ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1244 เผ่าปีศาจที่เริ่มเคลื่อนไหวหลังสงบสุขมานาน
ตำหนักโอสถของวังเทพซึ่งมีความเป็นไปได้มากที่สุดว่าจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างสมบูรณ์ ความล้ำค่าและคุณค่าของมันไม่มีอะไรต้องกังขา คนส่วนหนึ่งที่ตามหาเบาะแสล้วนให้ความสนใจ
ในปัจจุบัน เยี่ยนจ้าวเกอที่มีมรดกของเซ่าจวิงหวงเป็นรากฐาน อยู่ในตำแหน่งนำหน้าที่สุดท่ามกลางคนทั้งหมด แต่ว่าการเปิดเส้นทางซึ่งเซ่าจวินหวงได้เหลือเอาไว้ก็ทำให้คนอื่นๆ ที่มีเบาะแสได้รับประโยชน์เช่นกัน
มรกตท่องฟ้าเป็นเช่นนี้ เผ่าปีศาจก็เป็นเช่นนี้
พอฟังความหมายในวาจาของเยี่ยนตี๋ เยี่ยนจ้าวเกอก็ทราบว่าเผ่าปีศาจที่เขาพูดถึงไม่ใช่เหล่าแมวสามขาที่อาศัยในจักรวาลสำนักเต๋า แต่เป็นยอดฝีมือจอมปีศาจที่อยู่ในจักรวาลเผ่าปีศาจซึ่งโลกมักรอัคคีอยู่
พอพูดถึงเผ่าปีศาจ คนในยุคปัจจุบันความจริงไม่ค่อยรู้จักดีนัก
ทุกคนคุ้นเคยกับสถานการณ์การเสื่อมโทรมของเผ่าปีศาจมากกว่า แต่มีความเข้าใจอย่างจำกัดสุดขีดต่อจักรวาลที่อยู่ปลายสุดของมิติเวลาที่อยู่ไกลแสนไกล ซึ่งเผ่าปีศาจดำรงอยู่
ดังนั้นสำหรับจอมยุทธ์ที่มีพลังฝึกปรือกลางไปจนถึงต่ำ รวมถึงคนทั่วไปแล้ว เผ่าปีศาจจำนวนน้อยนิดที่กระจัดกระจายอยู่ในโลกที่ตนอาศัย เหมือนกับเป็นทั้งหมด
ครั้งนี้เขากว่างเฉิงเป็นเพราะตามหาสั่วหมิงจาง จึงค่อยทราบข่าวส่วนหนึ่งจากปากของกษัตริย์ดาราเฉินเสวียนจง
สิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอทราบมีค่อนข้างมากกว่า แต่ว่าเมื่อได้สัมผัสด้วยตัวเอง ในตอนที่ตามหาโลกปีศาจอัคคีจึงค่อยเหยียบย่างบนขอบเขตนั้นเป็นครั้งแรก
มหาจักรวาลก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ จอมปีศาจระดับสุดยอดความจริงก็มีให้เห็นน้อยยิ่ง แต่ไม่ได้สูญพันธุ์
เยี่ยนจ้าวเกอได้ทราบผ่านบันทึกเอกสารส่วนหนึ่งในห้องหนังสือวังเทพ รวมถึงการบอกเล่าของคนในวังเทพที่โผล่มาเป็นครั้งคราว คล้ายกับว่าก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เผ่าปีศาจส่วนใหญ่เก็บเนื้อเก็บตัว ฟื้นฟูกำลัง
ความจริงในยุคโบราณนมนานกาเล ก่อนและหลังยุคสถาปนาเทพ เผ่าปีศาจเคยรุ่งเรือง มียอดฝีมือมากมายดุจหมู่เมฆ ยังมีคนมากมายกราบเข้าสำนักเต๋าหรือศาสนาพุทธ ถึงขั้นที่ว่าผู้สวามิภักดิ์กับนพยมโลกก็มีอยู่ไม่น้อย
แต่ว่าต่อมาเผ่าปีศาจก็ค่อยๆ เสื่อมโทรมลงพร้อมกับเวลาที่ผ่านไป
‘ดูเหมือนจะเริ่มจากยุคในตำนานไซอิ๋วเมื่อครั้งกระโน้น…’ เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำ
พอถึงยุคก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ฟ้าดินก็มีจอมปีศาจระดับสุดยอดไม่กี่ตนที่เคลื่อนไหวอยู่
ทว่าถ้าเผ่าปีศาจไม่ได้รับความเสียหายสาหัสจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เพราะการเก็บเนื้อเก็บตัวก่อนหน้า ช่วงเวลาหลายปีหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ผ่านไปนานถึงเพียงนี้ เกรงว่าจะฟื้นฟูพลังมาได้มากแล้ว
เพียงแต่ไม่ทราบว่าระหว่างพวกเขากับโถงเซียน รวมถึงแดนสุขาวดี ปัจจุบันมีท่าทีอย่างไร
เผ่าปีศาจอาจจะกลายเป็นเป้าหมายในการชำระล้างของทั้งเต๋าปลอมและพุทธปลอม
‘ประเด็นอยู่ที่ ตอนนี้กษัตริย์วาเป็นอย่างไรแล้ว…’ เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วนวดขมับของตัวเองเบาๆ
กษัตริย์วากับกษัตริย์เซียนพิศวง ในด้านความหมายแล้วถือเป็นคนละเรื่องกันโดยสมบูรณ์ เหมือนกับเวลากล่าวถึงจักรพรรดิเจินอู่ต้าตี้ ก็ต่างกับจักรพรรดิเซียนจริงแท้ในด้านความหมาย
เซียนจริงแท้เรียกว่าจักรพรรดิ ฉายาจักรพรรรดิทั่วไปจะมีแค่หนึ่งหรือสองคำ อย่างเช่นจักรพรรดิประตูมังกร จักรพรรดิอัคคีสวรรค์ จักรพรรดิอัสนี จักรพรรดิน้ำแข็งที่อยู่มาก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
หรือว่าจักรพรรดิประกายกาฬ จักรพรรดิเจิดจรัส จักรพรรดิแพรงาม จักรพรรดิเอกภพกำเนิด จักรพรรดิอาทิตย์เทียนไขหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
คำเรียกของจักรพรรดิเจินอู่ ความจริงสมควรเป็นจักรพรรรดิเจินอู่ตั้งหมอ (สัจยุทธสยบมาร) หรือว่าจอมจักรพรรดิแห่งสวรรค์โย่วเซิ่งเจินจวิน (จอมสัจจะผู้ปกปักษ์) หรือเทวกษัตริย์ตั้งหมอ (เทพสยบมาร)
จักรพรรดิจื่อเวยซึ่งเป็นหนึ่งในสี่เทวราช ก็เป็นคำเรียกตามความเคยชิน แต่ชื่อจริงๆ คือว่าจักรพรรดิดาวเหนือจื่อเวยผู้อยู่กลางหาว
หลักการเดียวกัน กษัตริย์วาย่อมไม่ใช่ฉายากษัตริย์ของกษัตริย์เซียนพิศวงคนไหน บางทีอาจเปลี่ยนเป็นคำเรียกที่ใช้กันทั่วไปมากกว่า
เจ้าแม่หนี่วา
เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของคนผู้นี้ เยี่ยนจ้าวเกอไม่ทราบว่าได้ฟังเรื่องราวเทพนิยายในความทรงจำก่อนหน้านี้มามากขนาดไหน
ในโลกใบนี้ เจ้าแม่หนี่วาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานที่เคยมีตัวตนอยู่จริงๆ เพียงแต่ว่าเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับที่ยุคสมัยยาวนานเกินไป บันทึกที่หลงเหลือจึงมีน้อยนิด
เยี่ยนจ้าวเกอศึกษาคัมภีร์มากมายในวังเทพ จึงค่อยทราบสิ่งที่มีจำกัดส่วนหนึ่ง ว่ากันว่ากษัตริย์วาเป็นถือกำเนิดขึ้นก่อนการสรรสร้างเปิดฟ้าดิน เหมือนกับผู้ยิ่งใหญ่เช่นเทวกษัตริย์บรรพกำเนิด มารสวรรค์บุพกาล
มิหนำซ้ำ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่เกิดหลังจากโลกถือเกิดขึ้นมา นอกจากมารร้ายจากนพยมโลกแล้วล้วนมาจากการสร้างของกษัตริย์วา
ในยุคบรรพกาลที่อยู่ไกลแสนไกล ไม่มีการแบ่งแยกเป็นเผ่ามนุษย์กับเผ่าปีศาจ คำเรียกหาที่คุ้นเคยกันดีก็คือ เผ่าโบราณในยุคบรรพกาล หรือหมื่นเผ่าพันธุ์ยุคบรรพกาล
มนุษย์เป็นหนึ่งในหมื่นเผ่าพันธุ์ เผ่ามังกร เฝยอี๋ หงส์อมตะ คุนเผิง ก็ถูกจัดอยู่ในหมื่นเผ่าพันธุ์เช่นกัน
จนกระทั่งบรมครูเทวกษัตริย์เต๋าแห่งสายเอกพิสุทธิ์เผยแผ่เต๋า มนุษย์จึงค่อยโดดเด่นขึ้น ยิ่งมายิ่งเจริญรุ่งเรือง
แน่นอนว่าการสืบทอดเต๋าก็กระจายไปยังเผ่าพันธุ์อื่นๆ เช่นกัน ไม่ได้จำกัดแค่เผ่ามนุษย์
โดยเฉพาะเทวกษัตริย์รัตนวิเศษแห่งสายเหนือพิสุทธิ์ ยิ่งขึ้นชื่อในเรื่องไม่มีเผ่าพันธุ์ใดที่ไม่สอนสั่ง
กระนั้นเมื่อหันกลับไปมองประวัติศาสตร์จากยุคปัจจุบัน เผ่ามนุษย์ต้องได้รับผลประโยชน์มากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อเวลาผันผ่าน หมื่นเผ่าบรรพกาลนอกจากเผ่ามนุษย์ก็เริ่มถูกเผ่ามนุษย์เรียกว่าเผ่าปีศาจ
ปีศาจ โดยพื้นฐานแล้วเป็นคำเรียกสิ่งมีชีวิตนอกเผ่าตนเอง เผ่าพันธุ์ปีศาจแต่ละเผ่าน้อยครั้งจะมีการเรียกตัวเองเช่นนี้ มิหนำซ้ำ ระหว่างเผ่าปีศาจแต่ละเผ่าก็ไม่ได้มองอีกฝ่ายเป็นเพื่อนร่วมเผ่า
เป็นเพราะว่าสาเหตุนี้ ไม่ว่าจะเป็นเผ่าปีศาจหรือเผ่ามนุษย์ ต่างนับถือกษัตริย์วายิ่ง
เพียงแต่หลังจากกาลเวลาเคลื่อนคล้อย เจ้าแม่หนี่วาได้หายตัวไปเป็นเวลานาน ชื่อเสียงจึงค่อยๆ จืดจางลง
ข้อมูลที่เยี่ยนจ้าวเกอมีอยู่ในปัจจุบัน มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเจ้าแม่หนี่วาบอกว่า นางได้ปรากฏตัวในยุคสถาปนาเทพเมื่อครั้งโบราณกาล หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ยิ่งมายิ่งไม่เผยโฉม
ทว่าเวลาเมื่อผ่านไปนานเข้า ข้อมูลในประวัติศาสตร์จำนวนมากก็เริ่มผสมปนเป ทิ้งกลุ่มก้อนปริศนาไว้มากมาย ข้อมูลที่ปรากฏในตอนนี้ก็ไม่อาจเชื่อได้ทั้งหมด
เยี่ยนจ้าวเกอที่ก่อนหน้านี้ไปโลกมังกรอัคคีมาตามคำชี้แนะของกษัตริย์ดารา ตอนนี้อดคิดมากมายไม่ได้ ‘ผู้ยิ่งใหญ่เผ่าปีศาจที่นั่นกำลังให้ความสนใจที่อยู่ของราชันพระอังคารเช่นกัน เป็นไปตามคำพูดของพวกอาจารย์ลุงเกาจากมรกตท่องฟ้า เผ่าปีศาจฟื้นฟูพลังมาหลายปี คล้ายกับมีความคิดเคลื่อนไหวหลังจากสงบมานานแล้ว’
ขณะที่ในใจเยี่ยนจ้าวเกอบังเกิดความคิดมากมาย มือก็ไม่ได้อยู่ว่าง เขาประกอบสองฝ่ามือ ของวิเศษห้าชิ้นที่สะกดลำแสงเจ็ดสีสั่นไหวพร้อมกัน
ตราอาคมห้าสายนั้นไหลเวียนตาม แสงสว่างเจ็ดสีได้รับผลกระทบ เปลี่ยนจากมายาแล้วผนึกตัวเป็นของแข็ง เหมือนกับกลายเป็นสะพานรุ้งที่แท้จริง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องราวไม่อาจชักช้า พวกเรารีบออกเดินทางให้เร็วที่สุด อย่าทำให้โอกาสที่ราชันพระพฤหัสบดีลำบากช่วงชิงมาต้องเสียเปล่า” เยี่ยนจ้าวเกอพูดกับพวกเยี่ยนตี๋
เยี่ยนตี๋ เนี่ยจิงเสิน อวี่เยี่ย ทวนพระอังคารต่างพยักหน้า เหยียบขึ้นสะพานรุ้งพร้อมกับเยี่ยนจ้าวเกอ
วินาทีถัดมา แสงสีบนสะพานรุ้งก็ส่องระยิบระยับ พวกเยี่ยนจ้าวเกอตรงหน้าพร่าเลือน ข้ามมิติเวลามากมายในชั่วพริบตา พวกเขาออกจากเมฆดาราปฐมกำเนิดโดยตรงเช่นนี้
“ความเสี่ยงของการไปในครั้งนี้จริงๆ มีไม่น้อย เพียงแต่โอกาสไม่คอยคน พวกเราได้แต่ต้องรับความเสี่ยงเหล่านี้” เยี่ยนจ้าวเกอใช้เวลาเดินทางพูดกับพวกเยียนตี๋อย่างรวดเร็ว “นอกจากเผ่าปีศาจจะสอดมือแล้ว จำเป็นต้องระวังคนของเต๋านอกรีตก็ไว้ด้วย”
การต่อสู้ระหว่างโถงเซียนกับแดนสุขาวดี หลังจากผ่านจุดสูงสุดเมื่อหลายปีก่อน ไม่กี่ปีมานี้ก็เริ่มสงบลง แต่หากอีกฝ่ายเผยช่องโหว่ของตัวเองอย่างชัดเจน มีโอกาสลงมือเข่นฆ่า เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นโถงเซียนหรือแดนสุขาวดีก็ไม่มีทางพลาด
โถงเซียนปัจจุบันใช้สมาธิส่วนหนึ่งไปกับการตามล่าราชันพระอังคารสั่วหมิงจาง แดนสุขาวดีที่สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวก็คอยจับจ้องโถงเซียนตาเป็นมัน
ทว่าถ้าหากอีกฝ่ายมีเบาะแสที่แท้จริงซึ่งเกี่ยวข้องกับโถงเซียนเหมือนอย่างเผ่าปีศาจหรือมรกตท่องฟ้า อย่างนั้นก็ไม่ใช่ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะสอดมือ
คุณค่าของตำหนักโอสถไม่มีอะไรต้องกังขา
“นอกจากนี้ ข้ายังรู้สึกว่าตัวตำหนักโอสถคล้ายมีความประหลาดบางอย่าง ไม่อาจไม่ป้องกัน” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเตือนอย่างจริงจัง
………………..