ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1273 ร่ำรวยชั่วข้ามคืน
ในหอเซียนม่วง เยี่ยนจ้าวเกอใช้มือหนึ่งกดบนเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ นิ้วชี้ของมืออีกข้างจิ้มอยู่บนหว่างคิ้ว
แสงเก้าสายสว่างขึ้นในหอเซียนม่วง จัดวางในลักษณะเก้าตาราง แสงหลายสายถ่ายเทไปบนตัวเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอเริ่มรู้สึกได้ว่า จิตใจของตนเอง กำลังเริ่มสร้างการเชื่อมต่อกับตำหนักใหญ่
พร้อมกับกระบวนการนี้ กาลเวลาในจักรวาลอันปั่นป่วนของตำหนักโอสถ ก็เริ่มสงบลง
ประตูตำหนักยิ่งใหญ่ปิดลง แสงสีทองและควันสีม่วงหลายสายขับให้เด่น ตำหนักที่เหมือนสร้างจากหยกขาวทั้งตำหนัก ยิ่งเหมือนกับแดนเซียนบนสวรรค์มากกว่าเดิม
ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีแค่โถงตำหนักโดดเดี่ยวนี้แห่งเดียว ไม่เห็นสิ่งก่อสร้างอื่นๆ อยู่รอบๆ ทุกอย่างคงเหมือนกับเป็นวังเทพบนสวรรค์ชั้นเก้าก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าจริงจัง ไม่มีความได้ใจแม้แต่น้อย
หลังจากควบคุมตำหนักโอสถสำเร็จเป็นขั้นแรก เรื่องแรกที่เขาทำ ก็คือการทำให้ตำหนักโอสถแห่งนี้เก็บกลิ่นอายและแสงสว่างของตัวเอง
เขาไม่ต้องการให้ตำหนักโอสถที่ตนลำบากลำบนได้มา สร้างความสะดวกสบายให้คนอื่นๆ ที่มาเพราะได้ยินข่าว
ไม่อาจดูแคลนยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ชนชั้นเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ และพระศรีอาริย์แม้แต่น้อย
โดยเฉพาะเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ
เมื่อรวมเรื่องราวในวันนั้นเข้ากับเบาะแสที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะยังคงเหมือนมองบุปผาในม่านหมอก แต่ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอตก็เริ่มมีความคิดส่วนหนึ่งแล้ว
เทวกษัตริย์ไร้ประมาณเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าไม่ได้ถือกำเนิดหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่!
อย่างน้อยจากการศึกษาเกี่ยวกับพลังศรัทธาแสงวิเศษในปัจจุบันของเขา เป็นไปได้ว่าจะถูกใช้มานานแล้ว
เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเขาจะเป็นเทพเจ้าสำนักเต๋าสักองค์หนึ่ง ดูจากตอนนี้ เทพเจ้าสำนักเต๋าผู้นี้จะเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่สักคนในวังเทพ
และเพราะสาเหตุนี้ ความโกลาหลจึงเกิดขึ้นภายในวังเทพก่อน
ภายหลังมีการเข้ามาของศาสนาพุทธ จึงรุนแรงขึ้น จนไม่อาจแก้ไขกลับกลายได้อีก
เยี่ยนจ้าวเกอยังไม่อาจยืนยันรายละเอียดอย่างเป็นรูปธรรมในนี้ได้
รอเขาควบคุมตำหนักโอสถได้โดยสมบูรณ์ และเริ่มขุดค้นคืนสภาพเหตุการณ์ในวันนั้น ไม่แน่ว่าจะได้ประโยชน์มากกว่าเดิม
เทียนซูวิญญาณตำหนักคิดตกตายร่วมกัน สุดท้ายถูกเยี่ยนจ้าวเกอสะกดไว้ ไม่อาจทำอันตรายพวกเยี่ยนจ้าวเกอได้ ผลลัพธ์มีแต่ตัวมันพังทลาย สูญสลายราวควันเมฆ
แม้จะหลอกเอาคำให้การมากกว่านี้ไม่ได้ แต่เยี่ยนจ้าวเกอไม่สนใจ เขาค่อยๆ อนุมานถึงสิ่งที่ตนอยากได้จากตัวตำหนักโอสถได้
วิญญาณตำหนักที่มีสติปัญญาเป็นของตัวเองดับสลาย ผู้มาจากภายนอกจึงควบคุมตำหนักโอสถได้ตามใจ วิญญาณตำหนักนั้นไม่สลาย เยี่ยนจ้าวเกอก็จะกำจัดมันทิ้งหลังจากไต่สวนเสร็จอยู่ดี
ไม่อย่างนั้นเขาคงฉวยโอกาสกลับบ้านไปอาบน้ำอาบท่าแต่แรก ไฉนต้องลำบากแทบตายขนาดนี้
หากบอกว่าเคยเป็นวิญญาณตำหนักวิญญาณหอมาก่อน วันนี้เหมือนเพื่อนเก่าได้เจอกัน เช่นนั้นก็เป็นเรื่องน่าขำแล้ว
ยังไม่เอ่ยถึงว่าสองฝ่ายไม่มีความสัมพันธ์ใดให้กล่าวถึง ถ้าหากปล่อยให้วิญญาณตำหนักโอสถทราบเรื่องที่เยี่ยนจ้าวเกอเป็นวิญญาณหอเก็บหนังสือในชาติก่อน ระดับพลังฝึกปรือในปัจจุบันของสองฝ่ายต่างกันขนาดนี้ ด้วยนิสัยของวิญญาณตำหนักฟ้าฟื้น เรื่องที่คิดถึงเป็นอันดับแรก จะต้องเป็นการจับเยี่ยนจ้าวเกอมารีดเค้นสิ่งของในสมองของเขาออกมาทั้งหมดแน่นอน
‘อืม ตำหนักโอสถนี้ก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในอดีตเช่นกัน มีความเสียหายอยู่บ้าง’ เยี่ยนจ้าวเกอศึกษาอย่างละเอียด ปัจจุบันมีความเข้าใจต่อสถานการณ์โดยรวมของตำหนักโอสถมากกว่าเดิม
แม้ว่าเหตุผลของความปั่นป่วนในอดีต และสถานที่ที่จุดสายชนวนในตอนแรก เหมือนว่าจะอยู่ที่ตำหนักโอสถนี้ แต่ว่าข้อพิพาทขยายออกไปยังสถานที่รอบๆ อย่างรวดเร็ว สถานที่เริ่มเรื่องนี้กลับถูกรักษาไว้ค่อนข้างดี
ฝ่ามือทำลายฟ้าดินที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้าข้างนั้น ไม่ได้ตกลงบนตำหนักโอสถนี้
‘…อาณาเขตรอบๆ หอเก็บหนังสือที่เราอยู่ในตอนนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นสถานที่ที่ฝ่ามือนั้นร่วงใส่’ เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญ อดกลอกตาขาวไม่ได้
แสงสว่างเก้าสายในหอเซียนม่วงค่อยๆ หายไป
พวกเยี่ยนจ้าวเกอห้าคน เวลานี้ได้สลายค่ายกลไปแล้ว
ร่างปลอมที่วิญญาณตำหนักโอสถใช้โอสถเซียนและของวิเศษด้านในตำหนักสร้างขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้ พังทลายกลายเป็นยาวิเศษโอสถวิญญาณจำนวนมากแต่แรก ก่อนจะเปลี่ยนแปลงเป็นลำแสงหลายสาย
พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของค่ายกล แสงสว่างเหล่านี้ต่างวนเวียนอยู่รอบๆ เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับที่สลักอักขระ
หลังจากพวกเยี่ยนจ้าวเกอถอนค่ายกลแล้ว แสงสว่างก็กลายเป็นควันหลายสาย กระจัดกระจายไปรอบสี่ทิศ แยกกันพุ่งเข้าหาคนห้าคน
นอกจากทวนพระอังคารที่เป็นอาวุธแล้ว พวกเยี่ยนจ้าวเกอขยับจมูกฝุดฝิด สูดเอาควันที่อยู่ตรงหน้าตนเข้าไป
ความมหาศาลของฤทธ์ยาในนี้ แม้จะเป็นพลังฝึกปรือของพวกเขา ก็ยากจะหลอมเปลี่ยนได้ในระยะเวลาอันสั้น
“ข้าใช้ไม่ได้ หมิงจางเองก็ไม่จำเป็น พวกเจ้าเก็บไว้เถอะ” ทวนพระอังคารเอ่ยขึ้น
ทวนพระอังคารเป็นอาวุธเซียนไร้ช่องโหว่ ไม่ใช่เป็นจักรพรรดิเซียนจริงแท้ตามความหมายทั่วไป
โอสถเซียนยาวิเศษที่ส่งผลดีต่อคนมหาศาล กลับไม่มีประโยชน์ใดๆ ต่อเขา
ราชันพระอังคารสั่วหมิงจางไม่ได้หมายตาสิ่งเหล่านี้ ตำหนักโอสถกับของล้ำค่าที่อยู่ด้านใน ไม่ใช่วัตถุที่สั่วหมิงจางต้องการ
“ครั้งนี้โชคดีที่ราชันพระอังคารมาถึงทันเวลา รบกวนผู้อาวุโสมากแล้ว” พวกเยี่ยนจ้าวเกอสี่คนต่างก้มศีรษะคำนับทวนพระอังคาร ก่อนจะดูดซับควันยาในหอเซียนม่วงจนหมดสิ้น
แก่นของโอสถและยาที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ จะต้องเป็นโชควาสนาที่ใหญ่หลวงอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกจากเยี่ยนจ้าวเกอที่ยุ่งกับการหลอมเปลี่ยนตำหนักโอสถแล้ว อีกสามคนต่างนั่งขัดสมาธิลง เริ่มหายใจบำรุงปราณ ดูดซับฤทธิ์ยา
“เรื่องต่อจากนี้มอบให้เจ้าแล้ว” เยี่ยนตี๋กล่าว
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง”
เขาสั่งความคิด รูปร่างของตำหนักวังเซียนขนาดมหึมาในมิตินอกแดนไร้สิ้นสุดนั้นเปลี่ยนเป็นล่องลอยยากหยั่งคาด สุดท้ายก็หายไปในจักรวาลอันไพศาล
หลังจากตกอยู่ในสภาพล่องลอยเช่นนี้แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอยังคงไม่หยุดมือ ขีดเขียนตราอักขระลวดลายอาคมหลายสายกลางอากาศในหอเซียนม่วง
ตราอาคมผนึกตัว สุดท้ายกลายเป็นยันต์อาคมเรืองแสงสามสาย พุ่งออกไปนอกตำหนักใหญ่
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็สงบใจหลอมเปลี่ยนตำหนักต่อ
พร้อมกับที่เขายึดครองหอเซียนม่วง และเริ่มควบคุมตำหนักใหญ่เป็นครั้งแรกได้สมบูรณ์ ข่าวสำคัญจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มรวมตัวกันที่นั่น
อย่างเช่นว่า นอกจากสิทธิ์การควบคุมตำหนักโอสถแล้ว สิ่งของที่สำคัญที่สุดในหอเซียนม่วงก็คือตำรับยาจำนวนมหาศาล!
ครั้งกระโน้นวังเทพสะสมและศึกษาตำรับยาของโอสถเซียน รวมถึงโอสถวิญญาณที่สมบูรณ์แบบอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้จะเป็นเพราะว่าขาดแคลนวัตถุดิบหลักจำนวนมาก ใช่ว่าจะเปลี่ยนตำรับยาทั้งหมดให้กลายเป็นโอสถวิญญาณยาวิเศษที่แท้จริงได้
แต่แค่เปลี่ยนแปลงส่วนหนึ่งให้เป็นจริงได้ ก็เป็นแหล่งที่มาของทรัพย์สมบัตินับอนันต์แล้ว
ตำรับยาล้ำค่าบางส่วนของที่นี่ แม้แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็ยังไม่เคยเห็นในหอเก็บหนังสือมาก่อน มีแต่ตำหนักโอสถถึงจะเหลือเก็บไว้
เยี่ยนจ้าวเกอศึกษาตำรับโอสถตำรับยาเหล่านี้ เกิดความรู้สึกได้เวียนว่ายอยู่กลางทะเลหนังสือ เหมือนตอนศึกษาคัมภีร์ในหอเก็บหนังสือวังเทพ
บวกกับโอสถวิญญาญยาวิเศษสำเร็จรูปมากมายในโกดังโอสถ และวัตถุดิบล้ำค่าที่สาปสูญไปหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่จำนวนมากในโกดังยา เยี่ยนจ้าวเกอตอนนี้มีเพียงความรู้สึกเดียว
ร่ำรวยชั่วข้ามคืน
ครั้งนี้เกิดขึ้นจริงๆ แล้ว
ครู่ต่อมามียันต์เต๋าสองใบบินกลับมาจากด้านนอก
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น ก็ตบเตาทองคำม่วงเมหาลี้ลับเบาๆ
เตาวิเศษสั่นไหว ประตูตำหนักโอสถเปิดออก กระแสอากาศกว้างใหญ่ทะลักออกมาจากด้านใน
กระแสอากาศเดี๋ยวม้วนเดี๋ยวหุบกลางความว่างเปล่า พาสองคนกลับมา กลับกวนคนความว่างเปล่าในจักรวาลด้านนอกให้ปั่นป่วนอีกครั้ง
สมมติว่ามีคนคิดสะกดรอยเมื่อถูกขัดขวางแบบรับมือไม่ทันเช่นนี้ ก็เท่ากับสูญเสียเป้าหมายไปแล้ว
คนสองคนนั้น เข้ามาในตำหนักโอสถตามกระแสลมที่เก็บกลับ ตำหนักหยกขาวปิดประตูลงใหม่ จากนั้นก็หายไปจากความว่างเปล่ากลางจักรวาลอันมืดมิดลึกล้ำ
คนทั้งสองยืนอยู่ในตำหนัก เป็นเยว่เจิ้นเป่ยกับหลงเสวี่ยจี้
………………..