ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1286 ช่องโหว่บนกฎเกณฑ์
หยางเซ่อกษัตริย์เร้นลับจากไป พวกเยี่ยนจ้าวเกอกลับโลกซ้อนโลก
ก่อนที่เจี่ยงเซิ่งราชันพระเสาร์กับกษัตริย์เร้นลบจะจับมือกันกลับมา โดยทฤษฎีแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอสามารถทำอะไรบนโลกซ้อนโลกก็ได้
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอก็มิได้มีเวลาว่างเช่นนั้น
ปัจจุบันไม่ใช่เวลาเก็บอาวุธเข้าโกดัง ปล่อยม้าเล็มหญ้าใต้เขา
ในทางตรงกันข้าม มรสุมกำลังจะมาเยือน เป็นค่ำคืนก่อนที่พายุจะมา
จักรพรรดิเอกภพมิได้กลับเขาอนัตตา เฉินคุนหัวคุณชายดินที่กลับยอดเขากานหวาอย่างไร้สุ้มเสียง จากไปในทันที
หลางชิงประมุขประจิมยิ่งออกไปซ่อนตัว ผละจากโลกซ้อนโลก
มีแต่จักรพรรดิสรรพสิ่งไร้จำกัดลี่จวิน พยายามเป็นครั้งสุดท้าย มาพบกษัตริย์ดาราและกษัตริย์กระบี่ สุดท้ายก็จากไปด้วยความกังวล
ระหว่างยอดฝีมือระดับสูงบนโลกซ้อนโลกมีการติดต่อข่าวสารกัน บรรยากาศกดดันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
จอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับกลางถึงต่ำ มิได้มีบรรยากาศหนักอึ้งขนาดนั้น เรื่องที่ทุกคนสนใจมากกว่า กลับเป็นช่วงนี้ตึกความลับฟ้าเคลื่อนไหวมากมาย เผยให้เห็นถึงเรื่องใหญ่อย่างหนึ่ง
ในระหว่างที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้เนื้อรู้ตัว เยี่ยนจ้าวเกอได้ร่วมมือกับเสวี่ยชูชิงผู้เป็นมารดาเดินทางข้ามขุนเขาและธารน้ำ สลักรอยตราไร้รูปร่าง ค่อยๆ ดำเนินแผนการของตนเองทีละก้าวๆ
“คุณชาย จักรพรรดิอาทิตย์เทียนไขตายด้วยมือท่านหรือ?” อาหู่ทางหนึ่งบดชาดแดงให้เยี่ยนจ้าวเกอ ทางหนึ่งถามด้วยความสนใจ
“หากกล่าวให้ถูกต้อง เขาถูกข้าสะกดไว้ จากนั้นก็ตายด้วยคมทวนของผู้อาวุโสทวนพระอังคาร” เยี่ยนจ้าวเกอถือพู่กันอาคมในมือ ปลายพู่กันเป็นสีชาด จากนั้นก็เขียนอักขระอาคมลงบนกระดาษยันต์สีเหลืองใบหนึ่ง เขียนไปพลางตอบไปพลาง
“จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำก็เหมือนกัน” เยี่ยนจ้าวเกอเขียนอักขระอาคมสายแล้วสายเล่า “คู่ต่อสู้นอกจากโลกซ้อนโลกอีกหกคน ถึงจะเป็นจักรพรรดิเซียนจริงแท้เหมือนกัน แต่พลังค่อนข้างอ่อนด้อย กล่าวได้ว่าตายด้วยมือข้า”
หลังจากตั้งใจหลีกเลี่ยงชื่อของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณและสถานการณ์อย่างละเอียดของโถงเซียน เรื่องราวรวบรัดส่วนหนึ่งยังสามารถบอกกล่าวกับคนในเขากว่างเฉิงอย่างคร่าวๆ ได้ ให้พวกเขาทราบเรื่องราวโดยสังเขป รู้ว่าศัตรูอาจจะอยู่ในระดับไหน
“ข้าจับกุมพวกเขา จากนั้นก็ใช้การการจู่โจมของพวกเขาแต่ละคน แทงหอกใส่โล่ฝ่ายเดียวกัน ให้พวกเขาประหัตประหารกันเอง” เยี่ยนจ้าวเกอตวัดพูดกันครั้งสุดท้าย หลังจากพิจารณาขึ้นลง ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “อืม กล่าวให้ถูกต้อง ยังคงมิอาจนับว่าข้าสังหารด้วยมือตัวเองกระมัง?”
อาหู่ถอนใจอย่างเสียดาย “นั่นน่าเสียดายไปแล้ว คุณชาย โลกใบนี้ยังไม่เคยมีใครใช้มือเปล่าหมัดเปลือยสังหารเซียนด้วยระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ได้สักคน”
“ถูกต้อง…” เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองฟ้า หลังจากเหม่อลอยเล็กน้อย ก็ยิ้มอย่างผ่อนคลาย “แต่ว่าก็ใช่ว่าไม่มีความเป็นไปได้โดยสิ้นเชิง”
อาหู่ตาเป็นประกาย “คุณชาย?”
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง ทางหนึ่งใคร่ครวญ ทางหนึ่งกล่าว “กฎเกณฑ์มหามรรคาฟ้าดิน เป็นกฎโดยสมบูรณ์ มิอาจหลุดพ้น จะต้องทำตามกฎเกณฑ์นี้”
“กฎเกณฑ์คงอยู่ตลอดเวลา ทุกคนจะต้องทำตาม กระนั้นก็มีโอกาสเจาะช่องโหว่บนกฎดู”
“ตอนนี้ยังเป็นแค่แนวคิด จะสำเร็จหรือไม่ ต้องทดลองดูก่อนถึงจะทราบ”
เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งพูด ทางหนึ่งเซ่นยันต์กระดาษที่เต็มไปด้วยลวดลายสีแดงชาด
ยันต์กระดาษลุกไหม้ด้วยตัวเอง กลายเป็นควันสีเขียว วนเวียนอยู่กลางอากศ จากนั้นก็ไหลเข้าไปในพื้นดินของโลกซ้อนโลกด้านล่าง ไม่เห็นร่องรอยอีก
“แต่จำเป็นต้องให้ข้ารวบรวมหกคัมภีร์หลังกำเนิดสายหยกพิสุทธิ์ได้ครบเสียก่อน ตอนแรกเตรียมจะไปบุกเขาลี่หนงที่เขตหยวนเทียนตะวันตกกับยอดเขากานหวาในเขาคุนหลุนที่เขตจวินเทียนศูนย์กลาง แต่ตอนนี้ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นอีกแล้ว ใต้เท้ากษัตริย์ดารากับราชันพระอังคารรวบรวมได้ครบแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอพูดพลางออกเดินทาง มุ่งหน้าไปยังที่หมาย
อาหู่ติดตามอยู่ด้านหลัง “คุณชาย ข้ารู้สึกว่า ท่านไปบุกเขาลี่หนงกับยอดเขากานหวากลับมิได้ยุ่งยากอันใด”
“หากจะไปย่อมไม่ยุ่งยาก แต่ว่าหลางประจิมกับเฉินเฉียนหัวจากไปนานแล้ว ย่อมเอาของที่มีค่าไปด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “เปลืองเวลาไปหาพวกเขา ออกจะไม่คุ้มค่า มีเรื่องสำคัญยิ่งกว่าต้องกระทำ”
สามารถหัวเราะถึงตอนสุดท้ายได้ ค่อยหัวเราะได้เริงร่าที่สุด
ตอนนี้ถึงแม้จะทำอะไรได้ตามต้องการบนโลกซ้อนโลก แต่ว่าสองฝ่ายมิได้ตัดสินผลแพ้ชนะกันจริงๆ
ข้อความบนยันต์ที่เขียนด้วยสีชาดของเยี่ยนจ้าวเกอ กระจายไปทั่วทั้งโลกซ้อนโลก
การกระทำของเขาประสานกับการวางค่ายกลเส้นรุ้งจตุรัสของเสวี่ยชูชิง ทั้งจริงทั้งลวง ไม่กลัวว่าจะถูกคนมองแผนการออกผ่านร่องรอย
หลังจากได้เขียนและสลักอักขระอาคมอย่างไร้รูปร่างในแต่ละสถานที่ เยี่ยนจ้าวเกอก็ได้รับข่าวหนึ่ง
ราชันพระอังคารสั่วหมิงจางกลับมาแล้ว
หลังจากรวมตัวกับเสวี่ยชูชิง เยี่ยนจ้าวเกอก็ถาม “ท่านจะไปด้วยหรือไม่?”
“ย่อมต้องไป” เสวี่ยชูชิงถอนใจยืดยาว “ต้นไม้ผมขาวที่เกิดจากบูรพาจารย์ ไม่ใช่มากับราชันพระอังคาหรรือ?”
ราชันพระอังคารกลับโลกซ้อนโลก หลังจากผ่านไปหลายพันปี
เยี่ยนจ้าวเกอสองแม่ลูกมาถึงเขาคุนหลุน เห็นบุรุษหนุ่มผมสั้นเตียนผู้หนึ่งยืนสงบนิ่งกลางอากาศบนขุนเขา ก้มหน้ามองด้านล่างอย่างเงียบๆ
ด้านข้างบุรุษผมสั้นยืนไว้ด้วยคนสองคน เป็นกษัตริย์ดารากับกษัตริย์กระบี่
“ผู้อาวุโสสั่ว ใต้เท้ากษัตริย์ดารา อาจารย์ลุงเยว่” พวกเยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปคำนับพวกเขา
กษัตริย์ดารากับกษัตริย์กระบี่พยักหน้าเล็กน้อย สั่วหมิงจางหันมามอง “สหายน้อยสองคนไม่ต้องมากมารยาท”
เขาสีหน้าราบเรียบ กลิ่นอายสงบนิ่ง ไม่เห็นสภาวะสะท้านฟ้าสะเทือนดินที่มิอาจต้านทาน เหมือนกับเทพมารจุติในตอนที่ต่อสู้ที่ตำหนักโอสถในมิติต่างแดนเมื่อครั้งนั้น
“ไม่ทราบปีศาจกวางขาวเป็นอย่างไรแล้ว?” หลังจากทักทาย เยี่ยนจ้าวเกอก็ถามด้วยความสงสัย
สั่วหมิงจางว่า “เขาอาศัยไม้เท้าของเทพโซ่วซิงต้านทานการโจมตีของข้า จากนั้นก็หนีไป”
เขามิได้เล่ารายละเอียด เปลี่ยนเป็นพูดว่า “กลับเป็นเส้นทางนอกรีต ภายหลังมีคนมาไม่น้อย ถูกข้าสลัดหลุด ไม่ยอมเลิกราแน่นอน อีกเดี๋ยวอาจจะมาจักรวาลนำนักเต๋า บุกโลกซ้อนโลก”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเล็กน้อย
สถานการณ์ในปัจจุบันใหญ่โตขึ้นจนอยู่ในขั้นที่ไม่มีใครสามารถควบคุมได้อีกแล้ว จักรวาลสำนักเต๋าทั้งจักรวาลกำลังเผชิญกับภัยพิบัติ
ภัยพิบัติจะเล็กหรือจะใหญ่ จะแก้ไขอย่างไร จะมีผลลัพธ์อย่างไร ยากจะคาดเดา
“หลังจากจัดการปัญหาที่เจี่ยงเซิ่นอาจจะนำมาให้พวกเจ้าเสร็จ ข้าจะจากไปเอง” สั่วหมิงจางมองฟ้าดินที่กว้างใหญ่ของโลกซ้อนโลกตรงหน้า เอ่ยว่า “แต่ว่าตอนนั้นบางทีเส้นทางนอกรีตอาจจะทิ้งคนส่วนหนึ่งไว้เล่นงานพวกเจ้าต่อ”
กษัตริย์กระบี่กับกษัตริย์ดาราสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เยี่ยนจ้าวเกอพูดขึ้น “มีแผนการรับมือบางอย่าง เพียงแต่ไม่ทราบว่าจะทันกาลหรือไม่”
สั่วหมิงจางพยักหน้า จากนั้นก็พูดว่า “ข้าคิดจะพาจวินหวงไปดูตำหนักโอสถ”
“โปรดตามข้ามา” เยี่ยนจ้าวเกอพาเสวี่ยชูชิงเหาะขึ้นด้านบน ทะลวงเขตแดนฟ้าดิน มาถึงกลางความว่างเปล่านอกโลกซ้อนโลก
ราชันพระอังคารสั่วหมิงจางกับเฉินเสวียนจงราชันพระพุทธติดตามไปติดๆ เย่วเจิ้นเป่ยกษัตริย์ดาราก่อนหน้าเคยไปตำหนักโอสถมาแล้ว ตอนนี้อยู่เฝ้าโลกซ้อนโลก
ตำหนักหยกขาวที่เหมือนกับวังเทพบนสวรรค์ ภายใต้การขับเน้นของแสงสีทองเมฆสีม่วง ปรากฏรูปร่างกลางความว่างเปล่า
ประตูตำหนักเปิดออก ทุกคนเข้าไปด้านใน
สั่วหมิงจางสำรวจนอกในตำหนักใหญ่ เหม่อลอยเล็กน้อย
“จวินหวง พวกเรามาถึงแล้ว”
เขาแบมือเบาๆ แสงสว่างสาดออกมาจากใจกลางฝ่ามือ ต้นไม้วิญญาณต้นหนึ่งงอกออกมา ขยายใหญ่ตามลม กลายเป็นต้นไม้ยักษ์สูงเสียดฟ้าในชั่วพริบตา
ต้นไม้วิญญาณสูงใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางตำหนักโอสถ กิ่งใบขาวแกมเขียวส่ายไหว ดอกสีขาวมากมายบานสะพรั่ง สั่นไหวโดยไร้ลม ในตำหนักเหมือนกับมีเสียงกระดิ่งลมดังขึ้น
………………..