๋าชิงซวี ขณะเดียวกันยังครอบครองความลี้ลับของคัมภีร์ชาดแห่งชิงซวีเต้าเต๋อ คัมภีร์พลิกฟ้า คัมภีร์นภาหยินหยาง คัมภีร์นภาครอบจักรวาล
เขาใช้สิ่งเหล่านี้ฝึกฝนวิชากระจกส่องจักรวาลและเทียนไขฟ้าดินสำเร็จ มีการเปลี่ยนแปลงไร้สิ้นสุด น่าอัศจรรย์ไร้ขอบเขต
จิตพลังของโคมในคันฉ่องอันเป็นอาวุธเซียนของเขารับสืบทอดวิชานี้ ตัวเขาพอกระตุ้นวิชานี้ สองสิ่งประสานกัน จิตพลังที่สะท้อนกลับในคันฉ่องถึงกับเหมือนไม่ด้อยกว่าทวนพระอังคารของจริง
สองฝ่ายปะทะกัน ทวนพระอังคารไม่มีได้เปรียบใดๆ
ในทางตรงกันข้าม ลูกไฟเล็กๆ สีขาวน้ำนมหลายสายกระจายออกมาไม่หยุดยั้ง ลอยเข้าหาทวนพระอังคารตัวจริง
ดวงไฟนี้ดูเหมือนล่องลอย เปราะบาง ไม่มีอันตรายใด แต่ทวนพระอังคารทราบถึงพลังทำลายล้างด้านในเป็นอย่างดี หากรับเข้าเต็มๆ โดยไม่หลบหลีกหรือปัดป้อง เซียนจริงแท้จากสามพิสุทธิ์สายหลักก็ไม่มีผลดี
ยิ่งไปกว่านั้น นิ้วมือที่ไร้เค้าลางนิ้วหนึ่งเหมือนกับแทงทะลุการจำกัดของเวลาและมิติช่องว่าง ปรากฏขึ้นตรงหน้าทวนพระอังคารอย่างกะทันหัน
ห้ากำเนิดแรกเริ่ม ดัชนีเทพปฐมกำเนิด!
จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ!
เปลวไฟบนผิวของทวนพระอังคารพลันหายไปหมดสิ้น ในความว่างเปล่าเหลือแต่ทวนวงเดือนที่สลักลวดลายมังกร เป็นสีแดงฉานทั่วทั้งเล่ม
ลำแสงจางๆ จุดหนึ่งกะพริบบนผิวของทวนพระอังคาร แสงสว่างจุดนี้สุดท้ายพุ่งใส่ปลายแหลมตรงหัวทวน จากนั้นทวนพระอังคารก็วาดเป็นเส้นโค้งงดงามกลางอากาศ
วินาทีนี้เขาไม่ได้แข็งกล้าดุดันเหมือนเดิมอีก การเคลื่อนไหวของเขาไม่อาจใช้คำว่ารุนแรงหรือเบาบางมานิยามได้อีกแล้ว และไม่ใช่การใช้แข็งอ่อนให้กำเนิดกันทั่วไป
หากแต่อยู่เหนือกว่านั้น เขาวาดเป็นเส้นโค้งสีแดงเพลิงสายหนึ่ง สลัดหลุดจากการพัวพันของโคมในคันฉ่อง จากนั้นก็ไหลตามสภาวะ หลบรอดจากพิรุณเพลิงเปลวเทียนสีขาว สุดท้ายแทงใส่ปลายนิ้วชี้ของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำอย่างถนัดถนี่
ร่างของสองฝ่ายสั่นไหวพร้อมกัน ต่างถูกดีดกระดอนออกไปข้างหลังคนละทาง
หลังจากดีดออกแล้ว ทวนพระอังคารก็วาดเส้นโคจรอันงดงามอีกครั้ง หลบประกายกระจกที่จักรพรรดิอาทิตย์ส่องตามมาอย่างหวุดหวิด
ทวนพระอังคารอาศัยการปะทะกันนี้ ข้ามผ่านมิติเวลาหนีไปอีกทางด้วยความเร็วสูง เป้าหมายของเขายังคงเป็นจักรพรรดิเซียนจริงแท้จากโถงเซียนอีกคน
ยอดฝีมือจากโถงเซียนที่มาถึงที่นี่มีทั้งสิ้นหกคน ห้าคนในนี้ร่วมมือกันกางค่ายกลต่อสู้ เชื่อมต่อและยืมพลังกันและกัน ยังใช้สภาวะประสานค่ายกล
อีกคนหนึ่งไม่ได้ทำอะไร นางเป็นสตรีที่ก่อนหน้านี้ปล่อยแสงอัสดงสีเงินยวงออกมาขวางเส้นทางของทวนพระอังคารเป็นคนแรกนางนั้น
พอเห็นทวนพระอังคารพุ่งเข้าหาตัวเอง นางก็หัวเราะเย็นชา “ยึดถือข้าเป็นลูกพลับนิ่มหรือ เต๋านอกรีตเช่นพวกเจ้ามักภูมิใจกับผลประโยชน์เล็กน้อยตรงหน้า คิดว่าตนเองเก่งกาจ ไม่เห็นผู้ใดในสายตา จงสำเหนียกเถิดว่าเรื่องราวในโลกไม่มีอะไรแน่นอน!”
นางย่อตัวอย่างรวดเร็ว หลบคมทวนพระอังคาร จากนั้นก็ต่อยหมัดใส่ด้ามทวนจากด้านข้าง
บนหมัดของนางมีแสงสีเงินส่องสว่าง เหมือนกับหอกที่ส่องแสงสีเงินเล่มหนึ่ง
อาศัยวิชาหมัดออกวิชาหอก โจมตีขัดขวาง แทงใส่ด้ามของทวนพระอังคาร ทำลายจุดหนุนเสริมพลัง ประกายตาไม่อาจบอกว่าไม่อำมหิต
คมของทวนพระอังคารกะพริบขึ้นวูบหนึ่ง เปลวเพลิงสีแดงฉานที่กักเก็บอยู่ด้านในระเบิดออกมา รวมกันเป็นกระแสคลื่นซัดสาด ทำให้กำปั้นของสตรีนางนั้นเชื่องช้าลง
แต่ว่าการเคลื่อนไหวไปด้านหน้าของทวนพระอังคารก็ช้าไปจังหวะหนึ่ง เขาหันด้านคม ฟันลงใส่คู่ต่อสู้
“เกรงว่าจะล้มเหลวแล้ว!” ครั้งนี้สตรีนางนั้นไม่หลบหลีก ใช้หมัดต่างหอก ปะทะกับทวนพระอังคารหนึ่งกระบวนท่าตรงๆ
สองฝ่ายกระแทกใส่กัน ต่างฝ่ายต่างสั่นสะท้านแล้วโซเซถอยหลัง
สตรีนางนั้นก้มมองมือของตนแวบหนึ่ง ด้านบนมีรอยสีแดงสายหนึ่ง แต่ไม่เห็นเลือด
วัตถุดิบที่นำมาหลอมสร้างอาวุธสังหารโดยเนื้อแท้อย่างทวนพระอังคาร ยังไม่พูดถึงอย่างอื่น ในด้านความแข็งแกร่งและความคม ย่อมเหนือกว่าอาวุธเซียนมากมายเช่นโคมในคันฉ่องและธงจตุกำเนิด
สตรีนางนี้ใช้หมัดตนเองเข้าหักหาญไม่ต่างกับคนธรรมดานำร่างมีเลือดมีเนื้อรับศาสตราต่างๆ ที่เย็นเยียบ
“ไม่เห็นจะเท่าไร” นางหัวเราะเย็นชา
ทวนพระอังคารเพิ่งจะต้านทานจักรพรรดิอาทิตย์ที่มีโคมในคันฉ่องอาวุธเซียนและจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ ไม่ได้พักแม้แต่น้อย กลายเป็นเกาทัณฑ์แรงปลายแต่แรก
แต่เขาก็ไม่ได้พูดกับอีกฝ่ายในเรื่องนี้ เพียงถามอย่างสงบนิ่ง “เจ้ามีนามว่าอะไร”
สตรีกล่าวอย่างเฉื่อยชา “หร่วนหมิงเหยียนจากโถงเซียน ฉายาจักรพรรดิอัสนีเย็นเยือก ครองพลังศรัทธาจากแดนปฐมเกียรติ แดนบรรทัดฉาก แดนที่ราบม่วง แดนฐานหยก แดนเลอเลิศ ห้าแดนเซียน”
ทวนพระอังคารผงกศีรษะ “เจ้าแตกต่างกับจอมยุทธ์เต๋านอกรีตคนอื่นจริงๆ หลายปีมานี้ข้าเคยเห็นอัจฉริยะบุคคลที่เหมือนกับเจ้า กระทั่งโดดเด่นกว่าเจ้า สุดท้ายกลับเสียเวลาเปล่า เสียดายคนมีความสามารถอย่างพวกเจ้าจริงๆ”
จักรพรรดิอาทิตย์กับจักพรรรดิแพรอาภรณ์ดำใบหน้าไม่แปรเปลี่ยน ไม่แสดงความเห็นใดๆ ต่อการสนทนาของทวนพระอังคารกับสตรีนางนั้น
หร่วนหมิงเหยียนกล่าวอย่างเย็นชา “วาจาใหญ่โตไร้ยางอาย คนไม่รู้จักรุกไม่รู้จักถอย ไม่รู้จักความเป็นความตายอย่างเจ้าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องชำระล้างหลอมเปลี่ยนด้วยซ้ำ การถูกทำลายเป็นจุดจบเดียวของเจ้า ตอนแรกได้ยินว่าเจ้าเคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่คืนชีพขึ้นมาในร่างของอาวุธขณะเหลือลมหายใจรวยริน จึงค่อยอยู่มาจนถึงตอนนี้ วันนี้ยึดถือว่าเป็นวันครบรอบวันตายครั้งที่สองของเจ้าเถอะ”
ขณะที่นางพูด จักรพรรดิโถงเซียนที่ประสานค่ายกลอีกห้าคนที่เหลือก็จู่โจมพร้อมกัน
จักรพรรดิเซียนจริงแท้ห้าคนไม่ได้มาจากสำนักเดียวกัน ต่างฝึกฝนวรยุทธ์แตกต่าง ทว่าตอนนี้จิตวรยุทธ์ของแต่ละคนต่างแยกออกเป็นห้าธาตุ สภาวะสอดประสาน ไหลเวียนไม่หยุดยั้ง เพราะการผลักดันค่ายกลต่อสู้
ด้วยเหตุนี้ ปราณเซียนของแต่ละคนที่ตอนแรกไม่เกี่ยวข้องกันจึงเกิดการเชื่อมโยงกันอย่างเลือนราง เหมือนกับรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
พลังอันน่ากลัวจู่โจมใส่ทวนพระอังคารจากทั้งห้าทิศ
ทวนพระอังคารเผชิญหน้าด้วยความเยือกเย็น ออกกระบวนท่าต่อเนื่อง การโจมตีหนึ่งต่อด้วยการโจมตีหนึ่ง หาช่องว่างอันน้อยนิดทำลายท่าไม้ตายของอีกฝ่ายขณะที่ค่ายกลของอีกฝ่ายกำลังหมุนเวียน
กระนั้นยามนี้จักรพรรดิอาทิตย์กับจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำต่างจู่โจมเข้ามาอีกครั้ง
“พี่ร่วมเส้นทาง ท่านไม่มีโอกาสชนะแล้ว กลับไปพร้อมกับข้าเถอะ” จักรพรรดิอาทิตย์เกลี้ยกล่อมต่อ
แต่พูดได้แค่ครึ่งเดียวเขาก็ชะงัก เพราะเขารู้สึกได้ว่าในมิติที่อยู่ไกลออกไปพลันมีความแปรปรวนระลอกหนึ่งส่งออกมาจากด้านในซากปรักหักพังของวังเทพ
………………..