ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1261 เมื่อไม่สู้ก็ไม่มีอันตราย
การแสดงออกที่แสร้งเป็นทำท่าทำทางของปีศาจจิ้งจอกตนนั้น เป็นการแสดงออกตามปกติที่สามารถแสดงออกมาได้ หลังจากที่คนคนหนึ่งได้ยินว่าวิญญาณตำหนักโอสถมีสติปัญญาเป็นของตัวเอง
แต่ว่ากระทิงเขื่องสองตนนั้นเผยช่องโหว่ แสดงให้เห็นถึงเรื่องประการหนึ่ง
พวกเขารู้เรื่องที่วิญญาณตำหนักโอสถมีสติปัญญาเป็นของตัวเองแล้ว
นี่เดิมทีไม่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ บางทีพวกเขาอาจไปหอเซียนม่วงมา หรือว่าพวกเขามีช่องทางข่าวสารอย่างอื่น ไม่อย่างนั้นก็ประสบการซุ่มจู่โจมจากวิญญาณตำหนัก
แต่หลังจากทราบเรื่องกลับไม่มีท่าทีร้อนใจ ถึงขั้นที่ปีศาจจิ้งจอกสองตนยังคิดจะหลอกลวงพวกเยี่ยนจ้าวเกอ นี่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติ
เยี่ยนจ้าวเกอฟันธงว่ามีข่าวด่วนที่อยู่เหนือความคาดหมายของฝ่ายตน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทางที่ดีคือจับปีศาจตรงหน้าแล้วเค้นถาม
“ถึงอย่างไรก็เป็นเซียนปีศาจ ลองดูก่อนแล้วกัน” จักรพรรดิเมฆเห็นได้ชัดว่ามีแผนการเหมือนกัน ยกมือขึ้น
พริบตานั้น ค่ายกลกระบี่ขนาดยักษ์ค่ายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ ประกายกระบี่สีแดงก่ำมืดฟ้ามัวดิน ยังใหญ่ยิ่งกว่าอาณาเขตครอบคลุมของกลิ่นหอมจากปีศาจจิ้งจอกตนนั้นเสียอีก
ยอดฝีมือพอลงมือ ก็ทราบว่ามีหรือไม่มี
จักรพรรดิเมฆชักประกายกระบี่ขึ้น ปีศาจทั้งสี่ตนสีหน้าฉายแววประหลาดใจ สายตาจริงจังขึ้นมาก
“เซียนจริงแท้จากสำนักเต๋าผู้นี้ไม่ธรรมดา!” ปีศาจจิ้งจอกที่กระพือลมหอมขึ้นหมายปิดล้อมพวกเยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นกล่าวเสียงทุ้ม “ถ่วงเวลาเขาไว้ จัดการมนุษย์เซียนสองคนนั้นก่อน น้องเล็กพัวพันคนหนึ่ง ไม่ต้องเอาชนะ ขอแค่ไม่ผิดพลาดก็พอ เกาหลิ่งท่านรีบเผด็จศึกจัดการอีกคน”
ปีศาจทั้งสี่ มีเซียนปีศาจสามตน มีแต่ปีศาจจิ้งจอกที่อายุน้อยที่สุดนั้นเป็นราชาปีศาจ
มิน่าก่อนหน้านี้กระทิงสองตนนั้นจึงไม่เห็นพวกเยี่ยนจ้าวเกออยู่ในสายตา
ในการรับรู้ของพวกเขา อีกฝ่ายเป็นตัวตนที่ไม่ส่งผลคุกคาม
ถึงแม้ไม่อาจจับกุมสังหารพวกเยี่ยนจ้าวเกอ อย่างมากสุดปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไป พวกเขาอย่างน้อยก็ไม่มีโอกาสพ่ายแพ้
ทว่าพอจักรพรรดิเมฆแสดงสภาวะกระบี่ พวกเขาพลันเลิกดูแคลนศัตรู
ปีศาจกระทิงดำที่เรียกว่าเกาหลิ่งหัวเราะหึๆ “พวกเขากลับเหมือนคิดจะจับพวกเราสี่คนไว้”
วาจาแม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่ไม่ได้ต่อต้านการจัดการของสหาย พุ่งปราดเข้าหาเฮ่อเหมี่ยน
ปีศาจกระทิงดำอีกตนคำราม เข้าปะทะกับจักรพรรดิสัญญะเมฆ
เซียนปีศาจเผ่าจิ้งจอกที่อายุมาก เตรียมจะผนึกกำลังสองคนเข้าหักหาญกับจักรพรรดิสัญญะเมฆ ตรึงอีกฝ่ายไว้ก่อน รอสหายมาสมทบ ค่อยรวมพลังกันรับมือจักรพรรดิเมฆ
ราชาปีศาจเผ่าจิ้งจอกที่อายุน้อยกว่า มองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้เคลื่อนไหว เพียงแต่สะกดไว้ หมายจะทำให้ชายหนุ่มไม่อาจไปช่วยเหลือเฮ่อเหมี่ยน
พวกเขายังมีความคิดจะจับเป็นมนุษย์เซียนสองคน ต่อให้จักรพรรดิเมฆหนีไปได้ก็ยังพอรับได้ ดังนั้นจึงไม่ได้อาศัยร่างของเซียนปีศาจ ไม่สนใจการโจมตีของมนุษย์เซียนทั้งสอง ทั้งหมดเข้าสู้เป็นตายกับจักรพรรดิเมฆ
“พวกท่านคิดมากไปแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอมองฉากนี้อย่างขบขัน ยืนนิ่งไม่ไหวติง
ในดวงตาของเฮ่อเหมี่ยนเปล่งประกายสีแดง พริบตาเดียวก็หายไป
รอเขาโผล่ขึ้นมาอีกรอบ ก็อยู่ที่เบื้องหลังปีศาจกระทิงเกาหลิ่งดำตนนั้นแล้ว
เกาหลิ่งสัมผัสได้ในทันที ร่างกายที่ใหญ่โตเก้งก้างหมุนอย่างรวดเร็วประดุจสายฟ้า จากนั้นก็กระแทกสองหมัดใส่เฮ่อเหมี่ยน
แต่สุดท้ายกลับกระแทกใส่ความว่างเปล่า
เฮ่อเหมี่ยนโผล่ขึ้นด้านหลังเขาอีกครั้ง พลันฟันกระบี่หนึ่งลง
“แม้จะเป็นผู้สืบทอดกระแสตรงสายเหนือพิสุทธิ์ แต่ข้ามีผิวสำริดกระดูกเหล็กกล้า ยังไม่สำเร็จเป็นเซียนเจ้าก็ทำอะไรข้าไม่ได้ ยิ่งอย่าว่าแต่ตอนนี้มนุษย์เซียนมีข้อแตกต่าง” เจ้ากระทิงรับกระบี่ของเฮ่อเหมี่ยนอย่างรังเกียจ จากนั้นก็พลิกมือคว้าใส่อีกฝ่าย
ทว่าที่ปลายกระบี่ของเฮ่อเหมี่ยนมีประกายสีแดงขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วสูง
ประกายกระบี่สีแดงก่ำหลายสายสว่างขึ้นรอบด้าน กลายเป็นค่ายกลกระบี่อย่างรวดเร็ว แล้วครอบคลุมเกาหลิ่ง ปีศาจกระทิงดำไว้
ถึงแม้จะทำอะไรเกาหลิ่งไม่ได้ แต่ว่าขณะที่ค่ายกลกระบี่หมุนวน ก็เคลื่อนย้ายเกาหลิ่งไปยังที่ไกลแสนไกล
เจ้ากระทิงมึนงง คลุ้มคลั่งเดือดดาล คำรามพลางเคลื่อนไหวในความว่างเปล่า รีบตะบึงกลับมาสุดชีวิต
แต่เฮ่อเหมี่ยนวูบไหวร่าง ชิงมาถึงตรงหน้าราชาปีศาจเผ่าจิ้งจอกตนนั้นแล้ว!
แข็งแกร่งกับอ่อนแอ ต้องดูว่าเทียบกับใคร
ถึงแม้ในตอนที่สู้กับเยี่ยนจ้าวเกอจะเสียท่าติดต่อกัน พ่ายแพ้ราบคาบ แต่ว่ากระบี่สะท้านสวรรค์เฮ่อเหมี่ยนเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดที่โดดเด่นที่สุดของมรกตท่องฟ้าอย่างแท้จริง ในระดับเดียวกันมีคู่ต่อสู้ไม่กี่คน มีเพียงแต่อัจฉริยะที่อยู่ในระดับเดียวกันเท่านั้นถึงจะสู้กับเขาได้
ปีศาจจิ้งจอกที่อายุน้อยตนนั้นสีหน้าเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ถอยหลังติดต่อกัน
หน้าที่ในตอนแรกของนางคือตรึงเยี่ยนจ้าวเกอไว้ ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายไปช่วยเหลือเฮ่อเหมี่ยน
ผู้ใดหาทราบไม่ว่าอีกฝ่ายจะดุดันถึงขนาดนี้ สถานการณ์ตรงหน้านี้ คนที่มีอันตรายถึงกับเปลี่ยนเป็นนางแล้ว
ในดวงตาสองข้างของปีศาจจิ้งจอกแฝงไอน้ำหลายส่วน แต่ไม่ได้จับตัวกันเป็นน้ำตา ประกายตานอกจากความหวาดหวั่นแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความดื้อรั้นไม่ยอมแพ้หลายส่วน
ลักษณะนั้น ช่างตราตรึงใจยิ่งกว่าน้ำตาหลั่งไหลเป็นสายธาร หากใครมาเห็นย่อมอดเกิดความรักใคร่ไม่ได้
เฮ่อเหมี่ยนรู้สึกว่าตนเองเกิดใจอ่อน คมกระบี่พลันลดปราณสังหาร
เขารู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ดวงตาวาวโรจน์ ปรากฏประกายสีเขียวเลือนราง
เจตจำนงกระบี่ของกระบี่ผนึกเซียนซึ่งทำลายวิชาบดขยี้มรรคาปรากฏ จิตใจของฮ่อเหมี่ยนพลันกระจ่างใสดุจเดิม เจตจำนงกระบี่เปลี่ยนเป็นดุร้ายไร้น้ำใจอีกครั้ง
คู่ต่อสู้ของเขาเห็นดังนั้นก็โอดครวญไม่หยุด ทั่วทั้งร่างถูกเจตจำนงกระบี่ของเฮ่อเหมี่ยนคุกคาม แทบเกิดความรู้สึกชาด้าน คิดจะหลบหลีก ทว่าร่างกายกลับแข็งทื่อ หยุดนิ่งอยู่กับที่เหมือนกับเสาไม้
ปีศาจจิ้งจอกมอบไปรอบๆ เพียงหวังว่ามีสหายมาช่วยตน
ปีศาจกระทิงดำที่เรียกว่าเกาหลิ่งยังคงวิ่งตะบึงมาด้านนี้จากที่ไกล
นางหวังเพียงว่างสามารถฝากความหวังไว้ที่พี่สาวร่วมเผ่าและเซียนปีศาจกระทิงดำอีกตนได้
จากนั้นก็เห็นโลหิตพุ่งกระฉูด
ประกายกระบี่สีเขียว แดง ดำ แผ่พุ่งไปทั่วอากาศ รวมกันเป็นหนึ่งแล้วพัวพันกัน ปีศาจกระทิงดำที่กลุ้มรุมจักรพรรดิเมฆ สองแขนหยาบใหญ่กระเด็นขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกัน!
ปีศาจกระทิงดำเจ็บปวดร้องเสียงโหยหวน ขณะที่คำรามก็กลับคืนสู่ร่างเดิม เปลี่ยนเป็นกระทิงดำพ่วงพีตัวหนึ่ง แต่ไม่มีขาหน้าสองข้างแล้ว
ภายใต้ความเจ็บปวดเหลือแสน มันถลึงตา ก้มศีรษะถีบเท้าหลัง ขวิดใส่จักรพรรดิเมฆ!
พลังป้องกันที่เคยภาคภูมิใจถูกอีกฝ่ายทะลวงได้ ตอนนี้ปีศาจกระทิงดำที่คลุ้มคลั่งทั้งโมโหทั้งหวาดกลัว กลับเป็นเพราะพลังอันแข็งแกร่งที่ระเบิดขึ้นจากความหวาดกลัวและความเดือดดาล จึงโจมตีด้วยสภาวะยินยอมตาย
หากถูกเขาคู่นี้ขวิดใส่ ต่อให้เป็นร่างเซียนจริงแท้จากสำนักเต๋าคงมีรูโปร่งแสงสองรูเพิ่มมาทันที
จักรพรรดิสัญญะเมฆกลับยืนนิ่งไม่ไหวติง ไม่มีความคิดจะหลบหลีกความดุดันและการเสี่ยงชีวิตของศัตรูแม้แต่น้อย
ความทะนงตนกับความคมกล้าที่ฝังติดกระดูกของผู้ฝึกกระบี่แห่งสายเหนือพิสุทธิ์ปรากฎ ยืนอยู่ที่เดิมไม่หลบหลีก ควงประกายกระบี่ในมือกลางอากาศวูบหนึ่ง ปะทะกับเขากระทิงของอีกฝ่ายอย่างหักโหม
ประกายกระบี่อันน่ากลัวกระจัดกระจาย ฟันเขาสองข้างทิ้ง จากนั้นเขาก็ยื่นมือเปล่าออกมา กดลงบนศีรษะขนาดเท่าเขาใบนั้น กระทิงพ่วงพีตกมันพลันหยุดนิ่ง ขยับไม่ได้
จักรพรรดิเมฆใช้มือหนึ่งหยุดปีศาจกระทิงดำตัวนี้ อีกมือหนึ่งประกายกระบี่สว่างวาบ ฟันใส่เซียนปีศาจเผ่าจิ้งจอกตนนั้น
กลิ่นหอมที่ครอบคลุมจักรวาลพลันกระจาย ประกายกระบี่สีแดงก่ำตัดสลับ ปกคลุมจอมปีศาจไว้ด้านในดุจแหฟ้าตาข่ายดิน
ปีศาจจิ้งจอกที่สำเร็จระดับเซียนปีศาจตนนั้นสีหน้าเปลี่ยนแปลง ตวาดขึ้นอย่างแน่วแน่ “เกาหลิ่ง ท่านไปเดี๋ยวนี้!”
ปีศาจกระทิงดำเกาหลิ่งยามนี้เพิ่งจะวิ่งกลับมาจากที่ไกลได้ไม่ทันไร เบิกตามองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เกือบสะดุดเท้าตัวเอง
“หนีได้คนหนึ่งก็ต้องหนี!” ปีศาจจิ้งจอกล่าวอย่างเร่งร้อน “ไม่อย่างนั้นไม่มีแม้แต่คนแจ้งข่าวแล้ว!”
………………..