ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1232 จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ขั้นประมุขในหมู่คน!
- Home
- ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี
- บทที่ 1232 จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ขั้นประมุขในหมู่คน!
มิติที่ซากปรักหักพังของวังเทพอยู่ฉีกออกเป็นร่องแยกหลายสาย เพราะผลจากเมฆดาราปฐมกำเนิดเมื่อก่อนหน้า
ร่องแยกมิติไม่เสถียร สั่นไหวอย่างต่อเนื่อง แต่ว่าการสั่นไหวนี้ไร้แบบแผน ค่อนข้างราบเรียบ เป็นปรากฎการณ์ธรรมดาของการเปลี่ยนแปลงมิติเวลาในเมฆดาราปฐมกำเนิด
กระนั้นการเปลี่ยนแปลงของที่นี่ก็ยิ่งมายิ่งชัดเจน ยิ่งมายิ่งรุนแรง และยิ่งมายิ่งปั่นป่วนพร้อมกับเวลาที่ผ่านไป เหมือนกับมีตัวตนที่แข็งแกร่งสุดขีดตัวตนหนึ่งซึ่งเดิมทีหลับใหลอยู่ในนี้ แต่ตอนนี้ที่สุดก็ตื่นขึ้นมา ร่องแยกมิติเริ่มขยายออกมาพร้อมกับการตื่นขึ้นของเขา โลกสุญญตาอันเป็นเอกเทศที่อยู่ด้านในเหมือนกำลังพังทลาย
ภายใต้การครอบคลุมของเงาแสงหลายสาย เยี่ยนจ้าวเกอนั่งขัดสมาธิ นิ้วชี้ทิ่มเบาๆ ที่หว่างคิ้วของตัวเอง อีกมือหนึ่งลอยอยู่ด้านหน้าท้องล่าง กดจุดตันเถียนไว้ จากนั้นเขาก็ชักสองมือจากด้านบนด้านล่างมาไว้ตรงกลาง
พร้อมกับการเคลื่อนไหวนี้ ทั่วทั้งร่างของเยี่ยนจ้าวเกอมีจุดแสงจุดแล้วจุดเล่าสว่างขึ้น เหมือนกับดวงดารามากมาย แสงดาวพร่างพราว ยิ่งมายิ่งสว่างไสว
จุดลมปราณซ่อนเร้นหลายจุดที่ก่อนหน้านี้ไม่มีการเคลื่อนไหวมาโดยตลอด มาถึงตอนสุดท้ายก็สว่างขึ้นมาทั้งหมด
จุดลมปราณมีแสงดาวสว่างขึ้น จากนั้นก็ขยับเคลื่อนไหวเหมือนแสดงดาวอื่นๆ โคจรอย่างต่อเนื่องตามเส้นทางการโคจรและแบบแผนเฉพาะของตัวเอง
พร้อมกับการโคจร แสงดาวสว่างขึ้น หลังจากสว่างถึงระดับสูงสุดก็เปลี่ยนเป็นเสื่อมโทรม มุ่งสู่การดับสูญแล้วสลายไป
แต่หลังจากสลายไปโดยสิ้นเชิงก็มีดวงดาวดวงใหม่ที่สอดคล้องกับจุดลมปราณนี้สว่างขึ้นอีกครั้ง ตั้งแต่การกำเนิดไปถึงจุดสูงสุด เกิดดับอย่างต่อเนื่อง โคจรไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งจุดลมปราณจุดสุดท้ายทำกระบวนการนี้เสร็จสิ้น สภาวะของเยี่ยนจ้าวเกอก็เกิดการเปลี่ยนแปลงตาม
จักรวาลในร่างของเขาสุดท้ายสมบูรณ์แบบ เหมือนไม่มีข้อแตกต่างกับจักรวาลที่แท้จริง เป็นจักรวาลที่แท้จริงขนาดเล็กโดยสมบูรณ์
มาถึงวินาทีนี้ พลังจิตของเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนได้ปีนขึ้นสู่ระดับใหม่ ถึงขั้นที่ว่าลมปราณและกายเนื้อของเขาต่างเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เคยมีมาก่อนในกระบวนการนี้
ทุกๆ ส่วนทั่วทั่งร่างต่างเต็มเปี่ยมด้วยญาณจริงแท้วรยุทธ์ แม้แต่เลือดเนื้อ โครงกระดูก เส้นชีพจรที่เล็กละเอียดที่สุดก็ยังมีอยุ่ทุกที่
ถ้าหากว่าเยี่ยนจ้าวเกอยินยอม เขาถึงขั้นที่สามารถทำให้ตนเองหลุดจากร่ายกายเนื้อ เปลี่ยนเลือดเนื้อทั่วร่างให้เป็นญาณจริงแท้แทน
ไม่ใช่การยึดหดกายเนื้อในการเปลี่ยนแปลงด้าน ‘รูปลักษณ์’ แต่เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านคุณสมบัติ
พอก้าวเท้าก้าวนี้ออก จอมยุทธ์จะเริ่มย่างก้าวบอกลาโลกมนุษย์ เกินการก้าวเข้าสู่ระดับที่ไม่ใช่มนุษย์ในระดับหนึ่ง
บรรลุธรรมเป็นศักดิ์สิทธิ์ หลุดพ้นจากหมู่หมนุษย์ กลายเป็นปราชญ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ด้านวรยุทธ์ แต่สุดท้ายก็ยังเป็นคนอยู่ดี
ในวินาทีนี้คำว่า ‘มนุษย์’ มีคำว่า ‘เซียน’ เพิ่มเข้ามาแล้ว
มนุษย์เซียน
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบสมบูรณ์แบบ ขั้นมนุษย์ในหมู่คนระดับสูงสุด ร่างแห่งมนุษย์เซียน!
เหนือกว่ามนุษย์ ต่ำกว่าเซียน ห่างจากระดับเซียนเพียงก้าวเดียว คือมนุษย์เซียน!
เยี่ยนจ้าวเกอสำเร็จเป็นมนุษย์เซียน แต่ต่างกับคนอื่นๆ ที่กลายเป็นมนุษย์เซียน
ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอสำรวจในร่าง ไม่เพียงแต่เห็นจักรวาลที่เหมือนกับจักรวาลที่แท้จริงด้านนอกโลกไม่มีผิดเพี้ยน ยังเห็นจักรวาลจากกำเนิดมุ่งสู่จุดจบ
ในสุญญตาบังเกิดจุดจุดหนึ่งที่ยากจะบรรยาย ยากจะศึกษา ไร้บนไร้ล่าง ไร้หน้าไร้หลัง จากนั้นจุดนี้ก็เริ่มขยาย ความโกลาหลเปิดออกมา ความขมุกขมัวถือกำเนิดเกิดขึ้นมาเป็นครั้งแรก
ดินน้ำลมไฟกระจัดกระจายไปทั่วสี่ทิศ จากนั้นก็มั่นคง
ฟ้าดินเปิดออก ปราณพิสุทธิ์ลอยขึ้น ปราณขุ่นจมลง โลกใบหนึ่งในที่สุดก็ปรากฏ
ต่อจากนั้นกาลเวลาเคลื้อนคล้อย มหาสมุทรแห้งเหือดเป็นนา ธรรมชาติและโลกเดินสู่ความเจริญรุ่งเรือง สรรพชีวิตเติบใหญ่ แต่ต่อจากนั้นก็เริ่มมุ่งสู่การดับสลายสูญสิ้น
สรรพชีวิตมอดม้วย มหามรรคาพังทลาย สรรพวัตถุเสื่อมสภาพ เวลาและมิติต่างสลายหายไปด้วย จนกระทั่งตอนสุดท้ายก็กลับคืนสู่ความว่างเปล่าพร้อมกัน
แต่ว่าในความว่างเปล่า ความโกลาหลเปิดขึ้น ทุกอย่างเริ่มขึ้นเหมือนเดิม เกิดและดับอย่างต่อเนื่อง
เยี่ยนจ้าวเกอลืมตาขึ้น ยิ้มเล็กน้อย
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ประมุขในหมู่คน สำเร็จแล้ว!
เยี่ยนจ้าวเกออาบอยู่ในแสงสว่างเจ็ดสี่ กำลังเพิ่งเลื่อนระดับขึ้น การรับรู้ในตอนนี้พุ่งไปสู่ระดับสูงสุดที่อยู่เหนือกว่าระดับของตัวเองในชั่วพริบตา
‘ทวนพระอังคารยังอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้จากไป กำลังต่อสู้อยู่หรือ’
เยี่ยนจ้าวเกอดวงตากลายเป็นคมกริบ ‘คนจำนวนไม่น้อยกำลังกลุ้มรุมเขาอยู่ ยังมีข้ารู้สึกคุ้นเคย…ความรู้สึกนี้…จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำกับจักรพรรดิอาทิตย์เทียนไขก็อยู่ด้วย’
ระดับความประเปรียวในการรับรู้ของเยี่ยนจ้าวเกอเริ่มลดลงพร้อมกับเวลาที่ล่วงเลย แต่สิ่งที่สัมผัสได้เมื่อครู่จะต้องไม่ใช่ความรู้สึกหลอนแน่
เยี่ยนจ้าวเกอมองตราอาคมที่อาวุธศักดิ์สิทธิ์สี่ชิ้นสะกดอยู่ จากนั้นก็มองตราอาคมที่ตนสะกด เขาโบกมือเบาๆ กงจักรหมหาประกายกาฬพุ่งลงด้านล่าง สะกดตราอาคมตรงกลางแทนเขา
เงาแสงที่กระจายออกมาจากบนกงจักรมหาประกายกาฬยังคงครอบคลุมสี่ทิศ อำพรางลำแสงเจ็ดสี จากนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็พุ่งร่างขึ้นด้านบน พุ่งทะลุเขตแดนมิติที่เต็มไปด้วยร่องแยก ไปถึงซากปรักหักพังของวังเทพที่อยู่ด้านนอก
ในอากาศไกลออกไป พวกจักรพรรดิอาทิตย์สัมผัสได้ว่ามิติเวลาทางด้านซากปรักหักพังเกิดความผิดปกติขึ้น
‘หรือราชันพระพฤหัสบดียังไม่ตาย’ แต่ละคนแตกตื่นในตอนแรก แต่ต่อมาก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ‘สมควรไม่ใช่ราชันพระพฤหัสบดี…เช่นนั้นหรือจะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอนั่น เขาไม่ได้จากไปพร้อมราชันพระอังคารหรอกหรือ’
จักรพรรดิอาทิตย์จิตใจทำงาน เกิดความคิดมากมายในชั่วพริบตาเดียว
“จะให้เขามารวมตัวกับทวนพระอังคารไม่ได้” จักรพรรดิอาทิตย์กล่าวอย่างสงบนิ่ง “ไม่อย่างนั้นเขาจะมีความสามารถสังหารเซียนจริงแท้ ตอนนั้นหวังเจิ้งเฉิงพกพารูปภูผาธาราโบ่วกี้ติดตัวยังเอาชีวิตไม่รอด”
ในตอนที่เขาเพิ่งจะเอ่ยปาก ทวนพระอังคารก็พลันเปลี่ยนทิศทางฝ่าวงล้อม หันหัวไปยังซากปรักหักพัง เตรียมจะกลับไปที่นั่น
ในเมื่อเยี่ยนจ้าวเกอเตรียมจะออกมาด้วยตัวเอง เช่นนั้นเขาย่อมต้องชิงรวมตัว ร่วมมือกันต้านศัตรู
เป็นไปตามคำพูดของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ พวกเขาร่วมมือกัน เยี่ยนจ้าวเกอใช้เขาเป็นอาวุธเหมือนกับพยัคฆ์ติดปีก
กระนั้น จักรพรรดิอาทิตย์จิตใจทำงาน การลงมือไม่เชื่องช้าแม้แต่น้อย
ถึงแม้ตอนแรกจะปะทะกับเยี่ยนจ้าวเกอโดยไม่ทันได้ตั้งตัวหนึ่งกระบวนท่า แต่เขาทราบถึงความไม่ธรรมดาของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ย่อมไม่อาจให้ทวนพระอังคารตกไปอยู่ในมืออีกฝ่าย
ไม่จำเป็นต้องให้จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำกล่าวเตือน จักรพรรดิอาทิตย์ก็ส่องโคมในกระจก พุ่งไปหาทวนพระอังคารอย่างสุดตัว
จักรพรรดิอัสนีเย็นเยือกหร่วนหมิงเหยียนแห่งโถเซียนสีหน้าเย็นชา “เยี่ยนจ้าวเกอหรือ มาไม่เสียเที่ยวจริงๆ
สั่วหมิงจางจากไปแล้ว โถงเซียนยินยอมจ่ายราคาทุกอย่าจนกว่าจะหาวิธีจับหรือทำลายทวนพระอังคารได้
แต่ว่าสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอที่เป็นผู้รับช่วงต่อของจักรพรรดิประกายกาฬ ยอดฝีมือในโถงเซียนต้องการกำจัดให้เร็วที่สุด
พวกหร่วนหมิงเหยียนมองจักรพรรดิอาทิตย์ที่ขวางทวนพระอังคารแวบหนึ่ง ไม่ได้กล่าวอันใดมากความ มุ่งหน้าไปยังซากปรักหักพังอย่างแน่วแน่ พุ่งไปประจัญหน้าเยี่ยนจ้าวเกอที่เหาะเหินออกมาจากซากสิ่งก่อสร้าง
จักรพรรรดิแพรอาภรณ์ดำเคลื่อนไหวอย่างเดียวกัน
สามารถฆ่าเยี่ยนจ้าวเกอได้ สำหรับเขาแล้วถือว่าประเสริฐทีสุด
ทำไม่ได้ก็ไม่เห็นไร เมื่อมีคนหลายคนกลุ้มรุม เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะกดดันให้หมัดแปลงกำเนิดของเยี่ยนจ้าวเกอโผล่ขึ้นมา นั่นจึงเป็นเป้าหมายของเขา
เขาไม่เชื่อว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะนำกระบี่เปิดกำเนิดออกจากโลกซ้อนโลกาในครั้งนี้ด้วย
นอกจากจักรพรรดิอาทิตย์เทียนไขที่ขัดขวางทวนพระอังคารแล้ว พวกจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำเจ็ดคนก็กระจายตัวกันอย่างรวดเร็ว จากนั้นรวมกันใหม่ โอบล้อมเยี่ยนจ้าวเกอเอาไว้
แต่พอเข้าใกล้ ขณะที่จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำกับหร่วนหมิงเหยียนจิตใจสั่นไหวพร้อมกันวูบหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอตรงหน้ากลับแตกต่างกับภาพความทรงจำเกินไป…
เยี่ยนจ้าวเกอจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำกับคนของโถงเซียนตรงหน้าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เหอะ เซียนจริงแท้?”
………………..