ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1262 ท่านดูรสชาติไม่เลว
ปีศาจกระทิงเกาหลิ่งเบิกตาที่เหมือนกับกระดิ่งทองแดง พ่นลมหายใจออกจากจมูก แต่ไม่ทันไรเขาก็ทราบความจริง รู้ว่าคำกล่าวของสหายถูกต้อง
ศัตรูตรงหน้าแข็งแกร่งเหนือกว่าที่คาด หากเป็นแบบนี้ต่อไป ฝ่ายตนเกรงว่าจะไม่มีใครหนีรอดสักคนเดียว
เกาหลิ่งคำรามอย่างคับข้อง หมุนกายพุ่งไปด้านหลัง ในมือเขาเพิ่มกระบองเหล็กท่อนหนึ่ง เดิมทีเตรียมใช้กับเฮ่อเหมี่ยน แต่ตอนนี้ย่อมใช้ไม่ได้แล้ว
กระบองเหล็กที่เหมือนค้ำยันฟ้าดินถูกกระทิงตัวนี้หมุนควง แล้วฟาดใส่ตาข่ายประกายกระบี่สีแดงฉานที่ผนึกทางไปตรงหน้า ด้วยสภาวะทำลายฟ้าดิน
ทว่าใดทันใดนั้นเอง ปีศาจกระทิงเกาหลิ่งดำตรงหน้าพลันพร่ามัว มีเงาคนสายหนึ่งโผล่มา
เป็นเยี่ยนจ้าวเกอที่ก่อนหน้าเหมือนคนไม่เกี่ยวข้อง
ทว่าวินาทีนี้ กระทิงที่เคร่งเครียด ไม่ทะนงเลินเล่อ กลับไม่กล้าดูถูกเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว
ในห้วงสมองเขาบังเกิดความคิดอย่างรวดเร็ว ‘รวดเร็วยิ่งนัก’ แค่ความเร็วนี้ก็ไม่ใช่ชนชั้นธรรมดาแล้ว
คิดถึงข้อนี้ เกาหลิ่งสะบัดกระบองฟาดลง ใช้กำลังทั้งหมด แทบระเบิดพลังที่เหนือขีดจำกัดของตัวเอง
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะมองเหตุการณ์นี้ ยกมือหนึ่งขึ้นรับกระบองเหล็กของเกาหลิ่ง
ถึงแม้จะไม่กล้าดูแคลนเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว แต่ตอนนี้เกาหลิ่งก็รู้สึกโมโหขึ้นมาก เขาไม่ดูถูกอีกฝ่าย อีกฝ่ายกลับคล้ายดูถูกเขา?
จุดที่ภาคภูมิใจที่สุดในฐานะปีศาจกระทิง ก็คือพละกำลังและความอึด ถึงขั้นที่ยังเหนือกว่าพลังป้องกันที่แข็งแกร่งก็หนังสำเริดกระดูกเหล็กกล้าเสียอีก
โดยเฉพาะกระบองเหล็กในมือของเกาหลิ่งยังเป็นของวิเศษที่เขาดึงสายแร่เหล็กเทวะทั้งเส้นออกมา หนักอึ้งสุดเปรียบปาน
พลังจิตของตัวเองประสานกับกระบองเหล็ก แม้เกาหลิ่งมารับเองก็มีจุดจบกระดูกหักเอ็นฉีก
“เด็กน้อยบังเอาจประมาทเช่นนี้ นี่เป็นเจ้ารนหาที่เอง!”
กระบองฟาดลง มิติที่มันพุ่งผ่านล้วนแหลกสลาย บิดเบี้ยวไม่เหลือชิ้นดี ยากจะฟื้นฟูกลับมาในระยะเวลาสั้นๆ
ยังมีส่วนที่ไม่ได้กระทบถูกด้านล่างกระบอง พอถูกพลังนั้นบดขยี้ ก็มีระลอกคลื่นหลายสายกระจายออกมาในความว่างเปล่า แสดงให้เห็นสภาพแตกร้าวแหลกสลาย
กระนั้นหลังจากระลอกคลื่นที่สั่นกระเพื่อมนั้นกระจายไปถึงระดับหนึ่งก็หยุดลง เหมือนกับถูกสิ่งกีดขวางไร้รูปร่างต้านทานเอาไว้
พลังไม่ได้ขยายออกไปเป็นวงกว้าง แต่ว่าล้วนบีบอัดอยู่ในมิติบริเวณเล็กๆ ทั้งหมด ทำให้พลังผนึกตัวและน่ากลัวกว่าเดิม!
เยี่ยนจ้าวเกอถึงขั้นรู้สึกได้ว่า โลกเบื้องหน้าของตนเหมือนกับผนึกแข็ง ล้วนเปลี่ยนเป็นของแข็งที่หนาแน่น ทำให้เขาไม่อาจเคลื่อนที่
โลกใบหนึ่งเหมือนกับเปลี่ยนรูปร่างไปใต้กระบองของอีกฝ่าย
ปีศาจกระทิงเกาหลิ่งดำฟาดด้วยกำลังทั้งหมด ความแข็งแกร่งของพละกำลังถึงกับแสดงผลเหมือนตอนเยี่ยนจ้าวเกอใช้รอยตราพลิกนภากระแทกจักรพรรดิอาทิตย์เทียนไขกับจักรพรรดิอัสนีเย็นเยือกหร่วนหมิงเหยียน
“อืม สมกับเป็นเผ่าปีศาจที่ขึ้นชื่อเรื่องพละกำลัง” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า จุ๊ปากถอนใจชมเชย
เขายังคงยกมือขึ้น ใช้กายเนื้อของตัวเองฝืนต้านกระบองของเกาหลิ่ง!
จิตหมัดของหมัดแปลงกำเนิดผนึกตัว สร้างการป้องกัน ขจัดพลังทำลายร้างจากความแข็งแกร่งของกระบองเหล็ก
ฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดแสดงสภาวะฝ่ามือ ชักนำเปลี่ยนแปลงพลังกระแทกอันมหาศาลไปถึงใต้เท้า
รอยตราพลิกนภาพลิกฟาดขึ้นด้นบน ปะทะตรงๆ ต่อไป
เยี่ยนจ้าวเกใช้หนึ่งฝ่ามือ แฝงความลี้ลับของวรยุทธ์มากมาย ทำหนักให้เป็นเบา ต้านทานกระบองเหล็กที่ฟาดลงมาตรงๆ
พอกระทบถูกฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอ กระบองที่ฟาดลงด้วยสภาวะพังทลายฟ้าพลันหยุดนิ่งกับที่ ไม่อาจขยับได้อีก
ระหว่างกระบองไม้ไผ่กับฝ่ามือถูกบดขยี้แหลกเป็นความว่างเปล่า ทำให้ฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอกลายเป็นสุญญตา
พลังพลิกเปลี่ยนเอกภพของรอยตราพลิกนภาเริ่มแสดงความสามารถ พลิกกระแทกขึ้นด้านบน ป้องกันกระบองของอีกฝ่าย เป็นเพียงครึ่งก้าวแรก ครึ่งก้าวหลังยังมีการ ‘คว่ำ’ อีกฝ่ายไปพร้อมกับฟ้าดินและโลกทั้งใบ
หลังจากปีศาจกระทิงดำเกาหลิ่งถูกเยี่ยนจ้าวเกอสลายการระเบิดด้วยกำลังทั้งหมดในตอนแรกแล้ว ก็รู้สึกว่าร่างกายเกิดความรู้สึกหมดเรี่ยวแรง
พลังสั่นสะเทือนส่งมาจากกระบองเหล็ก ทำให้เขาแทบกำอาวุธของตัวเองไม่อยู่ เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับฟาดกระบองใส่ภูเขาเทพที่ไม่เคยถล่มมาตั้งแต่ยุคโบราณลูกหนึ่ง
หลังจากฟาดเสร็จ อีกฝ่ายไม่เป็นอะไร แต่ตนกลับสั่นสะท้านจนสองมือชาด้าน
ว่ากันตามตรง กระบองนี้ของเขาแม้เป็นยอดเขาโบราณอายุพันปี เขาเทพอายุหมื่นปี ก็เกรงว่าจะถูกฟาดเป็นผุยผง
ทว่าผลลัพธ์ไม่เพียงแต่เยี่ยนจ้าวเกอไม่ขยับแม้แต่น้อย ถึงขั้นที่ชักนำพลังอันมหาศาลสายหนึ่งส่งกลับมา กำลังจะพลิกร่างของเกาหลิ่ง
หากเขาไม่อยากถูกพลิกตัว ก็ต้องปล่อยมือจากกระบองเหล็กในมือของตัวเองถึงจะทำได้
นี่ทำให้เกาหลิ่งตื่นตระหนก
‘เขาเป็นมนุษย์เซียนจริงๆ หรือ ถึงเป็นเซียนจริงแท้ เมื่อวัดกำลังกับข้าก็ไม่อาจเหนือกว่าข้า!’
วินาทีนี้ กระทิงดำเดือดดาล กระตุ้นพลังของตัวเอง ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ปล่อยมือ!
เขากำกระบองเหล็กมั่น เพิ่มแรงขึ้น งัดพลังกับเยี่ยนจ้าวเกอ
สองฝ่ายยืนนิ่งกลางอากาศ ตกอยู่ในสภาพชะงักงันเช่นนี้
เงาคนหนึ่งเล็กหนึ่งใหญ่ที่มองไปแตกต่างกันยิ่งวัดกำลังกันแบบใหม่กลางจักรวาลตำหนักโอสถ เพียงแต่สิ่งที่ทำให้คนต้องขบขันก็คือร่างที่เล็กกว่าไม่ขยับแม้แต่น้อย แต่ร่างที่ใหญ่มโหฬารกลับเริ่มสั่นสะท้าน
พร้อมกับเวลาที่ผ่านไป การสั่นยิ่งมายิ่งชัดเจน
ปีศาจกระทิงดำอึดอัดจนหน้าแดงคอเกร็ง ไม่มีสภาวะของเซียนปีศาจเหลืออยู่อีก เหมือนกับทนงัดข้อมาถึงจุดสุงสุด มองตัวเองกำลังถูกอีกฝ่ายกดลงด้วยความสิ้นหวัง แม้ดิ้นรนสุดชีวิตก็ได้แต่ทำให้ตัวเองแพ้ช้าลงอีกนิดหน่อยเท่านั้น
“ทนมาได้ขนาดนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอกำกระบองเหล็ก พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดี ดียิ่ง เนื้อคงจะเหนียวยิ่ง ท่านดูน่าอร่อยไม่เลว”
เกาหลิ่งพอฟัง ถลึงตาแทบถลนออกมาจากเบ้า
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มพลางส่ายหน้า มือที่กำกระบองเหล็กส่งพลังออกมาไม่ขาดสาย ราวกับไร้สิ้นสุด
สุดท้าย เกาหลิ่งก็ทนไม่ไหว
เขายังคงไม่ยอมปล่อยมือจากกระบองเหล็ก ผลลัพธ์ถูกเยี่ยนจ้าวเกอสะบัดพลิกคว่ำ หมุนคว้างกลางอากาศรอบหนึ่ง
วินาทีนี้ ถึงตาเกาหลิ่งรู้สึกว่าอากาศบีบดัดจากทุกทิศทุกทาง ทำให้เขาขยับเขยื้อนไม่ได้
เขาส่งเสียงคำรามปานสายฟ้า คืนร่างเดิม ทว่าไม่ทันได้เงยหน้าขึ้น เยี่ยนจ้าวเกอก็กดมืออีกข้างหนึ่งใส่ศีรษะ
วัวไม่ดื่มน้ำก็กดหัวมันลงไป
เยี่ยนจ้าวเกอกดฝ่ามือ ต่อให้จะเหยียดขาทั้งสี่ข้าง กระทิงเขื่องตัวนี้ก็ยังขยับเขยื้อนไม่ได้โดยสิ้นเชิง แม้แต่ศีรษะยังไม่อาจยกขึ้นมา
เขาชั่งน้ำหนักกระบองเหล็กในมือ รู้สึกสนใจ “กลับเป็นวัสดุหลักชั้นดีในการเซ่นหลอมอาวุธเซียน”
อีกด้านหนึ่ง ปีศาจจิ้งจอกระดับราชาปีศาจขั้นสิบตนนั้นถูกเฮ่อเหมี่ยนปราบแล้ว ส่วนปีศาจจิ้งจอกที่อยู่ในระดับเซียนปีศาจอีกตนถูกจักรพรรดิสัญญะเมฆแทงหางตอกติดกลางอากาศ
ทั้งๆ ที่เป็นความว่างเปล่าในจักรวาลซึ่งไม่มีสิ่งใด ยามนี้กลับเหมือนมีกำแพงไร้รูปร่าง ยึดปีศาจจิ้งจอกที่คืนร่างเดิมตนนั้นไว้ ห้อยหัวนางลงมา
เซียนปีศาจสามตน ราชาปีศาจหนึ่งตนล้วนถูกจับกุม
กระทิงสองตัวแม้จะไม่พอใจ แต่ว่าปีศาจจิ้งจอกสองตนกลับเชื่อฟัง เผชิญการเค้นถามจากพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ได้แต่สารภาพตามจริง
เหมือนที่คาดไว้ก่อนหน้า พวกเขารู้แล้วว่าวิญญาณตำหนักโอสถมีเกิดสติปัญญาเป็นของตัวเอง แน่นอนไม่ใช่ทราบก่อน แต่ว่าทราบหลังจากเข้ามาแล้ว
“มีท่านบรรพบุรุษอยู่ด้วย พวกเราย่อมไม่ต้องกลัววิญญาณตำหนักโอสถนั่น” ปีศาจจิ้งจอกที่อายุน้อยกว่าทำตัวเป็นจิ้งจอกยืมบารมีเสือ “ท่านบรรพบุรุษเป็นผู้ที่อยู่อาศัยบนวังเทพมาก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ นับว่าเป็นคนรู้จักเก่ากับวิญญาณตำหนักโอสถนี้แล้ว ในตำหนักโอสถนี้ พวกเรานับว่าเป็นเจ้าของครึ่งหนึ่ง!”
………………..