ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1289 เสียชีวิตอย่างไร้สุ้มไร้เสียง
ในขณะที่สนทนากันอยู่ ประมุขอุดรก็คำนวณรากฐานของผู้มาเงียบๆ
ระดับพลังฝึกปรือก่อนที่จะหายไปของเฟิงอวิ๋นเซิงค่อนข้างต่ำ ประมุขอุดรคิดจะคาดคำนวณนาง ไม่ใช่เรื่องยาก
แต่พอคิดถึงความเกี่ยวพันของเจี่ยนซุ่นหวาราชันพระราหู ครั้งนี้การคำนวณใช่ว่าจะถูกต้องแม่นยำ
ขณะเดียวกัน หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอกับจักรพรรดิไร้จำกัดกลับโลกซ้อนโลก เคยบอกกับประมุขอุดรว่า ขณะที่เจี่ยนซุ่นหวาคิดจะอาศัยเฟิงอวิ๋นเซิงคืนชีพ ยังคิดลอบเล่นงานจอมมารในนพยมโลก หมายฉวยโอกาสชิงอำนาจบารมีของจอมมาร
ถ้าหากเจี่ยนซุ่นหวาอาศัยเฟิงอวิ๋นเซิงคืนชีพ เช่นนั้นความจริงนางต้องเริ่มก้าวเดินจากระดับพลังฝึกปรือของเฟิงอวิ๋นเซิง
ถึงแม้จะเป็นเกรียนเบาชำนาญทาง มีความเร็วในการเพิ่มระดับสูงถึงขีดสุด แต่สุดท้ายก็จำเป็นต้องใช้เวลาสั่งสมเคี่ยวกรำ
แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับจอมมารระดับสุดยอดในนพยมโลก เช่นนั้นสถานการณ์ก็ยากจะบอกแล้ว
เทพมารกรอกศีรษะ กล่าวได้ว่าเป็นวิธีการที่ทำให้คนเพิ่มระดับได้มีประสิทธิภาพเร็วที่สุดในระยะเวลาอันสั้น ถึงขั้นที่เหนือกว่าพิธีเจ็ดแก่นโคจร หรือวิชามหาวิญญาณรวมกำเนิด
เป็นเพราะในมุมหนึ่งแล้ว นั่นความจริงไม่ใช่วิชาที่ช่วยคนฝึกฝน แต่เป็นวิชาคืนชีพของจอมมมารในนพยมโลก
วิชาที่ทำให้จอมมารระดับสูงสุดซึ่งดับสูญเกิดขึ้นมาใหม่
คืนชีพ ไม่ใช่การกลับชาติมาเกิด
ดังนั้นหลังจากที่ผ่านช่วงอ่อนแอและช่วงเติบโตชั่วคราวได้แล้ว จะกลับคืนสู่ช่วงเวลารุ่งโรจน์ในอดีตได้อย่างรวดเร็ว
หากเป็นมนุษย์ อย่าว่าแต่เดินหนึ่งพันลี้ในหนึ่งวัน ต่อให้ก้าวเดินหมื่นลี้ในหนึ่งวันก็มิอาจบรรยายถึงความเร็วในการเพิ่มระดับได้
ในอดีตมารทองแกใช้เปลือกร่างของโอวหยางสือ กลายเป็นมารกระบี่คืนชีพขึ้นใหม่ มารน้ำกุ่ยใช้เปลือร่างของฉู่หวน กลายเป็นมารน้ำแข็งคืนชีพขึ้นใหม่ ล้วนถูกเยี่ยนซิงถางและเฉินเสวียนจงฆ่าตายทั้งๆ ที่เพิ่งคืนชีพได้ไม่นาน
จอมมารสองตนยังอยู่ในช่วงอ่อนแอของตัวเอง ถึงแม้จะเริ่มทวีพลังมากขึ้น แต่ก็ขาดช่วงเวลาที่สำคัญเพียงนิดเดียว เป็นเหตุให้ดับสูญอีกครั้ง
ความจริงขอแค่มอบเวลาแก่พวกเขาอย่างเพียงพอ พวกเขาก็สามารถพัฒนาและกลับคืนสู่ระดับสูงสุดได้อย่างรวดเร็ว
ประมุขอุดรเห็นด้วยกับความคิดหนึ่งของเยี่ยนจ้าวเกอยิ่ง
คนที่จิตใจทะเยอะทะยานอย่างเจี่ยนซุ่นหวาราชันพระราหู วาสนาที่นางต้องการจะต้องสุดที่จอมมารทั่วไปจะเทียบเคียงได้แน่
ด้วยระดับพลังฝึกปรือของเซียนลี้ลับสงบนิ่งในตอนนั้นของเจี่ยนซุ่นหวา เกรงว่าจะเป็นเป้าหมายที่อย่างน้อยก็เทียบได้กับระดับจ้าวสวรรค์สำนักเต๋า จึงค่อยต้องตานาง
ถึงขั้นที่อาจสูงกว่านี้!
ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าหากนางทำสำเร็จ เช่นนั้นสุดท้ายนางจะมีพลังเพิ่มขึ้นมหาศาลผ่านวิชาเทพมารกรอกศีรษะ แต่มิได้ร่วงหล่นเป็นมาร
เมื่อเป็นแบบนี้ พลังฝึกปรือของเฟิงอวิ๋นเซิงหรือว่าเจี่ยนซุ่นหวาในปัจจุบันยากจะบอกกล่าวแล้ว
ในทางกลับกัน ถ้าพวกนางร่วงหล่นเป็นมาร ในด้านการเพิ่มขึ้นของพลัง ความจริงมีผลลัพธ์อย่างเดียวกัน
อย่างน้อย ตอนนี้ประมุขอุดรก็รู้สึกได้ว่า ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่มีเจตนาร้าย แต่ว่าพลังกลับเหี้ยมหาญสุดขีด อย่างน้อยก็ได้ผลักเปิดประตูเซียนแล้ว!
ถ้าไม่ใช่เพราะพลังเขตแดนของโลกซ้อนโลกสร้างผนึกต้านมารร้ายจากนพยมโลก อาศัยเขาประมุขอุดรเพียงคนเดียว มิอาจปฏิเสธอีกฝ่ายให้อยู่นอกประตูได้
‘ระดับพลังฝึกปรือสูงยิ่ง มองไม่ชัด ดูไม่ออก แต่ยังดีที่ยังคงมองดูอดีตได้เล็กน้อย นางมิได้ตั้งใจปิดบังลิขิตของตัวเอง…’ ประมุขอุดรอนุมานอย่างรวดเร็ว
เมื่อเป็นแบบนี้ อย่างน้อยสมควรไม่ใช่จอมมารนพยมโลกจำแลงกาย
พลังเขตแดนที่ส่งผลต่อมารแห่งนพยมโลกของเขตเสวียนเทียนทิศเหนือในโลกซ้อนโลก ไม่ได้ปฏิเสธอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ถือว่าพสูจน์ถึงเรื่องนี้
ตอนนี้สิ่งที่จำเป็นต้องกังวล ก็คือเป็นราชันพระราหูเล่นงานจอมมาร หรือถูกอีกฝ่ายโต้กลับ
นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องระวังว่า ด้านหลังมีมารร้ายซุ่มอยู่ หมายจะฉวยโอกาสที่เฟิงอวิ๋นเซิงขอให้เปิด ‘ประตู’ บุกเข้ามาหรือไม่
ดังนั้นประมุขอุดรยังคงระวังตัว มิได้เปิดข่ายอาคม
อย่างน้อย รอกษัตริย์กระบี่ กษัตริย์ดารา หรือเยี่ยนจ้าวเกอมาที่นี่ ความเสี่ยงจะลดน้อยลงมาก
ถึงแม้ว่าไม่เข้าร่วมมรสุมบนโลกซ้อนโลกในตอนนี้ แต่ประมุขอุดรก็ยังเข้าใจสถานการณ์ที่ความปั่นป่วนกำลังจะมาเป็นอย่างดี
เวลาแบบนี้ถูกคนฉวยโอกาสในตอนที่วุ่นวายเอาเปรียบได้ง่ายกว่าเดิม
ตอนที่สัมผัสได้ถึงสภาพผิดปกติเมื่อครู่ เขาก็บีบยันต์หยกจนแหลก ติดต่อกับกษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยในทันที อีกเดี๋ยวคงมาถึง
“คนในสำนักเจ้าถ้าทราบว่าเจ้ากลับมา จะต้องยินดีแน่ ข้าจะแจ้งข่าวดีนี้แก่พวกเขา” ประมุขอุดรว่า
“เช่นนี้เอง ขอบคุณผู้อาวุโส” เสียงของสตรีมีความนบน้อม
ประมุขอุดรกลับขนลุกชูชันขึ้นในชั่วพริบตา!
เป็นเพราะเสียงนี้ดังขึ้นด้านหลังเขา!
ในขณะเดียวกัน ประมุขอุดรก็พบว่า ร่างกายของเขามิอาจขยับได้
สตรีนางหนึ่งยืนอยู่ด้านหลัง เท้าเหยียบอยู่บนเงาของเขา
สตรีนางนี้หน้าตาเหมือนกับเฟิงอวิ๋นเซิง
นางกวาดมองฟ้าน้ำแข็งดินหิมะรอบๆ “นี่คือโลกที่โกวเฉินควบคุมอยู่หลังม่านหรือ? เป็นสถานที่ที่ไม่เลว อยากจะยึดครองที่นี่จริงๆ”
นางยิ้มเล็กน้อย “เด็กน้อยที่ออกมาจากที่นี่โดดเด่นยิ่ง แต่ยังถูกข้าจับไต๋ได้ อาศัยกลไกของนาง กลับทำให้ข้าเข้ามาในโลกใบนี้ของพวกเจ้าอย่างไร้สุ้มไร้เสียงได้”
ถึงแม้จะสามารถใช้ได้แค่คนเดียวก็ตาม
“กระนั้นที่ได้ดีเพราะปัจจุบันพวกโกวเฉินกำลังสะกดกันเอง ไม่มีสมาธิมาระวังข้า”
ประมุขอุดรจิตใจเย็นเยียบ
เขาฟังออกจากเสียงของอีกฝ่ายว่า นี่ไม่ใช่เฟิงอวิ๋นเซิง หรือเจี่ยนซุ่นหวาราชันพระราหู
นี่เป็นจอมมารระดับสูงสุดในนพยมโลก มารโบราณ!
“เด็กน้อยนั้นเอาแต่คิดว่าจะกลับมาที่นี่ เช่นนั้นข้าจะรอนางส่งตัวเองเข้าตาข่ายอยู่ที่นี่” นางมาถึงด้านหน้าประมุขอุดร
เงาด้านหลังชายชรา ตอนนี้ถึงกับทรยศกฎเกณฑ์ทางธรรมชาติ เลี้ยวตามฝีเท้าของสตรีนางนั้นครึ่งวง มาถึงด้านหน้าชายชรา
“ถ้าหากก่อความวุ่นวายใหญ่เกินไป ก็ยากจะไม่สะกิดความสนใจของพวกโกวเฉิน” สตรีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเป็นเครื่องอำพรางที่ไม่เลว”
ขณะที่พูดอยู่ รูปร่างของนางก็เปลี่ยนแปลง เพศและเสียงก็เปลี่ยนไปด้วย
เพียงแค่พริบตาเดียว ประมุขอุดรก็เห็นตรงหน้าปรากฏชายชราแก่หง่อม เป็นรูปร่างหน้าตาของตัวเขาเอง
สองคนยืนประจัญหน้า แม้แต่ตัวเขาก็แยกแยกะจริงปลอมไม่ออก
‘ไม่ใช่หยกสังหาร โอสถแปลงกาย ไม่จำเป็นต้องสังหารคน และไม่ใช่เปลี่ยนได้แค่คนเดียว…’
ตอนนี้ประมุขอุดรรู้สึกว่าวิญญาณของตัวเองเหมือนกำลังดับสูญ
ชั่วขณะนั้น ในห้วงสมองของเขาเกิดความคิดมากมาย เหมือนแสงสุดท้ายก่อนตาย
‘ที่ไม่เห็นภาพใดในตอนที่คำนวณนาง ไม่ใช่เพราะพลังฝึกปรือต่างกันมากเกินไป แต่ว่าได้เห็นภาพลวงที่นางอยากให้เราเห็น…’
นี่หมายความว่า สองฝ่ายมีพลังแตกต่างกันมากกว่าที่คาดไว้
ใส่ความทรงจำปลอมในห้วงสมองของคนคนหนึ่ง แต่กลับทำให้อีกฝ่ายไม่รู้เนื้อรู้ตัว นึกว่านั่นเป็นความจริง การกระทำเช่นนี้ย่อมยากกว่าการทำให้อีกฝ่ายสูญเสียความทรงจำ
‘เชี่ยวชาญการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ขนาดเราโคจรญาณจริงแท้ ก็ยังสมจริง…’
‘แต่ถึงกลับแฝงตัวเข้ามาในจักรวาลสำนักเต๋า เข้ามาในโลกซ้อนโลกได้?!’
‘จริงด้วย กลไกที่ราชันพระราหูวางไว้ในร่างของตัวเองในตอนแรกอำนวยความสะดวกให้กับมัน จนเป็นการล่อหมาป่าเข้าห้องแล้ว!’ ประมุขอุดรยืนนิ่งกับที่ ในดวงตาที่เดิมทีขุ่นมัวสาดแสงแรงกล้า แต่ก็ดับลงอีกครั้ง
ชายชราที่เหมือนกับเขาที่อยู่อีกด้านยิ้มประหลาด ชูนิ้วชี้ขึ้นไว้หน้าริมฝีปากของตัวเอง “ฉู่ว…”
………………..