ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1293 จักรพรรดิราชันฟ้าตำหนักสวรรค์โกวเฉิน
กลางจักรวาลสำนักเต๋าในตอนนี้ ไม่เพียงแต่สองเซียนลี้ลับสงบนิ่งอย่างเยว่เจิ้นเป่ยกับหยางเซ่อที่คล้ายหายไปเท่านั้น
แม้แต่ราชันพระเสาร์เจี่ยงเซิ่นที่เป็นเซียนกำเนิดสุญญตา ก็เหมือนสูญเสียร่องรอยการดำรงอยู่เช่นกัน
โลกซ้อนโลก มรกตท่องฟ้า ไปจนถึงโลกเบื้องล่างและมิติต่างแดนมากมายหมาวยไปหมดสิ้น
กลางจักรวาลเหมือนกับมีแค่บุรุษผมสั้นร่างสูงใหญ่ผู้นั้นดำรงอยู่อย่างแท้จริง
ขณะนี้ราชันพระอังคารสั่วหมิงจางเหมือนกับมองข้ามทุกสิ่งในจักรวาลแห่งนี้ จิตใจและสมาธิเหยียดยื่นครอบคลุมไปยังที่ไกลอย่างต่เนื่อง
เจี่ยงเซิ่นที่อยู่ด้านข้างไม่มีโทสะต่อการกระทำของสั่วหมิง
สีหน้าของเขาปรากฏความซับซ้อนอยู่บ้าง ขณะที่ถอนใจชมเชย ส่วนใหญ่เป็นความเสียดาย
“ในตอนที่พวกเราคนอื่้นๆ พยายามรวมสองปราณเป็นวายุ เขาก็ฝ่าภัยพิบัติสัจพิศวงไปแล้ว” เสียงของหยางเซ่อกษัตริย์เร้นลับดังขึ้นเลื่อนลอย “ทั้งๆ ที่หลอมเปลี่ยนปราณกาลีที่ผสานได้ยากกับปราณเซียนชนิดอื่นๆ มากที่สุดตอนสำเร็จเป็นเซียนจริงแท้ แต่กลับเร็วกว่าพวกเรา”
หยางเซ่อก้มหน้า กล่าวเสียงเบาพร้อมกับแย้มยิ้ม “ปัจจุบันข้ากับเฉินเสวียนจงยังติดอยู่กับการทำให้ห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิด พี่ร่วมเส้นทางเจี่ยงท่านเพิ่งสำเร็จระดับนี้ เขากลับก้าวข้ามภัยพิบัติปฐมลี้ลับมาไม่รู้กี่ปี อยากจะรู้จริงๆ ว่าจะไปถึงระดับไหน”
เจี่ยงเซิ่นไม่พูด แต่เห็นด้วยกับคำพูดของหยางเซ่อถึงขีดสุด
เขา เกาหานราชันพระอังคาร หลิงชิงราชันพระจันทร์ เจี่ยนซุ่นหวาราชันพระราหู ล้วนเป็นผู้ที่อยู่มาก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ แต่ว่าเลื่อนสู่ระดับเซียนลี้ลับช้ากว่าสั่วหมิงจาง
ในตอนที่เก้านพเคราะห์คุนหลุนใหม่บุกเบิกโลกซ้อนโลกพร้อมกัน ถึงระดับพลังฝึกปรือต่างเป็นเซียนจริงแท้ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นคนที่โดดเด่นล้ำเลิศ กอปรด้วยพรสวรรค์มากล้น
ทว่าขีดความสามารถของสั่วหมิงจาง แม้จะเป็นโลกที่มรรคายุทธ์รุ่งเรืองก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เจี่ยงเซิ่นก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน
และเป็นเพราะสาเหตุนี้ ขณะนี้เขายิ่งเสียดายกว่าเดิม
“สหายร่วมเส้นทางสั่ว คำกล่าวเมื่อครู่เป็นวาจาจากใจจริงของข้า ไม่ใช่กล่าวแทนใต้เท้า” เจี่ยงเซิ่นเอ่ยเสียงเบา “ทว่าท่านสมควรเห็นใจใต้เท้าถึงจะถูก ไฉนต้องสร้างความลำบากแก่เขา?”
การสั่นไหวของมิติเวลากลางจักรวาลที่เกิดขึ้นเพราะสั่วหมิงจางพลันเริ่มมีวี่แววว่าจะสงบลง
แสงดาวยิ่งใหญ่หกสายสว่างขึ้นพร้อมกัน งดงามจนมิอาจงดงามมากไปกว่านี้ เหมือนกับมาจากสวรรค์ชั้นเก้า
ดาวหกดวงนี้พอปรากฏ จักรวาลพลันหายจากสภาพเมื่อครู่ สั่วหมิงจางมิได้เป็นความจริงเพียงหนึ่งเดียวอีก
แสงดาวกระจัดกระจาย ในจักรวาลสำนักเต๋าเสมือนปรากฏฟ้าดินของมนุษย์
มีกลิ่นอายอันคมกล้าน่ากลัวของศาตราวุธกระจายไปทั่ว ยังน่าตื่นตระหยกยิ่งการสู้รบทั้งหมดดที่เยี่ยนจ้าวเกอเคยประสบมา
เหมือนกับคนและเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการสงครามตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในทุกยุคสมัย ตอนนี้มารวมกันอยู่ที่นี่
พลังอันน่ากลัวดุร้ายที่ไม่เคยมีมาก่อนปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน
แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว ถูกเก็บไว้ไม่ปรากฏอีก
ขณะนี้กษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยรู้สึกว่าตัวเองกลับไปอยู่ในสภาพก่อนที่จะเปิดประตูเซียน ยังอยู่บนโลกมนุษย์
กลางแผ่นฟ้าและผืนดิน เขาหลุดออกจากสวรรค์ ร่วงตกสู่พื้น
เจี่ยงเซิ่นกับหยางเซ่อเวลานี้ยังคงอยู่บนสวรรค์ ก้มมองพวกเขา
ด้านหลังพวกเขามีเจตจำนงยิ่งใหญ่ปรากฏ ถึงมองไม่เห็นร่าง แต่กลับเป็นเจ้าชีวิตแห่งฟ้าดิน
ท้องนภาเปิดออก ดาวทั้งหกเรียงตัวเหมือนกับดวงตา จ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอกับเยว่เจิ้นเป่ยอย่างไม่ยินดียินร้าย
สายตานี้กระจายไปทั่วโลกซ้อนโลก มรกตท่องฟ้า รวมถึงโลกเบื้องล่างทุกใบเหมือนอยู่ใต้ดวงตา
เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำ “จักรพรรดิโกวเฉิน…”
เยี่ยนจ้าวเกอรู้จักผู้มาในครั้งนี้จริงๆ
เขาเคยเห็นตัวจริงในหอเก็บหนังสือวังเทพก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
หนึ่งในสี่เทวราชสำนักเต๋า จักรพรรดิราชันฟ้าตำหนักสวรรค์โกวเฉิน
จักรพรรดิโกวเฉินผู้บัญชาเหล่าเทพนับหมื่น ควบคุมฟ้า ดิน และคน ดูแลสรรพชีวิตในโลก รวมถึง เรื่องอาวุธและการทำสงคราม!
ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เป็นผู้ทรงอำนาจของสำนักเต๋าที่มีอยู่ไม่กี่คน เป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่บนวังเทพ
‘ตอนนั้นกลับคิดไม่ถึงว่า จะมีวันได้พบกันเช่นนี้’ เยี่ยนจ้าวเกอเก็บประกายตา สงบนิ่งลงอีกครั้ง
ราชันพระเสาร์เจี่ยงเซิ่นและหยางเซ่อราชันพระเกตุ ต่างหันกายไปคำนับดาวหกดวงบนท้องฟ้าอย่างนอบน้อม “ใต้เท้า”
เยว่เจิ้นเป่ยที่กลางอากาศ กับเฉินเสวียนจงราชันพระศุกร์ที่อยู่ในโลกซ้อนโลกห่างไปไม่ไกล ถึงแม้จะมิได้ออกจากโลกซ้อนโลก กลับคำนับดาวหกดวงที่เหมือนกับคงอยู่ทุกที่นั้น “ใต้เท้าโกวเฉิน”
ในมรกตท่องฟ้า ผู้ยิ่งใหญ่สายเหนือพิสุทธิ์ทุกคน ขอแค่ไม่ได้เข้าฌานปิดตาย ล้วนสัมผัสได้ มองดาวหกดวงกลางท้องฟ้า หลังจากเงียบงันเล็กน้อย ก็โน้มกายคำนับ “ใต้เท้าโกวเฉิน”
คนที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำ ขณะมองแสงดาวกลางท้องฟ้า ตอนแรกรู้สึกเลอะเลือน จากนั้นไม่ทันไรก็นึกถึงเรื่องเล่า พลันรู้สึกฮึกเหิม
คนส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ เพียงทราบว่า ขณะนี้เป็นบุคคลในตำนานที่ได้ฝากชื่อไว้ในประวัติศาสตร์สำนักเต๋าโผล่มา
จอมยุทธ์สำนักเต๋าหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่จะต้องตื่นเต้นถึงขีดสุดอย่างไม่ต้องสงสัย
นที่อยู่ในระดับต่ำกว่าไม่ทราบถึงสาเหตุ เพียงรู้สึกยินดี ปราณวิญญาณในฟ้าดินโคจร ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวสลับที่ เหมือนกับเปลี่ยนเป็นลี้ลับกว่าเดิม
กลางจักรวาลสำนักเต๋าในตอนนี้ มีเพียงคนเพียงคนเดียวที่อยู่ด้านนอกฟ้าดินที่แสงดาวนั้นครอบคลุม
ราชันพระอังคาร สั่วหมิงจาง
แตกต่างกับเยว่เจิ้นเป่ยที่เหมือนกับออกจากท้องฟ้า ร่วงหล่นสู่พื้นดิน สั่วหมิงจางในตอนนี้แม้มิได้น่าอัศจรรย์เพราะเป็นความจริงหนึ่งเดียวในจักรวาลเช่นเมื่อครู่อีก แต่ก็ยังอยู่นอกฟ้าดินเพียงคนเดียว
มิได้อยู่บนฟ้า มิได้อยู่บนดิน และมิได้อยู่ตรงกลาง
ฟ้าดินแห่งนี้มิอาจรอบรับเขา มิอาจครอบคลุมเขา
เจี่ยงเซิ่นกับหยางเซ่อสองคนเพ่งตามองไป ถึงกับเห็นบนศีรษะของสั่วหมิงจางมีแสงสว่างขึ้นราวกับบุปผา ลี้ลับยากหยั่งคาด มิอาจใช้คำพูดพรรณนาได้
“มิหน้า ต่อหน้าเทวกษัตริย์เส้นทางนอกรีตสองคนยังสังหารคนโดยไร้ข้อกริ่งเกรง สภาวะไร้เทียมทาน” หยางเซ่อทั้งชื่นชมทั้งถอนใจ
เทพกำเนิดสุญญาตา ห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิด ยามเคลื่อนไหวมีเสียงมหามรรคาติดตาม
การฝึกฝนต่อจากพื้นฐานนี้ คือการหลอมสามบุปผาขึ้นบนศีรษะทีละก้าว
สามบุปผาบนกระหม่อม ก้าวสู่ฟ้าดินแห่งใหม่ สำเร็จระดับเซียนสวรรค์สวรรค์ชั้นมหาชาล ฝึกฝนคู่เคียงโลก เรียกว่าเทวกษัตริย์
สามบุปผา ก็คือสามแสงสว่าง
ตอนนี้บนศีรษะของสั่วหมิงจางถึงกับมีแสงสว่างสองสายปรากฏ!
เขาคืออัจฉริยะผู้ล้ำเลิศ มีพลังเหี้ยมหาญ สองบุปผาบนกระหม่อม ทำให้เทวกษัตริย์เส้นทางนอกรีตทำอะไรไม่ได้ ขณะที่ต้านการโจมตีของอีกฝ่าย ก็สังหารยอดฝีมือจากโถงเซียนไปมากมาย ยังคงอยู่รอดปลอดภัย
ในตำหนักโอสถ ไม้เท้าหัวมังกรที่เคยเป็นของเทพโซ่วซิง ยอดฝีมือระดับจ้าวสวรรค์ที่มีจำนวนน้อยนิดในวังเทพ ถูกเขาหักทิ้ง
ถ้าไม่ใช่เพราะความสนใจของเขาอยู่ที่เรื่องอื่น ปีศาจกวางขาวที่สำเร็จเป็นเซียนมาตั้งแต่ยุคก่อน ได้เจอการเปลี่ยนผ่านยุคสมัย รอดจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ คงเกือบจะถูกสังหารคาที่
ตอนนี้ แม้จะเผชิญกับจักรพรรดิราชันฟ้าตำหนักสวรรค์โกวเฉิน สองบุปผาที่สว่างขึ้นบนศีรษะของสั่วหมิงจางก็ยังคงไม่สะทกสะท้าน
เขามิได้คำนับ ไม่ได้พูดอะไร มองแสงดาวหกสายนั้นเงียบๆ
ในแสงดาวมีการออกเสียงที่แปลกประหลาดดังขึ้น ทำให้ผู้คนยากจะเข้าใจความนัยน แต่กลับรู้สึกสบายตัวสุดขีด
คล้ายกับว่าภาษาแรกเริ่มที่สุดในธรรมชาติสมควรเป็นเช่นนี้ ภาษาในปัจจุบันเป็นแค่การตีความและเลียนแบบมันเท่านั้น
แสงดาวหกสายสาดลง ครอบคลุมร่างของสั่วหมิงจาง คล้ายกับต้องการลักพาเขาไป
………………..