ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1296 ฉากที่ยิ่งใหญ่กว่า
ในจักรวาล แสงวิเศษอันยิ่งใหญ่แพ่พุ่งไปทั่ว
เซียนสวรรค์ไร้สิ้นสุดสี่คนจากเส้นทางนอกรีตแม้จะไม่เผยโฉม แต่ว่าด้ครอบคลุมสภาวะใส่มิติเวลารอบๆ โลกซ้อนโลกแล้ว
มีแสงวิเศษพลังศรัทธาเริ่มผนึกตัวกลายเป็นลักษณะของกระบี่ไท่อาเจ็ดดารา ลอยอยู่กลางฟ้า แสงสว่างตวัดกลายเป็นค่ายกลตรงที่คมกระบี่ชี้ ครอบคลุมโลกใบนี้ไว้ก่อน
ค่ายกลเก็บแฝงพลัง ไม่ปล่อยออกมา จำนวนเท่ามรรคาดิน แฝงรูปทรงที่หนักแน่น ปรากฏความน่าอัศจรรย์ของอำพรางและโจนทะยาน เปลี่ยนแปลงมากมาย ด้านในมีธงแดงเล่มหนึ่ง ขณะที่โบกไสว ด้านบนมีเสียงฟ้าร้องคำราม ด้านล่างปรากฏเพลิงผลาญ
กลับเป็นความสามารถของจ้าวเจียงเทวกษัตริย์จ้าว
ด้านข้างกระบี่ไท่อาเจ็ดดารา มีแสงวิเศษพลังศรัทธาสามสายแสดงอภินิหาร
บ้างเป็นแสงสีทอง บ้างเป็นเมฆสีดำ บ้างเป็นเสียงผึ้ง พอประกอบเข้าด้วยกัน เหมือนกับภัยพิบัติฟ้าดิน ม้วนคลุมสรรพชีวิตในธรรมชาติ
เทวกษัตริย์ทั้งสี่จากเส้นทางนอกรีตนี้ เรียกได้มีความเชี่ยวชาญของตัวเอง บ้างแตกฉานค่ายกล บ้างควบคุมสัตว์มีพิษ บ้างถนัดวิชานอกรีต บ้างเชี่ยวชาญการกดข่มการเปลี่ยนแปลงของของวิเศษ
ระดับขีดความสามารถและพลังฝึกปรือของพวกเขาล้วนเป็นร่างเซียนสวรรค์ไร้สิ้นสุด ปัจจุบันร่วมมือกันห้อมล้อมราชันพระอังคารสั่วหมิงจางไว้ตรงกลาง
ใต้เทวกษัตริย์สี่คน ยอดฝีมือระดับเซียนคนอื่นๆ จากเส้นทางนอกรีต พากันมาถึง คนที่มีขีดความสามารถและพลังฝึกปรือสูงล้ำช่วยวางค่ายกลกักขังสั่วหมิงจาง คนที่มีขีดความสามารถและพลังฝึกปรือด้อยกว่า เข้าไปปิดล้อมร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกและเยว่เจิ้นเป่ย
แม้จะบอกว่าขีดความสามารถและพลังฝึกปรืออ่อนด้อย แต่ว่าด้านในย่อมมีผู้ยิ่งใหญ่เส้นทางนอกรีตระดับเซียนกำเนิดสุญญตา เสียงมหามรรคาสะท้านทั่วทิศขณะที่เคลื่อนไหว
ความแปรปรวนของสำนึกที่แข็งแกร่งหลายสาน เริ่มกระเพื่อมไปทั่วจักรวาลสำนักเต๋า ตามหาที่อยู่ของตำหนักโอสถที่ซ่อนอยู่
แสงดาวหกสายที่เหมือนอยู่ด้านนอกสวรรค์ชั้นเก้ายังคงส่องระยิบระยับ แต่เพียงครอบคลุมโลกซ้อนโลก และมิติเวลาของโลกเบื้องล่างนับร้อยนับพันที่เกี่ยวข้องกับมันเท่านั้น
ตอนนี้แสงดาวสงบนิ่ง ไม่ทำอะไรสั่วหมิงจางและเหล่าเซียนจากเส้นทางนอกรีต
ราชันพระเสาร์เจี่ยงเซิ่นและหยางเซ่อราชันพระเกตุ เวลานี้ต่างถอยไปอยู่ด้านข้าง เข้าใกล้อาณาเขตที่แสดงดาวส่องถึง มองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า คล้ายกับมิอาจย้อนกลับได้
“ที่นี่เป็นที่ที่พวกเจ้ามาอาละวาดตั้งแต่เมื่อใด?”
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างสงบ
เจ้าของเสียง คือ สั่วหมิงจาง ราชันพระอังคาร!
เปลวเพลิงอันน่ากลัวสว่างขึ้น กลายเป็นดวงดาวที่พังทลาย หนักอึ้งจนมิอาจหนักอึ้งไปกว่านี้ พุ่งใส่ตรงหน้าคนจากโถงเซียน
เป็นเพราะว่าพลังที่เกิดจากการยุบตัวเข้าด้านในของดวงดาว ดึงเหล่าเซียนเส้นทางนอกรีตที่พลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำ ร่างจึงเคลื่อนที่เข้าหามันอย่างมิอาจควบคุม เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
“ยังกล้ากระทำชั่ว…ไม่รู้ที่ตาย…” เกาซวี่เหนิงเทพดาวเคราะห์ร้ายเดือดดาล
แสงดาวสีดำหลายสายรวมตัวกัน กลายเป็นหอกยาวเรืองแสงสีดำที่ทะลุทะลวงจักรวาลเล่มหนึ่ง ปรากฏขึ้นใกล้ๆ ดวงดาวที่กำลังจะสิ้นสูญอย่างไร้เค้าลาง
หอกยาวเรืองแสงสีดำเสียบเข้าไปในดวงดาว ทำให้ดวงดาวระเบิด
พร้อมกับการระเบิดของดวงดาว หอกยาวเรืองแสงสีดำก็หักไปด้วย
“รีบยอมให้จับกุมเสีย…อย่าเพิ่มปัญหามากมายเช่นนี้…เจ้าไม่มีโอกาสพาใครไปตายด้วยหรอก…”
เสียงอันยิ่งใหญ่ของจ้าวเจียงเทวกษัตริย์จ้าวดังขึ้นกลางความว่างเปล่า
ค่ายกลหมุนวน สายฟ้า เปลวเพลิงปรากฏ กลบร่างของสั่วหมิงจางจนมิด
เทวกษัตริย์อีกสามคนจากเส้นนอกรีตที่มายังโลกนี้ ต่างลงมือพร้อมเพรียง
สั่วหมิงจางยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง วาดเป็นวงกลางรอบศีรษะ
เส้นโค้งนี้กระจายไปทั่ว เหมือนกับวาดเป็นม่านกำบังที่มิอาจก้าวข้าม พลังอันน่ากลัวที่เข้าใกล้ที่นี่ หายไปหมดสิ้น
การโจมตีที่เหมือนกับห่าฝนพายุคลั่งก่อนหน้านี้ ตอนนี้หายไปอย่างฉับพลัน กลายเป็นท้องฟ้ากระจ่างใสนับหมื่นลี้
ไม่ใช่เปลี่ยนจากรุนแรงเป็นอ่อนกำลัง ฝนซาหยุดลง แต่ว่าชะงักกลางคัน จากมีกลายเป็นไม่มี
คนจากโถงเซียนได้ทำความเข้าใจความสามารถของสั่วหมิงจางมาแล้ว ตอนนี้จึงไม่ประหลาดใจ
อารมณ์ของเซียนสวรรค์สี่คนไม่เกิดความแปรปรวนแม้แต่น้อย การลงมือมิได้ชะงักลงเช่นกัน
มิได้โกรธ ท้อใจ รู้สึกเปล่าประโยชน์ เหลวเพราะการโจมตีของพวกเขาถูกสั่วหมิงจางทำลาย แต่ว่าส่งการโจมตีติดต่อกันไม่ขาดสาย!
คลื่นลูกแล้วลูกเล่ากระหน่ำซัดใส่สั่วหมิงจางอย่างต่อเนื่อง ต้องการผนึกพลังของคนทั้งสี่ ใช้สภาวะน้ำทลายทำนบไร้สิ้นสุด กดทับสั่วหมิงจาง!
อีกฝ่ายต่อให้แข็งแกร่งกว่านี้ เก่งกาจกว่านี้ ตอนนี้ก็ยังเป็นเซียนกำเนิดสุญญาตา
ภายใต้สภาวะการโจมตีที่คงอยู่ทุกที่ ไปถึงทุกที่ ไร้จุดสิ้นสุด พวกเขาไม่เชื่อว่าสั่วหมิงจางจะไม่เกิดข้อผิดพลาด
พวกเขาทำข้อผิดพลาดได้ ระดับเซียนสวรรค์ไร้สิ้นสุด เซียนกำเนิดสุญญาตาทำอะไรพวกเขาไม่ได้
ทว่าขอแค่สั่วหมิงจางทำข้อผิดพลาดเล็กๆ แค่ครั้งเดียว ก็ไม่มีโอกาสพลิกตัวอีก
เป็นการต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรม
…
ตอนนี้กลางความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกจักรวาลสำนักเต๋า มีแสงวิญญาณจุดหนึ่งกะพริบขึ้น เคลื่อนไหวในมิติเวลาอันปั่นป่วน วกวนไปมาไม่เคลื่อนไปด้านหน้า
แสงวิญญาณซ่อนตัวเองอย่างมิดชิด หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกยอดฝีมือจำนวนมากในจักรวาลสำนักเต๋าเจอตัว
ในแสงสว่างปรากฏเง่าร่างของคนหนุ่มอาภรณ์ขาวผู้หนึ่ง กำลังหลับตานั่งขัดสมาธิ
“ค่ายกลเส้นรุ้งจตุรัสได้วางเสร็จแล้ว การเตรียมการอย่างอื่นก็เรียบร้อยแล้วเช่นกัน น่าเสียดายที่ใต้เท้าโกวเฉินยังอยู่ จึงทำอะไรไม่ได้” คนหนุ่มอาภรณ์ขาวตอนนี้ลืมตาขึ้น ยิ้มเล็กน้อย “ทุกอย่างในวันนี้พร้อมแล้ว ขาดเพียงลมบูรพา”
คนหนุ่มอาภรณ์ขาวหลุบตา สายตามองไปยังด้านในจักรวาลสำนักเต๋า
“คิดไม่ถึงว่าตำหนักฟ้าฟื้นถึงกับปรากฏขึ้น เพียงไม่ทราบว่าจะมีโอกาสได้มาหรือไม่…”
“…ฮ่าๆ โลภมากลาภหาย ข้าเองก็มีข้อเสียนี้” คนหนุ่มอาภรณ์ขาวอดหัวเราะไม่ได้ ส่ายหน้า “ค่อยเป็นค่อยไป อย่าให้เกิดเหตุการณ์แทรกซ้อน โอกาสที่ใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋จะนำหยกหรูอี้ไตรรัตนะกลับมามีมากมาย ต่อจากนี้ค่อยคิดถึงตำหนักฟ้าฟื้นเถอะ”
น้ำเสียงของเขาฟังไม่ออกว่าเป็นการเหน็บแนมหรือถอนใจชมเชย “สั่วมังกรอัคคี ท่านเรียกได้ว่าอาจหาญถึงขีดสุดแล้ว”
“แต่ว่าใช้การพลิกผันไปมากมาย จึงทำให้ท่านกลับมาอาละวาดได้ ต้องให้เรื่องราววุ่นวายกว่านี้ถึงจะดี”
คนหนุ่มอาภรณ์ขาวกล่าวเสียงเบา “ท่านคงไม่ทำให้ข้าผิดหวังกระมัง?”
…
ขณะเห็นสั่วหมิงจางถูกเทวกษัตริย์สี่คนจากสำนักเต๋ากลุ้มรุม ยอดฝีมือโถงเซียนคนอื่นๆ ที่ก่อนหน้าถูกกดดันให้หยุดชะงักเพราะการโจมตีของสั่วหมิงจาง ตอนนี้อยากลงมือเต็มทน
บุรุษผมสั้นร่างสูงใหญ่เห็นดังนั้น พลันยิ้มขึ้น
บนผิวของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน เหมือนกับมีเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่ด้านใน
พร้อมกับที่การเหยียดยื่นของเปลวเพลิง เกล็ดมังกรมากมายก็ปรากฏ
บนหน้าผากของสั่วหมิงจางปรากฏเขามังกรอย่างเลือนราง
ร่างที่สูงใหญ่อยู่แล้วของเขา บัดนี้เริ่มเปลี่ยนแป็นใหญ่โตกว่าเดิม
กำเนิดจากโลกมังกรอัคคีในเขาดาราทะเลดวงดาว สายเลือดผสมระหว่างมนุษย์และมังกร ครึ่งคนครึ่งมังกร
ความเป็นมาของสั่วหมิงจาง ราชันพระอังคาร หนึ่งในเก้านพเคราะห์คุนหลุนใหม่ไม่ใช่ความลับ
เผ่าปีศาจเมื่อเปลี่ยนเป็นมนุษย์ อาจถูกกดดันให้กลับร่างเดิม
การดำรงอยู่ที่เหมือนครึ่งคนครึ่งมังกรอย่างสั่วหมิงจาง เมื่อได้รับบาดเจ็บหนัก อาจจะคืนร่างเป็นครึ่งมังกร เผยให้เห็นลักษณะเด่นของเผ่ามังกร
ทว่าวินาทีนี้ เขามีพลังแข็งแกร่งสุดขีด ไม่มีท่าทางนอกแข็งในแห้งแล้ง มีความเจ็บป่วยในร่าง กลับเริ่มกลายเป็นมังกร ทำให้ทุกคนที่อยู่รอบๆ จิตใจสั่นสะท้าน
สั่วหมิงจางสีหน้าสงบราบคาบ เพียงกวาดมองจักรวาลรอบๆ พอกวาดผ่านโลกซ้อนโลก ในดวงตาก็เผยให้เห็นความกังวลหลายส่วนอย่างหาได้ยาก
เขาหันไปมองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอกับกษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ย “ข้าอาจมีเวลาแค่ชั่วอึดใจ ต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว”
………………..