ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1279 กษัตริย์ดาราสู้กษัตริย์เร้นลับ
“จักรพรรดิอาทิตย์เทียนไขหนึ่งในห้าจักรพรรดิของโลกซ้อนโลก เสียชีวิตเพราะข้ากับทวนพระอังคาร” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม้นเฉินเฉียนหัวจะผลักเปิดประตูเซียน แต่คนผู้นั้นกลับไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน”
อาหู่กระจ่างแจ้ง กล่าวด้วยรอยยิ้มสัตย์ซื่อ “มิน่าคุณชายท่านไม่นำพา สถานการณ์ที่มั่นคงนี้ถูกทำลายเพราะท่าน ท่านจะใส่ใจได้อย่างไร?”
คนที่พลิกสถานการณ์อันมั่นคงของโลกซ้อนโลกด้วยมือตัวเอง ถูกคนอื่นจัดอยู่ในประมุขทั้งสิบ ยิ่งเหมือนกับการประชดประชันอย่างหนึ่ง
ที่ประชดประชันไม่ใช่เยี่ยนจ้าวเกอ แต่เป็นทั่วทั้งโลกซ้อนโลก
“บอกว่าทำลายยังเร็วเกินไป” เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้าเล็กน้อย เหม่อลอยอยู่บ้าง “แต่ถ้าแผนการในครั้งนี้สำเร็จ ทุกอย่างในอดีตเกรงว่ามิอาจย้อนคืนมาได้อีกจริงๆ”
เสี่ยวอ้ายว่า “หลายปีมานี้โลกซ้อนโลกก็มีผู้เข้มแข้งผุดขึ้นไม่ขาดสายทีเดียว”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ผู้ใดว่าไม่ใช่เล่า”
หากกล่าวโดยมองจากภายนอก มีความบังเอิญที่อัจฉริยะจำนวนมากรวมกันปรากฏขึ้น มีความจำเป็นที่โลกซ้อนโลกต้องพัฒนาอย่างมั่นคงเป็นเวลาหลายปี เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของคนมีความสามารถ
ไม่กี่ร้อยปีมานี้ โลกซ้อนโลกให้กำเนิดอัจฉริยะรุ่นใหม่มานับไม่ถ้วนอย่างแท้จริง
หลายปีมานี้โลกซ้อนโลกให้กำเนิดอัจฉริยะฟ้าประทานอย่างเฉินเฉียนหัวกับเนี่ยจิงเสิน เหมือนกับเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูก รวมถึงหลงเสวี่ยจี้ที่มาจากมรกตท่องฟ้า
นอกจากนี้แล้ว หลี่จวินซิ่น เหอซีสิง ชิงซู่จื่อ รวมถึงพวกฟู่ถิงที่เกิดช้ากว่า ต่างเป็นผู้มีความสามารถที่โดดเด่น
ถ้าหากมองไปในอดีต ไป๋เทาประมุขหรดีและเลี่ยนจู่หลินประมุขพายัพในประมุขทั้งสิบ ล้วนเป็นบุคคลที่ผงาดขึ้นในไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมาเช่นกัน
ไม่กี่ร้อยปีมานี้ อัจฉริยะบนโลกซ้อนโลกยิ่งเกิดสภาวะน้ำพ่นจากบ่อ
เฉินเฉียนหัวกลายเป็นเซียนไม่จำเป็นต้องกล่าวมากความ เนี่ยจิงเสิน หลี่จวินซิ่น เหอซีสิงเลื่อนสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ขั้นประมุขในหมู่คนตามลำดับ
ถ้าหากบวกเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูก ต่อให้ประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิง จวงเซินประมุขทักษิณและนักพรตเทียนอี้ประมุขบูรพาเสียชีวิตหมดแล้ว โลกซ้อนโลกก็ปรากฏสภาพที่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุขมีเกินกว่าสิบคน
เทียบกับยอดฝีมือระดับเซียนแล้ว จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าจะเป็นอายุขัยหรือความสามารถในการรับความเสี่ยง ล้วนอ่อนด้อยกว่า
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการตายเพราะอายุขัยสิ้นสุดตามปกติ หรือการตายแบบไม่ปกติ หลายพันปีมานี้ ประมุขทั้งสิบบนโลกซ้อนโลกก็มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนคนมากมาย นอกจากประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงที่มั่นคงดุจขุนเขามาแต่แรก ตำแหน่งอื่นๆ ล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง
บุคคลจำนวนน้อยนิดที่มีพรสวรรค์ ความสามารถ และวาสนาล้ำเลิศ ผลักเปิดประตูเซียน ก้าวสู่ฟ้าดินแห่งใหม่
ทว่าคนส่วนใหญ่ ต่างหนีไม่พ้นสายลม มักถูกฝนกระหน่ำลมพัดใส่
คนที่อายุยืนเหมือนอย่างประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิง เป็นกรณีพิเศษที่มีน้อยนิด เนื่องจากสาเหตุทางด้านเงื่อนไขภายนอก และสาเหตุจากตัวเอง
เกาเสวี่ยโพที่อายุน้อยกว่าเขามากหล่อเลี้ยงกระบี่จนถึงปัจจุบัน ใกล้จะถึงขีดจำกัดอายุขัยของตัวเองแล้ว
เทียบกับคนธรรมดา อายุขัยของจอมยุทธ์ผู้เข้มแข้งจะต้องยาวนานมากอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ความชราก็ยังคงเป็นความน่าสะพรึงกลัวเหนือกว่าความตายอยู่ดี
ผู้ที่มีพลังเข้มแข็ง มีภูมิรู้กว้างขวาง สติปัญญาสูงส่ง ยังคงหลีกหนีวันที่ต้องแก่ตัวลงไม่พ้น
ขณะมองตัวเองค่อยๆ ชราภาพลงแต่กลับไร้เรี่ยวแรงขัดขืน กระบวนการที่ทำให้ผู้คนจนปัญญานี้ จึงทรมานจิตใจของผู้คนมากที่สุด
“ราชันพระเสาร์ความจริงก็ได้ย่างสู่วัยชราแล้ว แต่ครั้งนี้สำเร็จห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิดอีกขั้น เลื่อนสู่ระดับเซียนลี้ลับ อายุขัยเพิ่มขึ้นอย่างใหญ่หลวง”
พูดถึงคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้ เยี่ยนจ้าวเกอน้ำเสียงราบเรียบยิ่ง “ถึงอย่างไรก็เป็นผู้อาวุโสที่รอดจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่”
ในเก้านพเคราะห์คุนหลุนใหม่ เจี่ยงเซิ่งราชันพระเสาร์ เกาหานราชันพระอาทิตย์ หลิงชิงราชันพระจันทร์กับเจี่ยนซุ่นหวาราชันพระราหู ล้วนเป็นคนที่อยู่มาก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เป็นคนรุ่นก่อนที่โชคดีรอดจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
อีกห้าคนที่เหลือล้วนเป็นคนที่เกิดหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เทียบกับพวกเจี่ยงเซิ่นแล้ว นับเป็นคนรุ่นหลัง
คนที่โชคดีเอาชีวิตรอดจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ได้ ยังมีกษัตริย์เถาแห่งมรกตท่องฟ้า
“แต่การสำเร็จเป็นระดับเซียนลี้ลับของเขา กลับทำให้พวกเราลำบากแล้วขอรับคุณชาย” อาหู่แยกเขี้ยวยิงฟัน
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้ โลกใบนี้มิได้มีหลักการอนุญาตให้แค่พวกเราเดิน คนอื่นกลับได้แต่เดินอยู่ที่เดิม”
ขณะที่คุยสัพเพเหระกับพวกอาหู่กับเสี่ยวอ้าย เยี่ยนจ้าวเกอมือก็มิได้ผ่อนความเร็ว หลอมสร้างป้ายคำสั่งใบแล้วใบเล่า
รอจนทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็มอบป้ายคำสั่งแก่เสี่ยวอ้าย “รีบนำไปเปลี่ยน ทำให้เป็นธรรมชาติด้วย”
“นายน้อยโปรดวางใจ ข้าทราบว่าควรทำอย่างไร” เสี่ยวอ้ายรับป้ายคำสั่ง กล่าวอย่างมั่นใจ
เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ จากนั้นก็มองอาหู่ “เก็บกวาดที่นี่ ของสำคัญให้ส่งกลับเขากว่างเฉิงก่อน”
อาหู่ได้ยิน สีหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิม “ขอรับคุณชาย”
คำสั่งของเยี่ยนจ้าวเกอแสดงให้เห็นอย่างไม่ต้องสงสัยว่า ต่อจากนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ จำเป็นต้องเตรียมตัวสุดความสามารถ สะกดทัพรอคอย
หลังจากกำชับเสี่ยวอ้ายและอาหู่เสร็จ เยี่ยนจ้าวเกอก็ออกจากหุบเขาผีเสื้อมังกร มุ่งหน้าไปยังที่ไกล
เขาข้ามขุนเขาสูงใหญ่ในเทือกเขาคุนหลุน เคลื่อนที่ไปยังที่หมายถัดไป
หุบเขาเซียนเร้นกาย
ที่อยู่ของนิวาสสถานที่บำเพ็ญของหยางเซ่อกษัตริย์เร้นลับ
ในตอนที่เข้าใกล้หุบเขานั้น เยี่ยนจ้าวเกอทอดตาไป เห็นเจตจำนงกระบี่พุ่งสู่ท้องฟ้า
กษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยได้มาถึงก่อนก้าวหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็เข้าไปในหุบเขาเซียนเร้นกาย
ที่นี่ไม่อยู่ในสภาพถูกผนึกด้วยน้ำแข็งเหมือนในอดีตแล้ว
ในหุบเขาเดิมทีมีคนไม่มาก เวลานี้เหล่าเด็กรับใช้ต่างถูกไล่ไป
ก่อนเยี่ยนจ้าวเกอจะมาถึง ในหุบเขามีอยู่แค่สามคน
บุรุษหนุ่มอายุราวๆ ยี่สิบกว่าปีคนหนึ่ง ดวงตาโชกโชน สวมอาภรณ์สีฟ้า ด้านนอกมีลวดลายสีขาว ไว้ผมยาวสีขาว สยายปรกแผ่นหลัง
บุรุษวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าปีคนหนึ่ง องคาพยพธรรมดา รูปลักษณ์ธรรมดา สูงปานกลาง ไม่มีอะไรโดดเด่น
คนที่สามสวมมงกุฎยกสูงอาภรณ์โบราณ อายุราวๆ สี่สิบปีเหมือนกัน ใบหน้าเคร่งขรึม สายตาคมกริบ เหมือนยอดเขาโดดเดี่ยว
ถึงจะมีแค่สามคน กลับเหนือกว่าพันทหารหมื่นอาชา
สามกษัตริย์เซียนลี้ลับ ทั้งยังเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงเป็นพันปีตั้งแต่ประวัติศาสตร์ของโลกซ้อนโลกเคยมีมา
เฉินเสวียนจง กษัตริย์ดารา
หยางเซ่อ กษัตริย์เร้นลับ
เยว่เจิ้นเป่ย กษัตริย์กระบี่
พอสัมผัสได้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอมาถึง สายตาของสามกษัตริย์ก็มองมายังเขาพร้อมกัน
“ใต้เท้าสามท่าน ผู้เยาว์ขอคารวะแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าเยือกเย็น ทักทายคนทั้งสาย
หยางเซ่อกษัตริย์เร้นลับพิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอขึ้นลง จุ๊ปากถอนใจชมเชย “จุดลมปราณทั่วร่างกลับได้เห็นเทวะสำแดง จักรวาลในร่างสมบูรณ์ เลื่อนสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ขั้นประมุขในหมู่คนแล้ว?”
“ไม่ได้เจอกันนานเท่าไร? แม้จะเป็นคนที่มีควารู้จากชาติก่อน ก็ไม่มาถึงความสูงระดับนี้กระมัง?”
“ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่เป็นอย่างไรมิกล้าบอก หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ด้วยความเร็วในการพัฒนาของเจ้า เกรงว่าจะเป็นอันดับหนึ่ง คนของเส้นทางนอกรีตก็ยังสู้ความเร็วการเพิ่มระดับของเจ้าไม่ได้”
เยี่ยนจ้าวเกอพอฟังก็ยิ้มเล็กน้อย “ใต้เท้ากษัตริย์เร้นลับชมเกินไป ที่ข้ามาในวันนี้เพราะไม่อยากพลาดเหตุการณ์ใหญ่ ท่านยึดถือว่าข้าไม่อยู่เถอะ”
“เหตุการณ์ใหญ่…” หยางเซ่อกษัตริย์ดาราหันไปมองกษัตริย์ดาราเฉินเสวียนจง กล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ “ถูกต้อง วันนี้ต้องทำตามการท้าสู้ในวันนั้นของเราท่านกระมัง”
เฉินเสวียนจงสีหน้าเคร่งขรึม “เชิญ”
พร้อมกับคำพูดประโยคนี้ ฟ้าดินพลันเปลี่ยนเป็นหนางเยือกเสียดกระดูก
………………..