ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1267 ยึดดรองเป้าหมาย บรรพครรภ์ก่อนกำเนิด!
พร้อมกับการบุกรุกของคนผู้นั้น ม่านแสงตรงหน้าร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่อยู่ในแกนนำทาง เริ่มเปลี่ยนเป็นพร่าเลือน ยากจะแสดงโครงสร้างและเส้นทางด้านในตำหนักโอสถได้ต่อ
แสงไฟสว่างขึ้นในความว่างเปล่ากลางจักรวาลใกล้ๆ กับโกดังสมุนไพรที่พวกเยี่ยนจ้าวเกออยู่อย่างฉับพลัน แสงไฟนี้ไม่ได้มาจากที่ไกล แต่ว่าจากวินาทีที่มันสว่างขึ้น เปลวไฟโหมไหม้ก็กลืนกินความว่างเปล่าในจักรวาลนี้ เปลี่ยนจักรวาลอันดำขลับให้กลายเป็นโลกเปลวเพลิง
ปีศาจกวางขาวเห็นดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดู เผชิญหน้ากับแสงไฟ ยกไม้เท้าหัวมังกรมาขวางไว้หน้าทรวงอก
เขาหันไปมองวิญญาณตำหนักโอสถ ตวาดด่าทอ “เจ้ารู้ว่ามีคนแบบนี้อยู่แต่แรก แต่กลับวางแผนให้ข้ามาเป็นโล่บังเกาทัณฑ์ให้แก่เจ้า? ขวัญกล้าดีนัก!”
“เจ้าคิดจะจัดการข้ากับคนอื่นๆ เหมือนกันไม่ใช่หรือ” วิญญาณตำหนักเทียนซูตอบอย่างราบเรียบ “เจ้าต้องการตำหนักโอสถของข้า ต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้ผู้นี้อยู่แล้ว จะรู้หรือไม่รู้ แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกัน”
ปีศาจกวางขาวแค่นเสียงคำหนึ่ง “ร่างปลอมของเจ้านี้หลอมจากโอสถวิญญาณยาวิเศษ วัตถุดิบล้ำค่านับไม่ถ้วน ข้าจะจัดการเจ้าก่อน แล้วค่อยเอาของวิเศษเหล่านี้ไป ได้เท่าไรก็เท่านั้น อย่างนี้ถึงจะสบายใจ!”
ว่าแล้วเขาก็ไม่สนใจจางปู้ซวีอีก หันไปยกไม้เท้าหัวมังกรฟาดเข้าใส่ดวงอาทิตย์ที่กำลังจะหายไปดวงนั้น!
ไม้เท้าพอฟาดลง แม้ดูธรรมดา แต่ว่าดวงอาทิตย์โชติช่วงที่ได้หายไปในความมืดแล้ว ก็ถูกกดดันให้ลอยออกมาจากความว่างเปล่าในทันที
ภายใต้แรงกดดันอันน่าพรั่นพรึง ดวงอาทิตย์บิดเบี้ยวเปลี่ยนรูปร่าง เหมือนกับเปลี่ยนจากทรงกลมเป็นทรงไข่
วิญญาณตำหนักที่เมื่อเผชิญหน้ากับการกลุ้มรุมของผู้ฝึกกระบี่สายเหนือพิสุทธิ์เช่นกษัตริย์อนันต์ จักรพรรดิเมฆ และหลงเสวี่ยจี้ยังสามารถสะกดได้ ทว่าตอนนี้พลันยากจะต้านทาน
ดวงอาทิตย์ที่โชติช่วงดวงนั้นกำลังจะแหลกสลาย
ทว่ากลางดวงอาทิตย์ค่อยๆ มีเงาคนลอยขึ้น เงาคนยิ่งมายิ่งกระจ่างชัด นั่นเป็นเด็กชายที่รูปร่างภายนอกมีอายุแค่ห้าหกปีคนหนึ่ง
บนใบหน้ารูปไข่ที่ขาวใสมีสีแดงเรื่อ ไม่เห็นความไร้เดียงสาของเด็กน้อย มีแค่ความเย็นชาเคร่งขรึม หว่างคิ้วของเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและความดุร้าย จ้องมองปีศาจกวางขาวอย่างเย็นเยียบ
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็ทราบว่านี่คงเป็นเปลือกร่างที่วิญญาณตำหนักดวงนั้นสร้างให้แก่ตัวเอง เพียงแต่พอเห็นเปลือกร่างนี้ เขาก็รู้สึกมึนงงในทันที “ประหลาดนัก…”
วินาทีถัดมา เห็นเด็กชายคนนั้นประสานมุทราสองมือ จากนั้นแสงอาทิตย์ที่ห้อมล้อมตัวเขาก็เริ่มบีบอัดเข้าด้านในเพิ่มอีกขั้น
ไม่รอให้ไม้เท้าของปีศาจกวางขาวหวดลงโดยสมบูรณ์ เด็กชายก็พลันยื่นมือออกมาผลัก
ดวงอาทิตย์ที่เกิดจากแสงอาทิตย์โชติช่วงระเบิดออกมาเอง แสงสีทองนับไม่ถ้วนแผ่ขยายออกไปทั่วสี่ทิศแปดทางไม่หยุดยั้ง
เพียงแต่ด้านล่างเด็กชาย แสงทองกลับหดตัวเข้าไปด้านในอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายก็พังทลาย กอปรเป็นหลุมดำขนาดมโหฬารหลุมหนึ่ง
เด็กชายอาศัยการป้องกันของแสงสีขาว พุ่งลงไปในหลุมดำ
ปีศาจกวางขาวอดสับสนไม่ได้ เป็นเพราะว่าพิธีกรรมของวิญญาณตำหนักโอสถ ความจริงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่มันกลับหยุดพิธีกลางคัน อาศัยพลังที่ระเบิดออกมาหนีไป
เมื่อเป็นแบบนี้ ต่อให้เขาจะหนีไปได้ ทว่าพิธีเกิดใหม่ในครั้งนี้ความจริงเท่ากับล้มเหลวแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะมีโอกาสทำได้ใหม่ ถ้าเกิดว่าล้มเหลว ความพยายามที่แล้วมาก็สูญสลายหมดสิ้น
ด้วยพลังสายตาของปีศาจกวางขาว ถึงขั้นเห็นร่างของเด็กชายเริ่มพังทลาย เหมือนกับกำลังจะกลายเป็นโอสถเซียนและของวิเศษมากมายอีกครั้ง
“เพื่อหลบหนีจากคู่ต่อสู้ มันถึงกับยอมแพ้เช่นนี้แล้ว?” ปีศาจกวางขาวรู้สึกไม่ถูกต้อง
น่าเสียดายที่ปีศาจกวางขาวไม่มีเวลาใคร่ครวญต่อ เสียงมังกรคำรามดังขึ้นเลือนรางในทะเลเพลิงไกลออกไป เงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งก้าวเดินออกมาจากแสงไฟ ผมสั้นเกรียน สองตาดุจสายฟ้า
เจ้ากวางกลับคิดไล่ตามวิญญาณตำหนึกโอสถต่อ ทว่ามังกรเพลิงมากมายได้พุ่งมาหาเขาแล้ว
กลับเป็นอีกด้านหนึ่ง พวกเยี่ยนจ้าวเกอได้รับผลกระทบจากแรงดึงดูดของหลุมดำ ตกลงไปด้านล่าง ถูกม้วนเข้าไปในหลุมดำ
หลุมดำหายไปในทันที กวางขาวทั้งตกใจทั้งโมโห ทว่าทำอะไรไม่ได้ ได้แต่รับมือคู่ต่อสู้คนใหม่ตรงหน้าก่อน
มิติเวลาตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอที่ตกมาอยู่ในหลุมดำเปลี่ยนแปลง พลิกคว่ำไปมา ครู่หนึ่งค่อยกลับคืนสู่ความปกติ
“ยังคงอยู่ในมิติจักรวาลด้านในตำหนักโอสถ เพียงแต่ไม่ทราบว่าตอนนี้อยู่ตรงตำแหน่งไหน” เยี่ยนจ้าวเกอสำรวจสภาพรอบๆ
ม่านแสงตรงหน้าร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่อยู่ในแกนนำทางยังคงพร่ามัว ตอนนี้แกนนำทางเท่ากับตกอยู่ในสภาพอัมพาต ยากจะช่วยกำหนดตำแหน่งให้เยี่ยนจ้าวเกอ
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น เยี่ยนจ้าวเกอยังคงรู้สึกได้ว่ามิติที่ตัวเองอยู่ยังคงกระเพื่อม ทั้งยังรู้สึกได้ถึงความร้อนแรง การต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่ส่งผลต่อจักรวาลในตำหนักโอสถทั้งหมด
วิญญาณตำหนักตอนนี้ไม่ได้อยู่ในหอเซียนม่วง เยี่ยนจ้าวเกอถึงขั้นสงสัยว่าตำหนักอาจถูกทำลายเพราะการต่อสู้นี้
ผู้มาไม่ต้องกล่าวมากความ อานุภาพ พลังฝึกปรือ รวมถึงจิตพลังระดับนี้ ย่อมเป็นสั่วหมิงจาง ราชันพระอังคาร เขามาแก้ไขสถานการณ์ลำบากให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอได้ทันเวลา แต่กลับมอบโอกาสให้แก่วิญญาณตำหนักเทียนซู
‘ไม่อยู่เหนือความคาดหมายของข้าจริงๆ พิธีกรรมของวิญญาณตำหนักนั่นแปลกประหลาดอย่างที่คิดไว้’
เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจแล้ว พิธีกรรมที่วิญญาณตำหนักเทียนซูดำเนินใกล้ๆ โกดังสมุนไพร เป็นแค่แผนการแรกของมันเท่านั้น
ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ประสบความสำเร็จ เช่นนั้นย่อมไม่ต้องกล่าวอะไรมาก แต่เกิดมีช่องโหว่ เช่นนั้นมันจะอาศัยพิธีกรรมนี้เป็นจั๊กจั่นลองคราบทันที
อย่างเช่นถูกเยี่ยนจ้าวเกอจับจุบอ่อน หรือถูกปีศาจกวางขาวลอบเล่นงาน หรือถูกสั่วหมิงจางบุกมาเหมือนเมื่อครู่
เพียงแต่เมื่อเป็นแบบนี้ มันจะต้องมีแผนการที่สองแล้ว
‘นอกจากนี้ วิธีเปลี่ยนแปลงพิธีกรรมของมันเมื่อครู่ก็ดูประหลาดอยู่บ้างเหมือนกัน’ เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว ‘มันเป็นวิญญาณตำหนักโอสถ ไม่ใช่วิญญาณหอเก็บหนังสือเหมือนข้าในตอนแรก ไฉนจึงมีวิชาลับที่ไม่ค่อยมีคนสนใจ ผู้ใดสอนแก่มัน แผนการที่สองของมัน…’
เยี่ยนจ้าวเกอไม่กล้าเสียเวลา ออกเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
กลิ่นยาหอมหวาน นำทางให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอโดยปริยาย
หลังตามกลิ่นหอมไปได้สักพัก เยี่ยนจ้าวเกอก็เจอเป้าหมายของตัวเอง
แสงสว่างสีทองผสมม่วงส่องระยิบระยับอยู่กลางความว่างเปล่าอันมืดมิด ในแสงสีม่วงนั่งไว้ด้วยคนหนุ่มอาภรณ์ดำคนหนึ่ง ถึงกับเป็นเนี่ยจิงเสิน!
ก่อนหน้านี้เนี่ยจิงเสินไปโกดังสมุนไพรไม่ทัน ทว่าหลังจากวิญญาณตำหนักโอสถหยุดพิธีกลางคัน เคลื่อนย้ายตำแหน่งกลับมาหาเขา!
นี่เป็นแผนการที่สองของวิญญาณตำหนักเทียนซู
วิญญาณตำหนักอย่างมันต้องการเกิดใหม่เป็นคน ไม่อาจใช้วิธียึดร่าง ทว่าสรรพวัตถุในโลกหล้า ไม่มีสิ่งใดแน่นอน มักมีข้อยกเว้น
ร่างบรรพครรภ์ก่อนกำเนิดของเนี่ยจิงเสินเป็นข้อยกเว้นที่วิญญาณตำหนักเทียนซูโอสถใช้จุติได้ เป็นเปลือกร่างมีหนึ่งไม่มีสอง ซึ่งมันสามารถยึดครองและเปลี่ยนแปลงได้โดยตรง!
สั่วหมิงจางกับปีศาจกวางขาว สองตัวตนที่สามารถสร้างการคุกคามให้มันได้อย่างแท้จริง กำลังสู้กัน ทำให้มันเคลื่อนไหวได้เต็มที่
เยี่ยนจ้าวเกอถึงขั้นสงสัยว่านี่จึงเป็นแผนการที่แท้จริงของวิญญาณตำหนัก ทุกอย่างก่อนหน้านี้เป็นแค่ตัวล่อที่เอาไว้ปิดบังหูตาผู้คนเท่านั้น
ตอนนี้เนี่ยจิงเสินนั่งขัดสมาธิ รวมกายจิตเป็นหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ากำลังต่อต้านการยึดร่างของอีกฝ่ายอยู่ ทว่าบนศีรษะของเขา เปลือกร่างที่เหมือนกับเด็กชายที่แปลงกายมาจากวิญญาณตำหนักเทียนซูก่อนหน้า กำลังประสานมุทราสองมือ เปลี่ยนแปลงท่ามือไม่หยุดยั้ง
เปลือกร่างนี้ของมันเดี๋ยวผนึกเดี๋ยวสลาย กำลังจะพังทลาย ทว่านี่ไม่ส่งผลต่อพลังอันแข็งกล้าของมันแม้แต่น้อย
พลังของมันแม้ไม่อาจใช้มาตรฐานระดับของจอมยุทธ์สำนักเต๋ามาจัดแบ่งได้ แต่ว่าความน่ากลัวของกลิ่นอายถึงกับไม่ด้อยกว่าปีศาจกวางขาวตนนั้น
มันต้องการยึดร่างของเนี่ยจิงเสินที่ยังเป็นแค่มนุษย์เซียน ทำให้การต่อต้านของเนี่ยจิงเสินดูไร้ประโยชน์สุดขีด!
คนหนุ่มอาภรณ์ดำลืมตาสองข้าง สายตาเปลี่ยนแปลงไม่หยุด บางครั้งก็แน่วแน่แข็งกล้าเหมือนในอดีต แต่ส่วนใหญ่แล้วกลับเย็นชาเคร่งขรึมคล้ายเด็กชายบนศีรษะผู้นั้น
สายตาที่เย็นเยียบนี้ วินานี้กำลังจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอ!
………………..