ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1295 เมฆดำกดทับเมืองจนแทบพังทลาย
ทั่วทั้งจักรวาลสำนักเต๋าสั่นไหวอยู่ชั่วขณะ
มิติเวลาทั้งหมดต่างตกสู่ความปั่นป่วน มิติช่องว่างทับซ้อนกันอย่างต่อเนื่อง เวลาค่อยๆ หยุดนิ่ง
ขณะนี้ สรรพชีวิตในจักรวาลนี้เหมือนกับตกสู่สภาพไร้ความรู้สึก
มีแค่การคงอยู่ระดับสุดยอดจำนวนน้อยนิดจึงค่อยรักษาความเป็นตัวเองไว้ได้
คนที่ปกครองจักรวาลนี้ในตอนนี้มีน้อยในน้อยอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นตัวตนที่งอนิ้วนับได้
ครั้งนี้เพื่อสั่วหมิงจาง เทวกษัตริย์เส้นทางนอกรีตมายังจักรวาลสำนักเต๋าด้วยตัวเอง
แสงดาวของจักรพรรดิโกวเฉิน คุ้มครองโลกซ้อนโลกไว้ก่อน
กลางความว่างเปล่ามีเสียงดังมา แปลกประหลาดยากแยกแยะ เหมือนกับเสียงอันเรียบง่ายของมหามรรคา
เซียนสวรรค์ไร้สิ้นสุดเส้นทางนอกรีตเปล่งเสียง มิได้เข้าใจยากลึกลับเหมือนจักรพรรดิโกวเฉิน แต่แม้เป็นเซียนลี้ลับพิศวง ก็ยากจะเข้าใจความหมายที่อยู่ด้านใน
กลับเป็นเยี่ยนจ้าวเกอ ฝืนแยกแยะได้คร่าวๆ เพราะได้สัมผัสกับวังเทพก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
“ใต้เท้าโกวเฉิน…ลำบากเอาใจใส่…แต่มีคนไม่รู้จักลิขิตฟ้า หาที่ตายด้วยตัวเอง…ดังนั้นมอบให้พวกเราสนองให้เขาเถอะ…”
พลังงานอันน่ากลัวและยิ่งใหญ่ปรากฏ สั่นไหวมิติเวลา ถูกสั่งสมรอปล่อยออกไป
‘เป็นจ้าวสวรรค์จากสำนักเต๋าดั้งเดิมสวามิภักดิ์กับเส้นทางนอกรีตหรือ?’ เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวในใจ
อีกฝ่ายยังรักษาความเคารพต่อจักรพรรดิโกวเฉินอยู่หลายส่วน
เวลาล่วงเลยมาถึงยุคสมัยนี้ ยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงเลื่องลือจำนวนมากในยุคสถาปนาเทพเจ้าอันเป็นยุคแรก และยุคตำนานไซอิ๋วในกาลต่อมา เหลือข่าวน้อยลงเรื่อยๆ
มาถึงก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ นอกจากเทพเซียนที่ได้รับสถาปนาขึ้นสู่วังเทพแล้ว ผู้ยิ่งใหญ่ที่เคลื่อนไหวในสองยุคสมัยก่อนมาโดยตลอด ล้วนเหลือน้อยสุดขีด
แต่ละยุคสมัยมีอัจฉริยะบุรุษปรากฏ คนรุ่นใหม่สับเปลี่ยนคนรุ่นเก่า
ยุคสมัยนี้ ผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานที่โดดเด่นที่สุดของสำนักเต๋าอยู่บนวังเทพเป็นส่วนใหญ่
สี่เทวราชสำนักเต๋าก็คือตัวแทนในยุคสมัยนี้ มีเกียรติสูงส่ง โด่งดังมาเป็นหมื่นปี
คนที่มาจากวังเทพเกรงว่าจะเป็นกลุ่มคนที่เข้าใจดีที่สุดว่าจักรพรรดิโกวเฉินแข็งแกร่งขนาดไหน
ปัจจุบันแม้จะเข้ากับโถงเซียนเส้นทางนอกรีต เรื่องราวในวันวานจบลงในวันวาน ตำแหน่งในอดีตล้วนเป็นภาพมายา
พวกเขาไม่ต้องเคารพจักรพรรดิโกวเฉินก็ได้ แต่กลับไม่อาจไม่เคารพพลังของอีกฝ่าย
กระนั้นนี่ไม่ส่งผลต่อเรื่องที่พวกเขาจะทำต่อจากนี้
ผู้สืบทอดกระแสตรงสามพิสุทธิ์กับวังเทพล้วนเป็นอดีตไปแล้ว พวกเขาจึงเป็นสำนักเต๋าสายหลักในตอนนี้!
“สุดท้ายแล้วก็ยัง…” เจี่ยงเซิ่นสีหน้าอับจนและหมดเรี่ยวแรง หันไปมองกษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ย “เจิ้นเป่ย คิดให้ดี”
“ผู้อาวุโสเจี่ยงสมควรทราบว่า ไม่ว่าจะเป็นความคิดของใต้เท้าโกวเฉินหรือใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ ตัวข้าก็ไม่เอนเอียง” เยว่เจิ้นเป่ยตอบอย่างเคร่งขรึม “หลายปีมานี้ที่ข้าอยู่บนโลกซ้อนโลก ก็เพื่อทำตามข้อตกลงในวันนั้น”
“ตอนนี้ข้อตกลงสิ้นสุด ไม่ติดค้างกันอีก ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เยว่เจิ้นเป่ยร่ำเรียน ล้วนเป็นท่านอาจารย์ประทานให้ ตอนนี้ลูกหล่านของท่านอาจารย์ลำบาก ข้าจะช่วยสุดความสามารถ”
เจี่ยงเซิ่นถอนใจอีกครั้ง ส่ายหน้า รู้สึกเสียดาย “ในคนรุ่นเจ้า เจ้าเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด”
“ต้องขอบคุณความสำเร็จของท่านอาจารย์” เยว่เจิ้นเป่ยกล่วอย่างเฉื่อยชา “แม้วันนี้ต้องสิ้นชีพลงที่นี่ ก็ยึดถือเป็นทดแทนท่านอาจารย์”
เห็นดังนั้น เจี่ยงเซิ่นก็ถอนใจอีกครั้ง ไม่พูดอะไรต่อ
“นอกจากจ้าวสวรรค์ตักตวงวิเศษและเทพสีครามสีครามจ้าวฝีดาษแล้ว อีกสองท่านเรียกว่าอะไร” สั่วหมิงจางสีหน้าสงบนิ่งขณะมองแสงวิเศษพลังศรัทธาทั่วฟ้านั้น
ก่อนหน้านี้เขาก่อความวุ่นวายที่โถงเซียน ได้ทำความรู้จักกับเซียนสวรรค์เส้นทางนอกรีตสองคนแล้ว
ถึงสั่งหมิงจากจะเป็นคนที่เกิดขึ้นหลังภัยพิบัติ แต่ว่าอีกฝ่ายก็นับว่าเป็นบุคคลในตำนานที่มีชื่อมีแซ่บนวังเทพก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ หลังจากได้ต่อสู้กัน ย่อมล่วงรู้ถึงความเป็นมาและรากฐานของอีกฝ่าย
‘ไม่ใช่สามคน แต่มาด้วยกันสี่คน…’ เจี่ยงเซิ่นขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย
หากไม่นับยอดฝีมือระดับต่ำกว่าจ้าวสวรรค์ลงมา ครั้งนี้โถงเซียนส่งเทวกษัตริย์สี่คนมายังจักรวาลสำนักเต๋า
เยี่ยนจ้าวเกอดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้มีคำกล่าวว่า ผู้ยิ่งใหญ่ยุคสถาปนาเทพเจ้าและไซอิ๋ว นอกจากเทพเซียนที่ได้รับการสถาปนาของวังเทพแล้ว เดิมก็ปรากฏตัวขึ้นน้อยครั้ง
ตอนนี้มีสองคนมาถึง
เฉาเป่าจ้าวสวรรค์ตักตวงวิเศษ เดิมทีเป็นเทพพเนจรในยุคสถาปนาเทพเจ้า ไม่เข้าร่วมกับการแย่งชิงทางโลก ต่อมาถูกม้วนเข้ามาในภัยพิบัติสงครามสถาปนาเทพเจ้า ขึ้นสู่ทำเนียบสถาปนาเทพเจ้า ได้เข้าสู่วังเทพ รับการสถาปนาเป็นจ้าวสวรรค์ตักตวงวิเศษ หนึ่งในสี่เทพสายหลักฝ่ายใต้ อยู่รองจากเทพเสวียนถาน
ในตำนานบางตำนาน เรียกเขาเป็นเทวกษัตริย์ตักตวงวิเศษ แต่ว่าประวัติศาสตร์ของที่นี่ จ้าวสวรรค์ตักตวงวิเศษจึงเป็นคำเรียกที่ถูกต้อง
กระนั้นสิ่งที่น่าประชดประชันส่วนหนึ่งก็คือ การเรียกเทวกษัตริย์ตักตวงวิเศษในวันนี้ บางทีอาจจะเหมาะสมแล้ว
ส่วนเทพสีครามจ้าวฝีดาษ ก็คือ อวี๋ฮว่าหลงยอดฝีมือสายเหนือพิสุทธิ์ในยุคสถาปนาเทพเจ้า ได้ประสบภัยพิบัติขึ้นทำเนียบ ชื่อสถาปนาหลังจากเข้าวังเทพ ก็คือเทพสายหลักฝ่ายฝีดาษ
ฉายานามนี้มิอาจเรียกเฉยๆ เป็นเพราะยังมีเทพสีครามอีกคน เป็นเจ้าแม่แห่งเขาไท่ซาน ชื่อเต็มคือเทพสีครามเขาไท่ซานเจ้าแม่หยกเซียนสวรรค์
ปัจจุบัน คล้ายกับเรียกเทพสีครามเจ้าฝีดาษผู้นี้เป็นเทวกษัตริย์สีครามเจ้าฝีดาษ
‘สองคนนี้รอดจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ นอกจากนี้ยังเข้ากับเส้นทางนอกรีตแล้ว…’ เยี่ยนจ้าวเกอหยีตาเล็กน้อย ‘เช่นนั้นอีกสองคน…’
เสียงลี้ลับดังทั่วจักรวาล เยี่ยนจ้าวเกอเพ่งสมาธิฟัง
“เจ้ามีพลังโดดเด่น…มีคุณสมบัติถามนามของพวกเรา…”
ถึงแม้จะเข้ากับเส้นทางนอกรีต แต่เห็นได้ชัดว่าคนที่พูดจามิได้รู้สึกอับอาย ไม่ได้คิดว่าชื่อของตนมีใดไม่เหมาะสม
เยี่ยนจ้าวเกอพอฟังก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ‘จ้าวเจียง…เกาซวี่เหนิง…’
จ้าวสวรรค์จ้าว จ้าวเจียง ผู้ยิ่งใหญ่สายเหนือพิสุทธิ์ที่อยู่ในยุคสถาปนาเทพเจ้า พ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของจวี้หลิวซุนผู้ยิ่งใหญ่สายหยกพิสุทธิ์ ประสบภัยพิบัติขึ้นทำเนียบ หลังจากเข้าสู่วังเทพ ก็กลายเป็นหนึ่งในจ้าวสวรรค์ผู้คุมกฎทั้งยี่สิบสี่ที่ช่วยบันดาลฟ้าฝน
เกาซวี่เหนิงเทพดาวเคราะห์ร้าย เป็นยอดฝีมือที่อยู่ในยุคสถาปนาเทพเจ้าเช่นกัน ได้จู่โจมสังหารหวงเทียนหวา จ้าวปราญวิญญาณ เทพสายหลักแห่งเขาไตรภูผา ผู้โดดเด่นในหมู่ลูกศิษย์ยุคที่สามของสำนักหยกพิสุทธิ์ ภายหลังตายด้วยน้ำมือของหวงเฟยหู่บิดาของหวงเทียนหวา ได้ขึ้นทำเนียบสถาปนาเทพ หลังจากเข้าวังเทพได้รับการสถาปนาเป็นเทพเจ้าดาวเคราะห์ร้าย
พวกเขาไม่ได้ตกตายเพราะมหาภับพิบัติ ต่างเข้าสู่เส้นทางนอกรีต
ปัจจุบันล้วนอยู่ในระดับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาล
เซียนสวรรค์เส้นทางนอกรีต สุดท้ายก็ยังเป็นเซียนสวรรค์ ระดับอยู่ในจุดสูงล้ำ การข้ามระดับต่อสู้ไม่คงอยู่อีก
ในโลกนี้เรื่องที่สังหารจ้าวสวรรค์สองคนต่อหน้าเซียนสวรรค์สองคนเหมือนกับสั่วหมิงจาง ถึงอย่างไรก็เป็นกรณีพิเศษ
แต่เป็นเพราะสาเหตุนี้ ครั้งนี้เซียนสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่จากเส้นทางนอกรีตจับมืดกันเร่งรุดมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสภาพจนตรอกอย่างเช่นก่อนหน้าอีก
เทวกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้สี่ล้วนเปลี่ยนมาจากจ้าวสวรรค์ในตอนที่อยู่ในสำนักเต๋าสายหลัก พลังล้วนไม่ธรรมดา จ้าวสวรรค์จ้าวในอดีต เทวกษัตริย์จ้าวจ้าวเจียงในวันนี้ เชี่ยวชาญค่ายกลกว่าเดิม
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากพวกเขาแล้ว ดูจากพลังศรัทธาแสงวิเศษทั่วฟ้านั้น ยอดฝีมือโถงเซียนคนอื่นไม่ทราบว่ารวมตัวกันที่นี่กี่คน เพื่อกันไม่ให้สั่วหมิงจางหนีไปอีก
ขณะที่พวกเขาห้อมล้อมรอบๆ โลกซ้อนโลก ก็จับตาดูจักรพรรดิโกวเฉินไปด้วย
ถ้าจักรพรรดิโกวเฉินช่วยเหลือสั่วหมิงจาง พวกเขาไม่มีทางทำสำเร็จ แต่ต่อจากนี้จะมิได้มีแค่พวกเขาที่ลงมืออีก
ครั้งนี้โถงเซียนถึงขั้นใช้สภาวะตั้งรับป้องกันแดนสุขาวดี นำกำลังส่วนหนึ่งออกมา ต้องกำจัดราชันพระอังคารสั่วหมิงจางให้จงได้!
“ตำหนักฟ้าฟื้นในครั้งอดีต…ในหมู่พวกเจ้ามีคนนำไปกระมัง…ต้องส่งออกมาเช่นกัน…”
เสียงดังขึ้นต่อเนื่อง นอกจากเซียนสวรรค์สี่คนและจ้าวสวรรค์ส่วนหนึ่งที่จับตาดูสั่วหมิงจาง ยอดฝีมือโถงเซียนคนอื่นๆ คิดลงมือเต็มที
“ผู้สืบทอดของอิ่นเทียนเซี่ยและหูเจิดจรัสอยู่ที่ใด?” เงาแสงสั่นไหวกลางอากาศ จ้าวสวรรค์เส้นทางนอกรีตคนหนึ่งค่อยๆ เผยร่าง
ถึงแม้แรงกดดันจะสู้สั่วหมิงจางกับเจี่ยงเซิ่นไม่ได้ แต่ขณะที่พูด เสียงมหามรรคาก็ดังขึ้น สะกดจิตใจและเปลือกร่างของจอมยุทธ์ที่ต่ำกว่าระดับเซียนลี้ลับ
ต่อจากเขา ยอดฝีมือโถงเซียนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มเผยร่างออกมาจากในแสงวิเศษพลังศรัทธา มาถึงมิติจักรวาลแห่งนี้
ถึงจะเป็นแสงวิเศษที่สว่างไสวแต่สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่ต่างอะไรกับเมฆดำกดทับเมือง
………………..