ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1233 จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์เคยมีมา!
- Home
- ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี
- บทที่ 1233 จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์เคยมีมา!
จักรพรรดิโถงเซียนหกคนที่มีจักรพรรดิอัสนีเย็นเยือกหร่วนหมิงเหยียนเป็นผู้นำ บวกกับจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำผู้สืบทอดกระแสตรงสายเอกพิสุทธิ์ ตอนนี้จักรพรรดิเซียนจริงแท้ทั้งสิ้นเจ็ดคนยืนอยู่ตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ
เมื่อรวมกับจักรพรรดิที่แต่งกายแบบนักศึกษาวัยกลางคนผู้นั้นเข้ามาด้วยแล้ว พอยอดฝีมือจากโถงเซียนมาถึงก็โอบล้อมเยี่ยนจ้าวเกอไว้ทันที
ถึงแม้จะไม่ได้ปราดเปรียวเท่าจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำและหร่วนหมิงเหยียน แต่ว่าพวกเขาก็รับรู้ได้ถึงความไม่ธรรมดาของเยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน
นั่นเป็นความรู้สึกที่ยังอันตรายยิ่งกว่าทวนพระอังคาร
ยามเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจ เยี่ยนจ้าวเกอกลับสงบนิ่งยิ่ง สายตาเขากวาดผ่านร่มคันเล็กๆ ที่มีสีสันแตกต่างกันห้าคันนั้นก่อน
“ค่ายกลห้าธาตุกินอาทิตย์เป็นค่ายกลต่อสู้ที่ค่อนข้างยอดเยี่ยม” เยี่ยนจ้าวเกอมองแวบหนึ่งก็ทราบในทันที “แต่ว่าแตกต่างกับก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่อยู่บ้าง คล้ายผ่านการปรับปรุงมา”
เขาหัวเราะเบาๆ คำหนึ่ง “ใช่แล้ว ถ้าหากไม่ปรับปรุงอย่างละเอียด ด้วยท่วงทำนองศึกษาวรยุทธ์แสวงหามรรคาแต่ไม่คิดทำความเข้าใจของพวกท่าน เกรงว่ายากจะใช้ได้ แต่สามารถปรับเปลี่ยนจากลึกซึ้งให้กลายเป็นเรียบง่ายได้ก็หาได้ยากจริงๆ”
อีกฝ่ายพอได้ยินพลันมีโทสะพร้อมกัน “โอหัง ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”
เทียบกับจักรพรรดิอาทิตย์กับจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำจากโลกซ้อนโลกแล้ว ยอดฝีมือของโถงเซียนไม่ค่อยได้ทำความรู้จักเยี่ยนจ้าวเกอดีนัก มีความเข้าใจจำกัด ยามนี้ได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอกล่าววาจาสามหาวจึงพากันรู้สึกไม่พอใจ
ลวดลายค่ายกลหมุนวน ค่ายกลห้าธาตุกินอาทิตย์ปกคลุมเยี่ยนจ้าวเกอ
ค่ายกลต่อสู้หนุนเสริม จักรพรรดิจากโถงเซียนห้าคนลงมือพร้อมเพรียง กระตุ้นซึ่งกันและกัน หัวหางเชื่อมต่อ ประสานรับซึ่งกันและกันเหมือนกับเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียว
“หมัดเซียนย้ายขุนเขา มนุษย์ย้ายเขาศักดิ์สิทธิ์ปีนขึ้นเส้นทางเซียน หนึ่งคนหนึ่งขุนเขาเริ่มกลายเป็นเซียน” เยี่ยนจ้าวเกอเยือกเย็นดุจเดิม มองดูนักศึกษาวัยกลางคนที่โอบสองหมัดเข้าหากันเหมือนกับยกภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ง้างค้อนยักษ์กำลังจะฟาดใส่ตน เป็นการสืบทอดจากใต้เท้ามารดาแห่งแผ่นดิน เหมือนกับรอยตราคว่ำดิน”
เขาหันไปมองจักรพรรดิจากโถงเซียนที่มีร่มสีแดงบนศีรษะ “ตรงกับธาตุไฟ…วิชาเทพอาทิตย์แผดร้อน?”
วิชาเทพอาทิตย์แผดร้อนไม่ใช่วิชาเทพอาทิตย์ร้อนแรง จุดสำคัญไม่ใช่การลอยขึ้นของอาทิตย์อันเจิดจ้า แต่อยู่ที่การสาดแสงเผาไหม้พื้นดินนับหมื่นลี้ ไร้ขอบเขตจำกัดของดวงอาทิตย์ ความร้อนที่ไร้สิ้นสุดเหมือนกับนรก
ที่ตรงกับธาตุน้ำก็คือจักรพรรดิโถงเซียนที่ฝึกฝนคัมภีร์เจ็ดวารีศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้เขาตั้งหมัดสั่งสมสภาวะหน้าทรวงอก แล้วผลักฝ่ามืออีกข้างออกมาด้านหน้า
วิชา ‘ทลายทำนบ’ และ ‘มหาอุทก’ ใน ‘คัมภีร์เจ็ดวารีศักดิ์สิทธิ์’ รวมเป็นหนึ่ง เกิดสภาวะสูงเทียมฟ้า
วิชาในคัมภีร์เจ็ดวารีศักดิ์สิทธิ์ขึ้นชื่อด้านความยิ่งใหญ่และความต่อเนื่องไร้สิ้นสุดของสภาวะน้ำ ขณะที่จักรพรรดิผู้นี้ลงมือ ไม่เพียงความยิ่งใหญ่มหาศาลของพลังเท่านั้น ยังมีน้ำท่วมถูกการอุดกั้น สภาวะน้ำเพิ่มสูง สุดท้ายทำลายทำนบอย่างสะเทือนเลือนลั่น ไหลบ่าลงกอปรเป็นพลังระเบิดอันน่ากลัว
“ที่ตรงกับธาตุไม้เป็นดัชนีออกจำศีลจากวิชาไม้เฉาหรือ” ภายใต้การกลุ้มรุม เยี่ยนจ้าวเกอกลับรู้สึกสนใจ
วิชาไม้เฉาเป็นวรุยทธ์ที่สืบทอดก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ และได้หายไปจากโลกซ้อนโลกเหมือนกับคัมภีร์เจ็ดวารีศักดิ์สิทธิ์ หมัดเซียนย้ายขุนเขา วิชาเทพอาทิตย์แผดร้อน เคยทิ้งผลงานของตัวเองไว้ในประวัติศาสตร์ของมหาจักรวาลก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
ดัชนีออกจำศีล อัสนีร้องคำราม ต้นไม้แห้งพบวสันต์ฤดู เพียบพร้อมทั้งการป้องกันและจู่โจม ทั้งหล่อเลี้ยงร่างกายและสังหารศัตรู
จักรพรรดิโถงเซียนซึ่งร่วมมือกางค่ายกลห้าธาตุกินอาทิตย์ และตรงกับธาตุทองเป็นผู้ฝึกกระบี่
ประกายกระบี่ที่เหมือนกับผ้าบางสีขาวสว่างแวบกลางอากาศ กระจายเป็นหลายพันหลายหมื่นสายราวกับฝนกระบี่ในชั่วพริบตา
“วิชากระบี่เขาสู่ซาน?” เยี่ยนจ้าวเกอกลอกตา สีหน้าอดกลายเป็นประหลาดพิกลอยู่บ้างไม่ได้
ยุคสมัยก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ วิชากระบี่เขาสู่ซานเคยมีช่วงเวลารุ่งโรจน์
ในยุคสมัยที่รุ่งโรจน์ที่สุดของพวกเขา ปรากฎนักพรตกระบี่เป็นรองเพียงผู้สืบทอดกระแสตรงสายเหนือพิสุทธิ์ และสายสืบทอดของจักรพรรดิดาวเหนือจื่อเวยผู้อยู่กลางหาว
แม้จะผ่านยุครุ่งโรจน์ที่สุดเข้าสู่ยุคปั่นป่วนก็ยังคงมีชื่อเสียงไปทั่วใต้หล้า ถูกยกย่องให้เป็นสำนักสืบทอดอันดับหนึ่งของมรรคากระบี่นอกจากการสืบทอดกระแสตรงสายสามพิสุทธิ์ ปรากฏผู้ล้ำเลิศที่มีพรสวรรค์น่าตกตะลึง และเหนือกว่าผู้ฝึกกระบี่ซึ่งเป็นผู้สืบทอดกระแสตรงสายสามพิสุทธิ์จำนวนมาก นับว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์บนโลกมนุษย์ที่ยอดเยี่ยมในสายตาของยอดฝีมือระดับสูงของวังเทพและการสืบทอดกระแสตรงสายสามพิสุทธิ์
ขอแค่เวลาล่วงเลยผ่าน ผู้มีความสามารถมารวมตัวกันจนล้นทะลักก็จะมีโอกาสได้ก้าวสู่จุดสูงสุดใหม่ น่าเสียดายที่วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ได้ทำให้ทุกอย่างนี้ได้แต่เป็นการสมมติ
ในจักรวาลสำนักเต๋าอันเป็นที่อยู่ของโลกซ้อนโลก การสืบทอดของเขาสู่ซานบนมรกตท่องฟ้า โลกแปดพิภพ และโลกลอยน้ำได้ขาดการสืบทอดไปแล้ว เหลือแต่คัมภีร์วรยุทธ์ชำรุดที่กระจัดกระจายไร้ความสำเร็จ
ปัจจุบันกลับปรากฏขึ้นในมือของคนจากโถงเซียนอีกครั้ง เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็อดทอดถอนใจไม่ได้ แต่ขณะที่ทอดถอนใจกลับส่ายหน้าไม่หยุด “น่าเสียดายที่ไม่ใช่สิ่งที่เอาไว้ให้พวกท่านฝึกฝนเช่นนี้”
อีกฝ่ายรวมกลุ่มกันมาถึงเบื้องหน้า เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าเหมือนเป็นปกติ ยกสองมือขึ้นด้านบนพร้อมกัน
เขาเคยศึกษาค่ายกลห้าธาตุกินอาทิตย์มาเช่นกัน การทำลายค่ายกลของอีกฝ่ายก่อน จากนั้นก็ค่อยโจมตีศัตรูให้แตกพ่ายย่อมง่ายดายกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้เลือกวิธีนี้
จักรวาลในร่างของเขาโคจรด้วยความเร็วสูง หมู่ดาวรวมตัวสาดแสงพร่างพราว
จากนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็ผลักสองฝ่ามือขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนจะฟาดลงด้านล่างอย่างพร้อมเพรียง!
รอยตราพลิกนภาสองฝ่ามือ!
ฝ่ามือหนึ่งกระจัดกระจายไปทั่ว การสรรสร้างเปลี่ยนแปลงย้อนกลับ ฟ้าดินสมานกัน กลับคืนสู่ก่อนกำเนิด
ฝ่ามือหนึ่งกระจายไปทั่ว ความขมุกขมัวกำเนิดขึ้น เบิกฟ้าเบิกดิน มหาสมุทรแห้งเหือดเห็นผืนนา เกิดปรากฏการณ์มากมาย
กระบวนการทั้งสองแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กลับแสดงจิตอันยิ่งใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงแห่งฟ้าดินออกมาหมดสิ้น ตอนนี้รวมตัวกันกอปรเป็นพลังอันน่าสะพรึงที่ตัดสลับและบิดเบี้ยว
เยี่ยนจ้าวเกอฟาดสองฝ่ามือลง พลังที่เกิดขึ้นมาบิดมิติเวลาของเมฆดาราปฐมกำเนิดที่อยู่ใกล้ๆ จนรูปร่างเปลี่ยนไปไม่เหลือลักษณะเดิมคล้ายกับขนมหม่าฮัว
การบิดอย่างรุนแรงทำสร้างรอยฉีกขึ้นที่ขอบของมิติ!
เหมือนกับเมฆดาราปฐมกำเนิดบริเวณเล็กๆ ถูกเยี่ยนจ้าวเกอใช้สองมือฉีกออกมาจากด้านในกลุ่มหนึ่ง!
จักรพรรดิโถงเซียนห้าคนร่วมมือกันประสานค่ายกลต่อสู้ ค่ายกลห้าธาตุกินอาทิตย์ที่แม้แต่เซียนจริงแท้ซึ่งเป็นผู้สืบทอดกระแสตรงของสำนักเต๋าสายหลักต่างก็ต้องระวังถูกเยี่ยนจ้าวเกอบิดไปพร้อมจักรวาลและมิติเวลาที่ตัวมันอยู่ กลายเป็นกลุ่มเดียวเราวกับผ้าขาดผืนหนึ่ง!
ลวดลายค่ายกลพังทลายลง แตกร้าวกลายเป็นลำแสงนับไม่ถ้วนเหมือนกับหิ่งห้อย
ค้อนยักษ์ภูเขาเทพที่ร่วงหล่นจากฟ้าถูกบดขยี้จนกลายเป็นผุยผง!
พื้นร้อนนับล้านๆ ลี้ซึ่งเหมือนกับนรกกลายเป็นฝุ่นที่ไม่มีความร้อนแม้แต่น้อยในชั่วพริบตา!
มหาอุทกที่เหมือนกับธารสวรรค์ทลายทำนบ ซัดกระหน่ำใส่โลกมนุษย์ระเหยหายกลายเป็นไอจนหมดสิ้น!
สายฟ้ายามวสันต์ที่ร้องคำรามเงียบลง ทั่วบริเวณต่างไร้สุ้มเสียง!
ประกายกระบี่นับพันนับหมื่นครอบฟ้าคลุมดิน ทะลุทะลวงฟ้าทำลายศิลา หายไปประดุจควันเมฆเสมือนกับภาพมายา!
ค่ายกลห้าธาตุกินอาทิตย์พังทลายลงในชั่วอึดใจเดียว!
เยี่ยนจ้าวเกอสภาวะฝ่ามือไม่หยุดลง ผลักสองฝ่ามือออกไปด้านหน้าต่อ
หลังจากที่พลิกกลับสู่ก่อนกำเนิด รอยตราพลิกนภาจากฝ่ามือสองข้างก็ใช้เปลี่ยนสู่การสร้าง กระแทกจักรพรรดิโถงเซียนห้าคนนั้นกระเด็นออกไปพร้อมกัน!
พลังอันมหาศาลน่ากลัวที่บิดเบี้ยวดำรงอยู่เนิ่นนาน สั่นสะท้านพัวพันกายร่าง ทำให้พวกเขาไม่อาจกระดิกกระเดี้ยได้
จักรพรรดิอัสนีเย็นเยือกหร่วนหมิงเหยียนกับจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำหยุดการพุ่งไปด้านหน้าในทันใด
หร่วนหมิงเหยียนอ้าปากตาค้าง “นี่คือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์? นี่คือคนที่ยังไม่ได้สำเร็จเป็นเซียน?”
คนที่ตัดขาดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เช่นจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ ตอนนี้การเคลื่อนไหวชะงัก พินิจเยี่ยนจ้าวเกอขึ้นลง
นี่แข็งแกร่งกว่าตอนที่สู้กับเขาบนโลกซ้อนโลกมากเกินไปแล้ว!
‘จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ มนุษย์เซียน?’ จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำสัมผัสได้ถึงจุดลมปราณที่ได้เห็นเทวะสำแดงทั่วร่าง รวมถึงร่างกายที่เหมือนกับจักรวาลจริงแท้ของเยี่ยนจ้าวเกอ ‘เร็วถึงเพียงนี้?! นี่ยังใช้เวลาสั้นกว่าตอนที่เขาเลื่อนจากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าอีก! และพลังนี้…เฉินเฉียนหัวก็ยังสู้เขาไม่ได้!’
ในความทรงจำของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ ไม่ว่าจะเห็นด้วยตาตัวเองหรือว่าได้ฟังมากับหู ในหมู่คนที่เขารู้จักทั้งหมด คนตรงหน้าเกรงว่าจะเป็นมนุษย์ในโลกมนุษย์และเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์เคยมีมา!
………………..