ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1292 คนละเส้นทางไม่วางแผนร่วมกัน
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ จักรพรรดิโกวเฉิน เจ้าแม่อู๋ตัง สามเทวกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ล่องลอยอยู่ด้านนอก
เกิดโถงเซียนหรือว่าแดนสุขาวดีโจมตีโลกซ้อนโลกกับมรกตท่องฟ้าชนิดทำลายล้าง ต่อให้ตอนนั้นมิอาจแก้แค้น ภายหลังย่อมต้องมี
เทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์ในเวลาส่วนใหญ่คอยต่อสู้และจับตามองกันและกัน
หากไม่ระวังแม้แต่นิดเดียว ถูกอีกฝ่ายพัวพันจนยากถอนตัว เทวกษัตริย์จากสำนักเต๋าสายหลักสามคนลงมือพร้อมเพรียง ก็จะเกิดการเข่นฆ่าเส้นทางนอกรีตขนานใหญ่ ก่อให้เกิดการโจมตีชนิดทำลายล้าง ทำลายรากฐานของพลังศรัทธาเช่นเดียวกัน
เมื่อเป็นแบบนี้ เส้นทางนอกรีตที่ได้รับความเสียหาย ย่อมเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้
เพียงแต่ พวกจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ก็จำเป็นต้องเสี่ยงอันตราย ทั้งมีความเป็นไปได้ที่จะไม่บรรลุเป้าหมายตามที่หวัง หากไม่ถึงที่สุดจริงๆ จะไม่ทำเช่นนี้
เหมือนอย่างที่ราชันพระเสาร์เจี่ยงเซิ่นกล่าว สถานการณ์ในปัจจุบันซับซ้อนยิ่ง
บนโลกนี้มิได้มีแค่โถงเซียนกับแดนสุขาวดี อย่างน้อยตามที่เยี่ยนจ้าวเกอทราบ ยังมีเผ่าปีศาจและนพยมโลก
เมื่อรวมทุกอย่างด้วยกัน ผู้ใดก็มิอาจรับประกันได้ว่าสภาพการณ์จะเป็นไปตามความคิดของตัวเองทั้งหมด
และเป็นเพราะแบบนี้สามพิสุทธิ์สายหลักที่เสื่อมโทรมลงอย่างสาหัสหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ อาศัยสมดุลอันเปราะบางหาโอกาสในซอกตะเข็บหลายชั้น จนมีความหวังที่จะรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้ง
ในปัจจุบัน โถงเซียนกับแดนสุขาวดียากจะละวางความขัดแย้งของพวกเขา แล้วร่วมมือกันมารับมือกับผู้สืบทอดที่แท้จริงของสำนัเต๋าสายหลัก
แต่พร้อมกับที่สามพิสุทธิ์สายหลักยิ่งมายิ่งเข้มแข็ง ก็จำเป็นต้องยิ่งมายิ่งต้องรับการจำกัดจากขุมกำลังอื่น
ความขัดแย้งกับการต่อสู้ภายในสามพิสุทธิ์สายหลักสำนักเต๋า ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เส้นทางนอกรีตวางใจและยอมอดทนต่อโลกซ้อนโลก
หนึ่งในหนึ่งนอก ก่อให้เกิดการประสานอย่างอ้อมๆ
เส้นทางนอกรีตคิดจะเล่นงานฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในนี้ อีกฝ่ายอาจจะมีความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจดำเนินการสะกด เกิดเป็นการปกป้องแบบแอบแฝง
การดำรงอยู่และท่าทีโดยพื้นฐานของโลกซ้อนโลก ทำให้โถงเซียนไม่ต้องกดดันโลกซ้อนโลกหนักนัก ยอมให้พัฒนาได้ถึงระดับหนึ่ง
พวกจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ที่อยู่ด้านนอก ก็ตามหาโอกาสอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งเพื่อตามหาช่องโหว่ของอีกฝ่าย และตามหาโอกาสของตัวเอง
เพียงแต่ในปัญหาการเกาะกุมโอกาสที่เหมาะสม และปัญหาที่ใครจะเป็นผู้นำ เห็นได้ชัดสองฝ่ายมีความขัดแย้งกันหนักอย่างแท้จริง
ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ แค่ความขัดแย้งภายในที่แสดงออกด้านนอก ไฉนจะตบตาคนอื่นได้ คิดว่าเทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์เชื่อคนง่ายหรือ?
“การคงอยู่ของใต้เท้าโกวเฉินกับใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ รวมถึงเจ้าแม่อู๋ตังแห่งสายเหนือพิสุทธิ์ สามเทวกษัตริย์ เป็นที่พึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเราจริงๆ” ราชันพระเสาร์เจี่ยงเซิ่นกล่าวอย่างราบเรียบ “แต่ว่าถึงอย่างไรเส้นทางนอกรีตก็แข็งแกร่ง พวกเราไม่อาจไม่ระวัง”
“เป้าหมายของพวกเรา ไม่ใช่การตกตายร่วมกับเส้นทางนอกรีต”
เยี่ยนจ้าวเกอมองเจี่ยงเซิ่น ถอนใจเบาๆ คำหนึ่ง
พอเชื่อมโยงกับถ้อยคำก่อนหน้านี้ของอีกฝ่าย เขาก็เข้าใจมุมมองของอีกฝ่ายบ้างแล้ว
ต่อให้จักรพรรดิประกายกาฬและเจิดจรัสจะสร้างคุณูปการที่มิอาจบรรยายได้ในอดีตจริงๆ ปัจจุบันไปจนถึงอนาคตอันยาวนาน ก็มิอาจได้รับการยอมรับอย่างเปิดเผย
ไม่เพียงเท่านั้น การเข่นฆ่าลูกหลานของสองจักรพรรดิก็ยังต้องดำเนินต่อ เพื่อดับเพลิงโทสะของโถงเซียน ป้องกันไม่ให้ฝ่ายนั้นระบายความแค้นแก่โลกซ้อนโลกทั้งใบ
บางทีอาจเป็นเพราะว่าสองจักรพรรดิชิงเศษชิ้นส่วนศิลาฟ้ากำเนิด สร้างคุณูปการไปอีกพันปี เพื่อปกป้องชัยชนะนี้ให้มั่นคงขึ้นอีกขั้น จึงพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ผลที่จะตามมาส่งผลกระทบเลวร้ายอย่างเต็มที่
ดังนั้นการเสียสละบางส่วนจึงขาดไปไม่ได้
“ความคิดของผู้อาวุโสเจี่ยง ข้าผู้แซ่เยี่ยนเข้าใจคร่าวๆ แล้ว น่าเสียดายที่ยากจะเห็นด้วย ไม่ว่าท่านจะใช้มาตรฐานเดียวกันกับคนอื่นและกับตัวเองหรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย “เรื่องราวเกี่ยวพันถึงชีวิตของข้าและมารดาข้าเป็นเรื่องหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่งคือการกระทำแบบนี้ แม้จะดูเหมือนเป็นการสละคนส่วนน้อยเพื่อช่วยคนส่วนใหญ่ แต่กลับต้องเสียสละสิ่งที่มองไม่เห็นอีกมากมาย”
“ถึงแม้พวกเรามักจะกล่าวกันว่า ขอแค่คนมีชีวิตก็ย่อมมีความหวัง แต่ว่าของที่มองไม่เห็นบางอย่างเมื่อได้เสียสละ ถูกทำให้เป็นหมัน ก็ยากจะปลุกขึ้นมาได้อีก”
เยี่ยนจ้าวเกอพ่นลมหายใจ “ตายอย่างสุขสันต์หรือจะสู้อยู่อย่างเกียจคร้าน สำหรับคนทั่วไปบางทีอาจะเป็นคำกล่าวที่สมเหตุสมผล แต่สำหรับจอมยุทธ์อย่างพวกเรา ไม่ใช่คำพูดที่ดีอะไรนัก”
เจี่ยงเซิ่นเงียบงันเล็กน้อย
หยางเซ่อกษัตริย์เร้นลับที่ก่อนหน้าเพียงยิ้มเล็กน้อย มิได้กล่าวอะไร เวลานี้เอ่ยขึ้นว่า “ดังนั้น ทุกอย่างจึงต้องดำเนินอย่างลับๆ ที่ปิดบังข่าวสารส่วนหนึ่งเป็นเพราะการชำระล้างของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณร้ายกาจจริงๆ อีกด้านไม่ใช่เพราะพิจารณาถึงเรื่องนี้หรอกหรือ?”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเซียนผู้ถูกเนศพวกเจ้าอยู่เหนือความคาดหมายของผู้คนครั้งแล้วคร้งเล่า เรื่องราวคงไม่ลุกลามใหญ่โตถึงขั้นนี้”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเรียบเฉย “คนที่อยู่ในระดับต่ำกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุขไม่รู้เรื่องจริงๆ แต่ว่าคนที่อยู่ในระดับประมุขและคนที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนก็จะได้ทราบเรื่องในที่สุด สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ ประมุขทั้งสิบบนโลกซ้อนโลก ปัจจุบันข้าผู้แซ่เยี่ยนล้วนได้สัมผัสมาแล้ว พวกที่แสดงท่าทีเป็นกลาง ไม่ยอมรับพวกท่านโดยสิ้นเชิงไม่ต้องพูดถึงก็ได้”
“คนที่ยอมรับพวกท่านโดยสมบูรณ์ รวมถึงพวกท่านผู้อาวุโสสองคน คนที่รักษาความกระจ่างใส จิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ตลอดเวลา แยกแยะความอดทนและการหลีกหนีได้อย่างชัดเจน ขอถามว่ามีสักกี่คน”
หยางเซ่อพอฟังไม่มีโทสะ เพียงหัวเราะคำหนึ่ง “คนละเส้นทางมิอาจวางแผนร่วมกันได้จริงๆ น่าเสียดายๆ”
“คำพูดของเซียนผู้ถูกเนรเทศใช่ว่าจะไร้เหตุผล” เจี่ยงเซิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เพียงแต่ หลักการล้วนเหมือนกัน คนที่แยกแยะระหว่างการสั่งสมเพื่อความก้าวหน้าและการเสี่ยงอันตรายเพื่อความก้าวหน้าได้อย่างชัดเจน จะมีสักกี่คน?”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มขึ้นเช่นกัน
คนที่มีอายุขัยมาก และผ่านเรื่องราวมากมายอย่างเจี่ยงเซิ่น จะถูกโยกคลอนความเชื่อง่ายๆ ได้อย่างไร?
ดังนั้น ถึงเวลาสุดท้ายก็เป็นเหมือนเดิม
คนละเส้นทาง มิอาจวางแผนการร่วมกัน
พอเห็นสีหน้าที่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแสดงออกมา เจี่ยงเซิ่นก็ทราบว่า แม้คนตรงหน้าจะยังเยาว์ แต่กลับเป็นคนที่มีความคิด
เขาส่ายหน้าด้วยความเสียดาย หันไปมองราชันพระอังคารสั่วหมิงจางที่นั่งตัวตรงกลางความว่างเปล่า เหมือนกับหลับตาทำสมาธิ “ก่อนหน้าเซียนผู้ถูกเนรเทศ จอมยุทธ์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดที่ข้าเคยเจอ ก็คือสหายร่วมเส้นทางสั่ว ซึ่งขีดความสามารถเหนือกว่าข้าเหลือคนานับ น่าเสียดายตอนนี้เป็นเขานำภัยพิบัติมาให้แก่สามพิสุทธิ์สายหลักของพวกเรา”
“สหายร่วมเส้นทางระบายความอัดอั้น แม้เหมือนแสดงบารมีไปทั่วแปดทิศ แต่กลับสนใจแต่ความต้องการของตัวเอง ผลลัพธ์เป็นพวกเราทุกคนต้องมาแบกรับแทนท่าน”
“ไม่เพียงแต่โลกซ้อนโลกเท่านั้น มรกตท่องฟ้าผู้สืบทอดกระแสตรงสายเหนือพิสุทธิ์ ไปจนถึงจักรวาลสำนักเต๋าทั้งจักรวาลที่พวกเราอยู่ในตอนนี้ ล้วนอาจประสบเพทภัย”
เจี่ยงเซิ่นสายตาเคร่งขรึม “ภัยพิบัตินี้เมื่อมาถึง หากจัดการโดยไม่ระวัง ความพยายามตั้งแต่หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่เป็นต้นมาบางทีอาจสูญเปล่าทั้งหมด”
สั่วหมิงจางลืมตาขึ้น สบตาเจี่ยงเซิ่นอย่างสงบ
เจี่ยงเซิ่นจ้องมองเขาตรงๆ “ข้านับว่ารู้จักท่านมาหลายปี ท่านอยู่คนเดียวจนเคยชิน บางทีอาจมีภาระที่แบกไว้บนบ่า แต่ว่าคนของเส้นทางนอกรีตกลับไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ พวกเขาจะต้องคิดบัญชีกับผู้สืบทอดสำนักเต๋าสายหลักทั้งหมดอย่างพวกเรา”
“ปัจจุบันเส้นทางนอกรีตยิ่งใหญ่ พวกเรายังมิได้สั่งสมพลังที่จะใช้ต่อสู้กับพวกเขาไว้มากพอ ต่อให้พวกใต้เท้าโกวเฉินจะจู่โจมเส้นทางนอกรีต ก็เป็นแค่การแก้แค้น ไม่ส่งผลดีต่อรากฐานที่ถูกทำลายของสามพิสุทธิ์สายหลักของเรา”
สั่วหมิงจางลุกขึ้นยืนจากความว่างเปล่า
เขากลับมิได้มองเจี่ยงเซิ่นอีก
“ใต้เท้าโกวเฉินมีวาจาต้องการบอกกล่าว โปรดบอกมาตรงๆ ไม่จำเป็นต้องให้เจี่ยงเซิ่นถ่ายทอดแทน”
พร้อมกับที่เขาลุกขึ้น จักรวาลสำนักเต๋าทั้งจักรวาลก็เหมือนสั่นไหวตามไปด้วย
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่กลางจักรวาลเหมือนกับหายไป เหลือแค่สั่วหมิงจางคนเดียวที่เป็นของจริง
………………..