ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1249 โอสถเซียนละลานตา
บางทีอาจเป็นเพราะตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกออยู่ส่วนในของตำหนักโอสถ จึงสัมผัสได้ว่าสำนึกที่เย็นเยียบสายนั้นเด่นชัดและกระจ่างแจ้งกว่าเดิม
ในจิตใจที่สงบนิ่งไร้การเปลี่ยนแปลงของเยี่ยนจ้าวเกอพลันเกิดระลอกคลื่น เหมือนกับถูกคนโยนก้อนหินลงไปในน้ำ
บนผิวน้ำสะท้อนกลับเป็นภาพเงาภาพหนึ่ง นั่นเหมือนกับดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างเย็นชา
ไม่ได้บ้าคลั่งร้อนเร่าเหมือนเช่นก่อนหน้า แต่ว่าความเคียดแค้นและความเดือดดาลทั้งหมดทั้งมวลต่างผนึกจับกันเป็นความเย็นที่ทารุณกว่าเดิม ทำให้ผู้คนหวาดกลัว
เยี่ยนจ้าวเกอจิตใจสงบนิ่ง ประสานสายตากับดวงตาที่บัดเดี๋ยวสูญหายบัดเดี๋ยวปรากฎคู่นั้น
ครู่ต่อมาดวงตาคู่นั้นก็หายไป สำนึกอันเย็นเยียบสลายตามไปด้วย
จิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอยังไม่ได้ผ่อนคลาย
‘เขาเกือบทำสำเร็จแล้ว’ เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ สีหน้าแปลกพิกลอยู่หลายส่วน ครู่ต่อมาก็ผุดกายขึ้น ระบายลมหายใจออกยาวๆ
เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมองศพของหร่านฉือ ‘ชราไพศาลพิสุทธิ์’ คำนับเงียบๆ หลังจากเก็บศพของอีกฝ่ายแล้วก็ค่อยถอยออกจากห้องสงบใจห้องนี้
‘อีกห้าคนคงประสบผลร้ายมากกว่าผลดี’ เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งใคร่ครวญ ทางหนึ่งสืบค้นในอาณาเขตที่เงามืดปกคลุมอยู่ตรงหน้า
ในการค้นต่อจากนั้น เขาค้นพบศพของคนที่เหลือด้านในห้องยาแต่ละห้องอย่างที่คิดไว้
‘ถังเสี่ยนเฟิง หลู่จื้อป๋อ…’ เยี่ยนจ้าวเกอคิดในใจ คนแรกเป็นผู้อาวุโสจากมรกตท่องฟ้า ลูกศิษย์ของกษัตริย์ลี้ลับเกาชิงเสวียน เป็นคนรุ่นเดียวกันกับเกาเสวี่ยโพ ส่วนฝ่ายหลังเป็นลูกศิษย์ของเกาเสวี่ยโพ
คนทั้งสองเป็นคนที่ช่วงชิงเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับกับพวกหร่านฉือ จอมยุทธ์สายเอกพิสุทธิ์ ซึ่งได้ติดกับดักและหายสาปสูญไปพร้อมกัน
ปัจจุบันสองฝ่ายมีผลลัพธ์เช่นเดียวกัน ต่างตกตายอยู่ในตำหนักโอสถแห่งนี้
ร่างของพวกเขาเหมือนกับหร่านฉือภายนอกดูไม่มีอะไร แต่ว่าทุกอย่างที่อยู่ด้านในกลับแหลกสลายเปราะบางเฉกเช่นรูปปั้นทราย
สิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจก็คือ ระดับความเสียหายที่ด้านในร่างกายได้รับมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน จากตอนแรกสุดที่หยาบสุดขีด มาถึงตอนท้ายยิ่งมายิ่งละเอียด เหมือนกับว่านักเชือดสัตว์คนหนึ่งเปลี่ยนจากไม่คุ้นชินเป็นคุ้นเคย สุดท้ายก็ใช้มีดได้อย่างช่ำชองเหมือนกับพ่อครัวแล่เนื้อวัว
เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำ ‘เกรงว่าข้าจะทายถูกแล้ว…’
บริเวณนี้เข้าใกล้โกดังโอสถแล้ว หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอตรวจสอบบริเวณรอบๆ เที่ยวหนึ่งก็มุ่งหน้าไปยังโกดังโอสถ
เขาค่อนข้างระวังตัว แต่ก็คาดหวังอยู่บ้างเช่นกัน คนที่ถูกลักพาล้วนอยู่ในห้องสงบใจสำหรับหลอมโอสถที่อยู่ใกล้เคียง อีกฝ่ายเดิมทีเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะอยู่แถวๆ นี้ โดยเฉพาะโกดังโอสถ ความเป็นไปได้ยิ่งมีมากที่สุด ดังนั้นจึงตั้งใจตรวจสอบเป็นพิเศษ
กระนั้นตอนนี้เป็นนาทีห้วงสำคัญของแผนการของอีกฝ่าย หากหาเจอก่อน ไม่แน่ว่าจะขัดขวางการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้ทัน ไม่อย่างนั้นรอจนแผนการของอีกฝ่ายบรรลุผล คิดจะรับมืออีกจะไม่ใช่แค่ยากเย็นธรรมดาแล้ว
ในจักรวาลที่มืดมิดว่างเปล่าไม่มีสิ่งใด เหมือนกับไม่มีนิยามของระยะทาง เยี่ยนจ้าวเกอเดินทางสักพัก จากนั้นก็หยุดฝีเท้า ขีดเขียนตัวอักษรอาคมในอากาศ
ตัวอักษรอาคมส่องแสงระยิบระยับกลางความว่างเปล่า เคลื่อนที่จากใกล้ไปไกล สุดท้ายแสงสว่าผนึกตัวเหนือที่ไกล สาดส่องความว่างเปล่าบริเวณหนึ่ง
ที่นั่นคล้ายกับปรากฏไข่มุกขนาดมหึมา รอบๆ มีอักขระหลายาสายวนเวียน เหมือนกับผ้าต่วนเชื่อมหัวเชื่อมหาง ลอยอยู่รอบๆ ไข่มุกวิเศษ
ลักษณะนี้เหมือนกับไข่มุกวิเศษอยู่อย่างสงบนิ่งในความว่างเปล่าอันมืดมิดมาโดยตลอด เพียงแต่ถูกผู้คนมองข้ามไป แต่ในความจริงถ้าไม่ใช้วิชาพิเศษกระตุ้น แม้จะตามหาในความว่างเปล่าบริเวณหนึ่งเป็นร้อยเป็นพันเที่ยวก็จะมีแต่ความว่างเปล่าอยู่ตลอดกาล
ไข่มุกวิเศษมีลักษณะโปร่งใส ด้านในมีควันสีทองหลายสายลอยล่อง มองไม่เห็นภาพที่ชัดเจน
นั่นเป็นโกดังโอสถ สถานที่สำคัญของตำหนักโอสถที่ใช้เก็บโอสถเซียนสำเร็จรูป
ในวังเทพเมื่อครั้งอดีต เมื่อมีคนมาหลอมโอสถที่ตำหนักโอสถ หลังจากหลอมสำเร็จแล้วส่วนใหญ่จะถูกเจ้าของนำออกไป แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่ถูกเก็บไว้ที่นี่ชั่วคราว
สถานที่ที่เอาไว้จัดเก็บก็คือโกดังโอสถแห่งนี้
เพียงแต่ว่าหากคิดเข้าไปในโกดังโอสถ ก็ไม่ใช่ว่าผู้ใดก็สามารถเข้าไปได้
เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใกล้ มองแต่ไกลดูเหมือนไข่มุกวิเศษ แต่พอไปใกล้ๆ กลับมีขนาดมหึมาสุดขีดเหมือนกับดวงดาว
เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับลอยออกมา เยี่ยนจ้าวเกอกดผิวเตา จากนั้นก็ผลักไปด้านหน้า แตะกับผิวของโครงสร้างของโกดังโอสถ
เตาโอสถสามขาขนาดใหญ่กะพริบแสงสีทอง ค่อยๆ หลอมเข้าไปในดวงดาวตรงหน้า จากนั้นดวงดาวที่กลมเกลี้ยงก็หมุนวนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นครึ่งวงกลม อีกด้านหนึ่งเป็นผิวเรียบเกลี้ยงเกลา
เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับลอยนิ่งอยู่ที่ตรงกลางผิวที่เหมือนกับทะเลสาบ เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้แตะต้องเตาวิเศษ แต่ว่าลอยไปยังผิวทะเลสาบ
ครั้งนี้เขาไม่เจออุปสรรคใด ข้ามผ่านแสงที่เหมือนกับผิวน้ำ เข้าไปในครึ่งวงกลมอย่างราบรื่น
พอเข้ามา พลันมีกลิ่นโอสถพุ่งมาปะทะ เข้มข้นจนแทบทำให้ผู้คนต้องกลั้นหายใจ
ทิวทัศน์ที่ปรากฏขึ้นในสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ นอกจากพื้นที่อยู่ใต้เท้าแล้ว บนศีรษะและสี่ทิศรอบๆ ต่างถูกควันสีม่วงปกคลุม ในทะเลเมฆปรากฏแสงสีทองเลือนราง
เมื่อตามแสงนั้นไป ก็เห็นหอคอยขนาดเล็กสีทองมากมาย
ตามปกติแล้วโอสถเซียนยาวิเศษแต่ละชนิดจะได้รับการจัดประเภท ก่อนจะเก็บในหอคอยวิเศษเหล่านี้
ความสนใจของเยี่ยนจ้าวเกอตอนแรกไม่ได้อยู่ที่หอคอยเล็กๆ สีทองเหล่านั้น แต่ว่าตรวจสอบโกดังโอสถอย่างระมัดระวัง
หลังจากตรวจดูทั้งในทั้งนอก เยี่ยนจ้าวเกอก็แน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาจึงค่อยมีอารมณ์ตรวจสอบหอคอยวิเศษเล็กๆ สีทองเหล่านั้น
โอสถเซียนช่างละลานตา
โอสถเซียนอยู่กระจัดกระจายกันในตอนที่เพิ่งได้เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับมาหมาดๆ สำหรับทิวทัศน์เบื้องหน้าแล้ว เหมือนผู้วิเศษเล็กมองผู้วิเศษตัวน้อยมองยอดผู้วิเศษ
ที่นี่ไม่เพียงแต่มีโอสถมากมายหลายชนิด ที่สำคัญยิ่งกว่าคือยังมีจำนวนมากเช่นกัน
โอสถทองโอบอุ้ม หากคนธรรมดารับประทานจะเพิ่มอายุขัย คงความเยาว์วัย เปิดสัมผัสระหว่างคนกับธรรมชาติ สามารถได้ยินคำบัญชาจากสวรรค์ คนที่ตายจะฟื้นคืนชีพ ต่อให้เหลือแต่กระดูกขาวก็ไม่เว้น
หากผู้ฝึกวรยุทธ์รับประทาน จะได้เชื่อมต่อกับจักรวาล แม้จะไม่มีพลังฝึกปรือที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนก็สามารถรับปราณเซียนในจักรวาลที่บริสุทธิ์ที่สุดและน่าอัศจรรย์ที่สุดเข้าไปในร่าง แม้ไม่อาจหลอมเปลี่ยน แต่ก็มีประโยชน์เหลือคณา
โอสถมณีทองปราณม่วง ผู้รับประทานจะได้ผิวม่วงกระดูกทอง หากเป็นคนธรรมดาไฟและน้ำไม่อาจแผ้วพาน ศาสตรายากทำร้าย โดยเฉพาะยังมีประโยชน์ต่อจอมยุทธ์ที่ฝึกฝนวิชาที่เพิ่มความแข็งแกร่งแก่ร่างกายอย่างใหญ่หลวง
โอสถนวจิตบัวสวรรค์ ผู้รับประทานจะได้เปิดทวารทั้งเก้าในจิต ดวงวิญญาณซ่อนเก้าเทพ ปราดเปรียวไม่ธรรมดา มีความรู้สึกได้เชื่อมโยงกับธรรมชาติ ทำให้วิญญาณ ความคิด ความเฉลียวฉลาดรุดหน้า ประสิทธิผลอย่างเป็นรูปธรรมต่างไปตามแต่ละคน แต่ก็มีสรรพคุณวิเศษยิ่ง
นอกจากนี้แล้วยังมี โอสถดาราเลิศ โอสถฟ้าเทวะ โอสถวิสุทธิ์วัฒนา มหาโอสถรับกำเนิด โอสถอัสนีวายุก่อเกิด โอสถสวรรค์เปิดเผย โอสถจิตงาม โอสถเสวียนหมิงหกหยิน…
โอสถเซียนยาวิเศษที่หายากในโลกมนุษย์ มีน้อยบนสวรรค์ ที่นี่กลับมีหมดสิ้น
หากกล่าวอย่างไม่เกรงใจ ขอแค่รื้อที่นี่จนเหี้ยน ครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่นับว่ามาเสียเที่ยวแล้ว
‘แต่เปรียบกับที่ข้าคาดไว้ น่าจะไม่ถึงครึ่ง…’ เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตา
ส่วนที่หายไปไม่ได้เสียไปตามกาลเวลาที่ล่วงเลย แต่เหมือนกับถูกคนเอาไปก่อน
‘ไม่ได้อยู่ที่โกดังโอสถ แล้วโกดังสมุนไพรเล่า’ เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญ ‘ห้องโอสถหลัก? หรือว่าจะกลับไปที่แกนกลางหลักแล้ว’
ทางหนึ่งคาดคำนวณ ทางหนึ่งเก็บกวาดยาโอสถในนี้ แต่ไม่ทันไรสีหน้าของเขาก็สั่นไหวเล็กน้อย
เขาสัมผัสได้ผ่านร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่อยู่ในแกนกลางนำทางว่า มีคนอื่นๆ เข้าใกล้ทางโกดังโอสถนี้เช่นกัน
………………..