ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1240 ประมุขในหมู่คนที่แท้จริง
จักรพรรดิอาทิตย์จะดิ้นรนอย่าไม่ยินยอมขนาดไหน ก็ได้แต่มองดูแผ่นดินที่แข็งแกร่งยิ่งมายิ่งเข้าใกล้ตรงหน้า สุดท้ายก็ปะทะเข้ากับใบหน้าของเขาอย่างถนัดถนี่อยู่เฉยๆ
เยี่ยนจ้าวเกอประกบสองมือจากด้านบนด้านล่าง ยัดจักรพรรดิเซียนจริงแท้ผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้เข้าไปในดินโคลน เหลือแต่สองขาที่โผล่ออกด้านนอก
ด้วยพลังของยอดฝีมือซึ่งได้ผลักเปิดประตูเซียนผู้หนึ่ง ต่อให้จะมาจากโถงเซียนก็สามารถทำลายผืนดินนับหมื่นลี้ให้เป็นผุยผงได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าผืนดินกับดินโคลนี้เกิดจากญาณจริงแท้ของเยี่ยนจ้าวเกอ เมื่อผสานกับพลังการสะกดของรอยตราพลิกนภา ก็พลันผนึกจักรพรรดิอาทิตย์ไว้ด้านในจนไม่อาจกระดิกกระเดี้ย
อย่าว่าแต่ดิ้นรน เขาคิดจะเอ่ยปากกล่าวาจา ในปากก็เต็มไปด้วยดินแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอยกแผ่นดินนี้ขึ้น จากนั้นก็หันไปมองอีกด้านหนึ่ง
ณ ที่แห่งนั้น จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำกำลังเผชิญกับการโจมตีอันแสนบ้าคลั่งของทวนพระอังคาร พบพานอันตรายอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้จักรพรรดิแพรไม่อาจต้านทานทวนพระอังคารที่ไม่จำเป็นต้องสนใจคนอื่นๆ และไม่ต้องกลัวว่าจะถูกคนกลุ้มรุมได้อีกแล้ว
แม้ตอนนี้สิ่งที่จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำได้ร่ำเรียนมาทั้งหมดจะไม่ถูกคัมภีร์เบิกนภากดข่มอีกต่อไป แต่ทวนพระอังคาร คู่ต่อสู้ของเขาถึงอย่างไรก็เป็นยอดฝีมือที่เข้าสู่มรรคามาแล้วหลายพันปี
ในฐานะอาวุธสังหารที่แท้จริง ความคมกล้าในการเข่นฆ่าของทวนพระอังคารไม่ต้องอธิบายมากความ
จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำได้แต่อาศัยการป้องกันจากร่างกาลอวกาศจุดกำเนิดกับร่างไร้ประมาณสสารกำเนิดฝืนต้านทาน อาศัยร่างกาลอวกาศจุดกำเนิดเคลื่อนย้ายมิติเวลา หลบคมทวนของทวนพระอังคาร
แต่ว่าตอนนี้ทวนพระอังคารไม่มีข้อกริ่งเกรง ไล่เข่นฆ่าเขาได้อย่างเต็มที่ ทำให้เขาไม่อาจสลัดหลุดได้
ตอนนี้พอสัมผัสได้ถึงการจ้องมองจากสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ หัวใจของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำก็หล่นวูบลงไปอยู่ก้นเหว
เขาไม่ได้เกิดความรู้สึกหวาดกลัว ลนลาน หรือสิ้นหวัง แต่ว่าประกายความหวังในดวงตากลับค่อยๆ สลายไป
“จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ การต่อสู้ระหว่าข้ากับท่าน หากดูในมุมมองอื่นนับเป็นเรื่องจนปัญญาเรื่องหนึ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเฉื่อยชา “แต่ในเมื่อเป็นความแค้นขวางมรรคา จะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย สำหรับท่าน การตายใต้ทวนพระอังคารกับการตายด้วยน้ำมือของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาว เกรงว่าจะเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการเห็นยิ่งกว่ากระมัง”
คมของทวนพระอังคารเจาะทะลุร่างของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ
ฝ่ายจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำอ้าปาก พ่นควันสีขาวดำออกมาเหมือนกับกระอักเลือด
เขาไอไม่หยุด “พวกเจ้าพ่อลูก…เพิ่มระดับเร็วเกินไป เส้นทางของข้ายิ่งมายิ่งแคบ…วันนี้ในที่สุดก็ขาดสะบั้นแล้ว…ข้ากับอาภรณ์ขาว…ไม่ได้ตัดสินแพ้ชนะ แต่ตัดสินแพ้ชนะ…กับพวกเจ้าพ่อลูกแล้ว…ชนะเป็นจ้าว…แพ้เป็นโจร ไม่มีอะไรต้องพูด อาภรณ์ขาวได้ประโยชน์ไป!”
เยี่ยนจ้าวเกอมองจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ ส่ายหน้าเล็กน้อย “จักพรรดิแพรรักษาตัวด้วย”
ถึงแม้จักรพรรดิแพรจะแยกจากหนึ่งเป็นสอง วันนี้จักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวยังคงอยู่
แต่ขณะมองจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำสิ้นชีวิตหน้าตนเอง สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอทั้งไร้ทุกข์และไร้สุข
ต่อจากจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ ยังมีจักรพรรดิอาทิตย์
สามราชาห้าจักรพรรดิ ประมุขทั้งสิบ คำสิบเอ็ดพยางค์นี้เป็นหนึ่งในภาพประทับแรกสุดของเขาต่อโลกซ้อนโลก ไม่ว่าเป็นเวลาใด นี่ก็แสดงให้เห็นถึงระบบระเบียบและอำนาจในโลกซ้อนโลก
ความแตกต่างระหว่างมนุษย์และเซียนด้านในนี้ยิ่งทำให้สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิสร้างตำนานได้มากมาย
จวงเซินและเทียนอี้ สองนักพรตสิ้นชีวิตติดต่อกัน ประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีประสบการณ์โชกโชนที่สุดบนโลกซ้อนโลกถูกเยี่ยนจ้าวเกอฆ่าด้วยมือตนเอง
ตอนนั้นทุกอย่างยังอยู่ในโลกมนุษย์ สำหรับยอดฝีมือระดับเซียนแล้ว สภาพการณ์ยังคงควบคุมได้
ทว่าในตอนนี้ พร้อมกับที่จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำกับจักรพรรดิอาทิตย์สิ้นชีวิตติดต่อกัน สถานการณ์ของโลกซ้อนโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงแล้ว
ความรุ่งเรืองหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ของสำนักเต๋าสายหลัก ยอดฝีมือระดับสุดยอด โดยเฉพาะยอดฝีมือที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนมีความล้ำค่ายิ่ง
เมื่อครั้งพิธีเปิดสำนักของเขากว่างเฉิง พวกจักพรรดินี เนี่ยจิงเสิน และไป๋เทาด้านหนึ่งเข้าร่วมพิธี ด้านหนึ่งรับคำสั่งของกษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยมาช่วยเหลือเขากว่างเฉิง
ในเวลานั้น หนึ่งในข้อตกลงของฝ่ายเดียวกันและฝ่ายศัตรู คือไม่ทำอันตรายชีวิตของจักรพรรดิเอกภพ ทว่านานวันเข้าพร้อมกับที่ความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็มาถึงจุดที่ไม่อาจคืนดีได้อีก
จักรพรรดิเอกภพกำเนิดถึงขั้นที่ไม่ใช่บุคคลที่เป็นแกนหลักของความขัดแย้งอีกต่อไป
ปัจจุบันสองฝ่ายจะต้องปะทะกันสุดกำลัง
ความตายของคนระดับห้าจักรพรรดิ ทำให้สภาพการณ์พัฒนาขึ้นอีกขั้น ถือเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้
เพียงแต่จะพัฒนาไปถึงขั้นไหน
ในการต่อสู้ระหว่างเขากว่างเฉิงกับผากิเลน บางทีก่อนหน้านี้ทวนพระอังคารยังไม่ได้เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งอย่างชัดเจนเป็นพิเศษ แต่เป็นเพราะราชันพระอังคาร และเพราะความขัดแย้งในเมฆดาราปฐมกำเนิดในครั้งนี้ เขาย่อมไม่ปรานีกับจักรพรรดิอาทิตย์เทียนไขที่เกือบทำให้ตนต้องตาย
ขณะมองแสงไฟสีแดงฉานทะลวงฟ้าดิน เจาะเงาร่างที่ถูกผนึกอยู่ด้านใน เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าเป็นปกติ
หวังเจิ้งเฉิงเป็นแค่การเริ่มต้น ตอนนี้ก็ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด
ดวงตาที่มองเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ของทวนพระอังคารเป็นความชื่นชม เขาถึงแม้จะเคลื่อนไหวบนโลกซ้อนโลกไม่บ่อยนัก แต่ว่าไม่ได้ปิดกั้นข่าวสาร ชื่อเสียงบนโลกซ้อนโลกในหลายปีมานี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ เขายังได้ยินมาเหมือนสายฟ้ากรอกหูเช่นกัน
แต่ขอแต่ได้รู้จักกัน จึงค่อยเข้าใจอย่างแท้จริง
ทำลายค่ายกลห้าธาตุกินอาทิตย์ที่จักรพรรดิโถงเซียนร่วมมือกันประสานทิ้งก่อน ถ้าหากใช้วิธีการต่อสู้แบบกองโจรทำลายไปทีละค่าย หรือว่าเปรียบการเปลี่ยนแปลงค่ายกลกับอีกฝ่าย เพื่อทำลายการร่วมมือกันของศัตรูห้าคน กดข่มเอาชนะได้ในตอนสุดท้าย นั่นยังพอทำเนา
เยี่ยนจ้าวเกออาศัยเพียงพลังปะทะซึ่งหน้า บดขยี้ค่ายกลต่อสู้ของอีกฝ่ายอย่างหักโหม
ต่อมามีช่วงเวลาสั้นๆ นั้น เขาเผชิญกับสภาวะการโจมตีร่วมกันของจักรพรรดิอาทิตย์ จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ และจักรพรรดิอัสนีเย็นเยือกหร่วนหมิงเหยียนจากโถงเซียน
นี่จึงยิ่งทำให้ทวนพระอังคารประทับใจ
เป็นเพราะเมื่อสามคนนี้ร่วมมือกัน แม้ดูเหมือนว่าจะมีจำนวนคนน้อยกว่าค่ายกลห้าธาตุกินอาทิตย์ แต่พลังกลับเข้มแข็งกว่า
จักรพรรดิอัสนีเย็นเยือกหร่วนหมิงเหยียนแม้จะมาจากโถงเซียน แต่ว่าความสามารถและพรสวรรค์อยู่ในระดับสูง พลังแทบจะไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดิที่สำเร็จเป็นเซียนของสามพิสุทธิ์สายหลักสำนักเต๋า ถ้าหากว่านางเติบโตภายใต้การสั่งสอนของสำนักเต๋าสายหลัก พลังในตอนนี้อาจจะถึงขั้นเหนือกว่าเซียนจริงแท้ที่เป็นผู้สืบทอดกระแสตรงสายสามพิสุทธิ์ส่วนใหญ่
จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำถึงพลังจะสู้ก่อนแบ่งแยกตัวเองไม่ได้ แต่ว่าก็แตกฉานในการฝึกฝนการสืบทอดกระแสตรงสายเอกพิสุทธิ์ เขาที่บรรลุวิชาไม้เท้าบดขยี้หนึ่งในห้าสิ้นสุดหลังกำเนิด ได้รวมวรยุทธ์หลังกำเนิดและก่อนกำเนิดเป็นหนึ่ง ยิ่งน่าอัศจรรย์ไร้สิ้นสุด
จักรพรรดิอาทิตย์ยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึง เขาที่พกพาโคมในคันฉ่อง เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ทุกคนที่อยู่รอบๆ นอกจากเยี่ยนจ้าวเกอ เมื่อเขากระตุ้นโคมในคันฉ่อง ทวนพระอังคารยังไม่มีความมั่นใจว่าถ้าสู้หนึ่งต่อหนึ่งจะเอาชนะเขาได้แน่
คนสามคนนี้ร่วมมือกัน โจมตีเสี่ยงชีวิต ผลสุดท้ายกลับพ่ายเยี่ยนจ้าวเกอจนหมดสิ้น!
ทวนพระอังคารรู้ดีว่าแม้จะไม่มีตน ผลลัพธ์ของการต่อสู้ในครั้งนี้ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
จักรพรรดิเซียนจริงแท้แปดคนที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนล้วนตายด้วยน้ำมือของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนเดียว ถึงขั้นที่ว่าหกคนในจำนวนนี้ตายเพราะเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่จำเป็นต้องให้ทวนพระอังคารลงมือ
ถึงแม้จะไม่ใช่เยี่ยนจ้าวเกอลงมือด้วยตัวเอง แต่หากบอกว่าพวกหร่วนหมิงเหยียนตายเพราะเขา กลับไม่นับว่านับผิด
แม้แต่ทวนพระอังคารก็ยังนึกไม่ถึงว่าพวกหร่วนหมิงเหยียนหกคนจะตกตายในลักษณะนี้ สิ้นชีวิตเพราะจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนเดียว
‘นี่เกรงว่าจะเป็นเรื่องที่มีแค่เขาคนเดียวทำได้…’ ทวนพระอังคารมองเยี่ยนจ้าวเกอ จิตใจบังเกิดความคิดเช่นนี้โดยไม่รู้ตัว ‘ประมุขในหมู่คน…บางทีนี่อาจเป็นประมุขในหมู่คนที่แท้จริง’
จอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกมนุษย์เท่าที่ประวัติศาสตร์เคยมีมา ประมุขที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน และในอนาคตก็ไม่มีทางเกิดขึ้นอีก ประมุขที่มีหนึ่งไม่มีสอง!
………………..