ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1282 เจ็ดกระบวนท่ากำหนดแพ้ชนะ
ชั่วพริบตานี้หยางเซ่อกษัตริย์เร้นลับมีความรู้สึกชาไปทั่งร่าง
ไม่เพียงแต่วายุเซียนจะโคจรไม่ราบรื่น แม้แต่ความคิดก็เหมือนกับกำลังจะหยุดนิ่ง
โชคดีที่หยางเซ่อกษัตริย์ดาราไม่ห่วงชนะแต่ห่วงแพ้ ได้คาดคิดไว้ถึงความเป็นไปได้ที่แช่แข็งสามฉื่อจะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บอย่างสาหัส หากตนฝืนรับไว้แล้ว
แม้จะอยู่ในสภาพที่จิตใจว่างเปล่า เหมือนกับไร้ความรู้สึก แต่ว่าของวิเศษชิ้นหนึ่งที่เตรียมไว้แต่แรกก็สำแดงฤทธิ์
แก่นเพลิงโหมลมสุริยะที่รุนแรงระเบิดออกมาจากในสมอง ทำให้จิตใจของเขาตื่นขึ้นจากสภาพถูกแช่แข็งในทันที
น้ำแข็งกับเพลิงผสมกัน กษัตริย์เร้นลับวิงเวียนศีรษะ รู้สึกว่าวิญญาณของตัวเองเหมือนถูกฉีกขาด
แต่ว่าเขาที่ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว แสงสว่างและความมืดทั่วร่างหายไป สะกดความเย็นเยียบที่บ้าคลั่งในร่างตัวเอง จากนั้นก็ถอยฉากออกไปอย่างรวดเร็ว
เจ็ดดาบผ่านไป ในร่องแยกกลางหน้าผากของกษัตริย์ดาราเฉินเสวียนจงพลันมีแสงมารสีฟ้าบัดเดี๋ยวสูญหายบัดเดี๋ยวปรากฎ
เฉินเสวียนจงฝืนสะกดจิตใจของตัวเอง แต่ยังคงเสริมไปอีกหนึ่งดาบ ฟันใส่หยางเซ่อกษัตริย์ดารา
ถึงจะไม่แข็งแกร่งเท่าเจ็ดดาบก่อนหน้า กลับรุนแรงไม่ธรรมดา
ถ้าหากว่าหยางเซ่ออยู่ในสภาพถูกแช่แข็ง ยากจะต้านทานดาบนี้
กระนั้นในตอนนี้เขาฟื้นสติ แก้ไขอาการอัมพาตของตัวเองทันเวลา ถอยไปด้านหลังอย่างไม่ลังเล ในที่สุดก็หลบพ้นดาบของเฉินเสวียนจงอย่างหวุดหวิด
ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ อาการบาดเจ็บบนร่างของหยางเซ่อในตอนนี้ ร้ายแรงว่าที่เขาคาดไว้จม
แม้ว่าเฉินเสวียนจงร่างกายจะมีปัญหา กลับแข็งแกร่งกว่าเขา
สงครามนี้แบ่งผลแพ้ชนะได้แล้ว
กษัตริย์ดาราเฉินเสวียนจงชนะ!
“ถูกแช่งแข็งพันปี สู้กับมารน้ำกุ่ยอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ไม่ใช่ต่อสู้เข่นฆ่ากับคนจริงๆ กลับทำให้คมดาบของท่านคมกล้ากว่าเดิม” ร่างเซียนลี้ลับของหยางเซ่อ ไม่ใช่ร่างเลือดเนื้อของมนุษย์มานานแล้ว
ทว่าในตอนนี้ สีผิวซีดขาวถึงขีดสุด เหมือนกับคลุมทับด้วยน้ำค้างแข็งชั้นหนึ่ง
เขามองเฉินเสวียนจง ถอนใจยืดยาว
เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ด้านข้างตาเป็นประกาย พยักหน้าติดต่อกัน รู้สึกว่าไม่ได้มาเสียเที่ยว
เฉินเสวียนจงราชันพระพุทธหยางเซ่อราชันพระเกตุ ถูกจัดอยู่ในเก้านพเคราะห์คุนหลุนใหม่เหมือนกัน ล้วนเป็นอัจฉริยะแห่งยุคอดีต และผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานแห่งยุคปัจจุบัน
แม้ว่าจะเป็นยุคก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ กษัตริย์เซียนพิศวงที่มีระดับเท่าพวกเขาก็หายากถึงขีดสุด
ยิ่งอย่าว่าแต่ การสู้กันระหว่างสองกษัตริย์ระดับนี้หายากกว่า
ถึงแม้ว่าเวลาต่อสู้จะไม่ยาวนาน ตัดสินผลแพ้ชนะในสิบกระบวนท่า แต่สองฝ่ายใช้พลังเต็มที่ อันตรายในนี้เหนือกว่าจินตนาการของคนอื่น
“ใต้เท้ากษัตริย์เร้นลับดูออกว่าใต้เท้ากษัตริย์ดาราไม่อาจอดทนสู้ได้นานเพราะเรื่องตรามาร ต้องการเผด็จศึก ดังนั้นเดิมทีจึงไม่คิดสู้กับใต้เท้ากษัตริย์ดาราตรงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอจุ๊ปากถอนใจชมเชย “การโจมตีอันแข็งแกร่งของเขาในตอนแรกเป็นความจงใจ”
เยว่เจิ้นเป่ยกษัตริย์ดาราที่อยู่ด้านข้างเอ่ย “มิผิด ประการแรกชิงสะกดก่อนแต่ไม่ถึงกับกดดันโดยสมบูรณ์ ประการสองกดดันสภาวะสั่งสมของใต้เท้ากษัตริย์ดารา ทำให้เปลี่ยนเป็นเร่งรีบ”
ประสบการณ์ที่แสดงออกมาในการต่อสู้ครั้งนี้ก็ไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ดาราเฉินเสวียนจง หรือหยางเซ่อกษัตริย์เร้นลับ ความจริงเดิมทีเป็นคนที่ถนัดการต่อสู้ถ่วงเวลามากที่สุด
ไม่ใช่พวกเขามีพลังยิ่งใหญ่ ไม่มีสิ้นสุด แต่เป็นเพราะพวกเขาสองคนล้วนเป็นประเภทยิ่งสู้ยิ่งเข้มแข็ง
ตรงกันข้าม คู่ต่อสู้ที่สู้กับพวกเขา กลับอาจยิ่งสู้ยิ่งอ่อนแอ
เฉินเสวียนจงใช้วรยุทธ์กับผู้คน ความจริงเครื่องร้อนช้า
มิได้หมายถึงเขาไม่แข็งแกร่งแต่แรก ทว่าปราณความเย็นของเขาเมื่อแผ่พุ่งอย่างต่อเนื่อง จะยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง จนกระทั่งพุ่งสู่ระดับสูงสุดในตอนสุดท้าย ค่อยอยู่ในสภาพที่แข็งแกร่งที่สุดของตนเอง
คู่ต่อสู้ของเขากลับเป็นเพราะความเย็นกัดกร่อนและการสั่งสมย่างต่อเนื่อง ต่อให้ไม่ถูกวิชาแช่แข็งสามฉื่อระเบิด แต่ก็ได้รับผลกระทบ ดังนั้นจึงยิ่งมายิ่งอ่อนแอ ยากจะใช้พลังของตัวเองออกมาได้หมดเหมือนยามปกติ
ท่วงทำนองของหยางเซ่อคล้ายกับเฉินเสวียนจง
ด้านหนึ่ง เหมือนกับวิชากลืนกินในสิบสองวิชาประกายกาฬ อาคมพระเกตุของหยางเซ่อกษัตริย์เร้นลับเมื่อถูกใช้ พลังกัดกร่อนจะดูดซับกลืนกินพลังของคู่ต่อสู้ เพิ่มพลังให้แก่หยางเซ่ออย่างต่อเนื่องในระยะเวลาอันสั้น
อีกด้านหนึ่ง หยางเซ่อเวลาลงมือกับคน นอกจากฝ่ามือบดบังฟ้า อาคมพระเกตุ ยังมีหมอกมัวกร่อนวิญญาณ
ก่อนหน้านี้เจตจำนงดาบความเย็นของเฉินเวียนจงได้รับการกัดกินจากพลังกัดกร่อนของหยางเซ่ออย่างต่อเนื่อง
เมื่อได้รับผลกระทบนี้ ร่างกายของเฉินเสวียนจงก็ถูกกัดกร่อนอย่างเชื่องช้า
ยิ่งเวลาผ่านไป ร่างกายและจิตวิญญาณของเขาจะยิ่งมายิ่งอ่อนแอ
ดังนั้น คนที่ต่อสู้กับหยางเซ่อกษัตริย์เร้นลับ จึงยิ่งสู้ยิ่งอ่อนแอ ถึงขั้นที่แพ้โดยไม่เข้าใจ
คู่ต่อสู้ที่มีท่วงทำนองคล้ายกัน แต่กลับมีพลังสูสีกันสองคน ในสถานการณ์ปกติ พวกเขาสองคนเมื่อปะทะกัน นอกจากว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแสดงข้อผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงให้เห็น ไม่อย่างนั้นเกรงว่าคงต้องสู้กันตราบฟ้าดินสลาย ดูว่าใครจะอดตายก่อน
ทว่าเฉินเสวียนจงมีภัยแฝงเร้นเป็นตรามารติดตัว ภายใต้การต่อสู้ถ่วงเวลา ผนึกจะเกิดความผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีต่อสู้ที่แตกต่างไปจากท่วงทำนองในอดีตของตนเอง
รีบเผด็จศึก เจ็ดกระบวนท่ากำหนดผลแพ้ชนะ ไม่ใช่ชนะก็คือแพ้
ถ้าหากกษัตริย์เร้นลับรับเจ็ดดาบนี้โดยไม่พ่ายแพ้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องสู้ต่อ หากสู้ต่อไป คนที่จะได้ประโยชน์ก็คือมารน้ำกุ่ย เมื่อต้องแบ่งสมาธิไปสะกดมาร เขาจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน
หยางเซ่อกษัตริย์ดาราเข้าใจถึงเรื่องนี้เช่นกัน
เขาย่อมไม่คิดจะหักหาญกับเฉินเสวียนจงซึ่งหน้า หากถ่วงเวลาได้ก็จะชนะ
แต่ถ้าจะถ่วงเวลาก็ต้องให้ความสำคัญกับกลยุทธ์
หากเริ่มมายอมถูกทุบตี ประสานมือหลีกทางให้ทุกอย่าง เช่นนั้นผลลัพธ์เกรงว่าต่อให้คิดถ่วงเวลาก็ทำไม่ได้ ได้แต่ถูกเฉสวียนจงสะกดในชั่วพริบตา สุดท้ายก็จะพ่ายแพ้
หยางเซ่อมีชื่อเสียงมาหลายปี ในชีวิตผ่านสงครามน้อยใหญ่มานับครั้งไม่ถ้วน ย่อมทราบว่าการป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการโจมตี
ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนจากผู้มาเยือนเป็นเจ้าภาพ ช่วงชิงโอกาสโจมตีแต่แรก มิหนำซ้ำยังลงมือสุดกำลังด้วยฝ่ามือบดบังฟ้า เกรี้ยวกราดสุดเปรียบปาน
นี่ไม่เพียงแต่เป็นการชิงโอกาสก่อน ในขณะเดียวกันก็รบกวนทำลายจังหวะสั่งสมสภาวะของเฉินเสวียนจง ไม่ถึงกับทำให้อีกฝ่ายส่งสภาวะได้ติดต่อกันหลายกระบวนท่า จนสุดท้ายอยู่ในระดับสุงสุดมิอาจต้านทาน
การต่อสู้กันก่อนหน้านี้ เป็นไปตามที่หยางเซ่อคาดไว้ทุกประการ
กระนั้นความแข็งแกร่งในเจตจำนงดาบของเฉินเสวียนจง ถึงกับเหนือกว่าขั้นหนึ่ง เกินกว่าความคาดหมายของหยางเซ่อ ลูกคิดที่ดีดไว้ไม่เป็นผล ล้มเหลวกลางคัน
หยางเซ่อสามารถรับการโจมตีสุดกำลังจากสะบั้นคลื่นเย็นเยือกยาวสองฉื่อ แต่ว่าหลังจากเฉินเสวียนจงหักดาบทิ้งอีกหนึ่งฉื่อ ในที่สุดก็ทำลายการป้องกันของหยางเซ่อได้
ดังนั้น สงครามนี้ พระพุธจึงชนะพระเกตุ!
“แต่ถ้าไม่ใช่จงใจอำพราง ดูจากการต่อสู้นี้ กษัตริย์เร้นลับกลับไม่เหมือนฝึกคัมภีร์เกิดนภา” เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายนึกอันใดออก
หยางเซ่อกษัตริย์เร้นลับกวาดมองเฉินเสวียนจง เยว่เจิ้นเป่ย เยี่ยนจ้าวเกอ มองเฉินเสวียนจงกับเยว่เจิ้นเป่ยกลับไปกลับมา สุดท้ายถอนใจกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พอแล้ว ชนะแพ้สุดท้ายผลลัพธ์ก็เหมือนกัน”
เขาชนะเฉินเสวียนจง ก็แค่ผลแพ้ชนะส่วนตัว
กษัตริย์กระบี่กลับโลกซ้อนโลกก่อนราชันพระเสาร์ ก่อนที่อดีตกษัตริย์ดินจะกลับมา หยางเซ่อย่อมิอาจรักษาความมั่นคงดุจขุนเขาได้ต่อ
เขาส่ายหน้า เหาะร่างไปด้านหลัง หนีเข้าไปในความว่างเปล่า จากนั้นก็หายไป
กษัตริย์ดาราและกษัตริย์กระบี่ต่างขมวดคิ้ว
แต่ไม่รอให้เขาเคลื่อนไหว เห็นในโลกซ้อนโลกที่อยู่ไกลออกไป พลันมีแสงวิเศษพุ่งออกมา กวนคนความว่างเปล่าในจักรวาลบริเวณนี้
อาศัยสิ่งนี้ปิดบัง ร่างของกษัตริย์เร้นลับหายไปอย่างรวดเร็ว
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น กลับมิได้สนใจตำแหน่งของกษัตริย์เร้นลับ มองไปยังโลกซ้อนโลก
“นั่นเป็นอะไร?”
………………..