ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1303 ใครตื่นจากฝันได้ก่อน ชีวิตมีแต่เราที่ทราบ
น่าเสียดายท่านไม่ทราบว่าข้าเป็นใคร
หยางเซ่อราชันพระอังคารเดิมทีมีสีหน้าผ่อนคลาย แต่คำกล่าวทำลายศิลาสะท้านฟ้ากลับทำให้ราชันพระเสาร์เจี่ยงเซิ่นตื่นตระหนก
เขาจับจ้องหยางเซ่อ พลันนึกถึงอะไรบางอย่าง สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมสุดขีด
หยางเซ่อสีหน้าผ่อนคลาย กล่าวด้วยรอยยิ้มไม่สะทกสะท้าน “ไม่เจอกันหลายปี หลังได้เจอกันอีกครั้งกลับไม่อาจใช้หน้าเดิมสนทนากับศิษย์พี่ร่วมเส้นทางเจี่ยง ขอท่านอภัยให้ด้วย พวกเราทราบดีว่ามังกรอัคคีสั่วมีพลังสูงส่งขนาดไหน คิดจะใช้ประโยชน์จากเขาจำเป็นต้องจ่ายราคามหาศาล ยิ่งไปกว่านั้นยังมีจักรพรรดิโกวเฉิน เพื่อทำให้พวกเขาวางใจ ข้าได้แต่ต้องจ่ายด้วยเลือดแล้ว แต่โชคดีที่เรื่องราวยังเป็นไปด้วยดี”
ขณะที่พูด กษัตริย์เร้นลับหยางเซ่อเริ่มเปลี่ยนแปลงไป
หน้าตาของเขายังคงเหมือนเดิม ธรรมดาทั่วไป ทำให้ผู้คนลืมทันทีหลังจากหันไปทางอื่น
มีแต่ดวงตาสองข้างที่เป็นข้อยกเว้น ก่อนหน้ามันยังชุ่มฉ่ำสงบนิ่ง เวลานี้ในดวงตาสาดประกายที่ยิ่งมายิ่งเจิดจ้าราวกับดวงดาว
มาถึงตอนท้าย ดวงดาวลอยขึ้นเหมือนกับดวงอาทิตย์เพิ่งโผล่พ้นจากฟ้า ไม่ทันไรก็วาดผ่านท้องนภา ค้างเติ่งอยู่กลางเวหา ราวกับตะวันกลางหาว
เจี่ยงเซิ่นไม่ถอยหนี สบตากับแสงสว่างเจิดจ้านั้น พูดทีละคำ
“เกา! หาน!”
แม้จะเป็นเยว่เจิ้ยเป่ยที่ก่อนหน้ายังสู้กับเจี่ยงเซิ่นอยู่ วินาทีนี้ก็เคลื่อนไหวช้าลง มองราชันพระเกตุที่เคยคุ้นเคยถึงขีดสุด แต่ตอนนี้กลับแปลกหน้าอยู่บ้างอย่างประหลาดใจ
ความแปลกหน้านี้ไม่ถูกต้องนัก ได้แต่บอกว่าราชันพระเกตุซึ่งอยู่ในสภาพปัจจุบัน ทำให้เขารู้สึกแปลกหน้า
แต่ว่าดวงตาที่เหมือนกับดวงอาทิตย์คู่นั้น เยว่เจิ้นเป่ยเคยเห็นมาก่อน…นั่นไม่ใช่ของหยางเซ่อราชันพระเกตุ
เป็นเกาหาน ราชันพระอาทิตย์ซึ่งเคยเป็นอีกคนในเก้านพเคราะห์คุนหลุนใหม่ และออกจากโลกซ้อนโลกไปหลายพันปี
แม้แต่เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในหอเซียนม่วงในตำหนักโอสถ ในเวลานี้ก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ
เป็นเพราะกษัตริย์ดาราเฉินเสวียนจง เขาจึงรู้แต่แรกแล้วว่ากษัตริย์เร้นลับหยางเซ่อลอบวางแผนบางอย่าง ถึงขั้นปิดบังกษัตริย์ดินเจี่ยงเซิ่น และยังได้ ‘ปิดปาก’ เฉินเสวียนจงเพราะสาเหตุนี้
หลายพันปีมานี้ กลับนึกไม่ถึงเลยว่ากษัตริย์เร้นลับหยางเซ่อที่ถูกจัดอยู่ในสามกษัตริย์บนโลกซ้อนโลก ถึงกับเป็นร่างแยกของคนอื่น!
ร่างแยกของราชันพระอาทิตย์เกาหาน
เขาวางแผนในที่ลับ กษัตริย์ดินเจี่ยงเซิ่นไม่ใช่ไม่รู้อะไรเลย หลายๆ เรื่องถึงขั้นกล่าวได้ว่าทราบทะลุปรุโปร่ง แต่ว่าสิ่งที่ทำให้คนตื่นตระหนกก็คือ เรื่องเหล่านั้นเป็นเกาหานตั้งใจให้เขาทราบ เพื่อทำให้เขากับจักรพรรดิโกวเฉินวางใจ ส่งจุดอ่อนและความลับให้แก่พวกเจี่ยงเซ่นด้วยมือตัวเอง
กระนั้นก็มีแค่สิ่งที่เกาหานต้องการมอบให้ พวกเขาจึงค่อยได้รับมา ความลับที่มีระดับลึกยิ่งกว่าอย่างแท้จริง กลับมิดชิดกว่าเดิมเพราะสาเหตุนี้
แม้เมื่อครู่ร่างจริงจะถูกสั่วหมิงจางเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บ ไม่อาจไม่หนีเอาชีวิตรอดตอนที่อยู่ด้านนอกจักรวาลสำนักเต๋า ทว่าเขาบังฟ้าปิดทะเล ใช้กลยุทธ์ลอบตีเฉินชาง วางหมากที่แท้จริงไว้ในจักวาลสำนักเต๋า รอคอยให้จักรพรรดิโกวเฉินวางใจ เมื่อสั่วหมิงจางจากไปแล้วจึงค่อยปรากฏตัว
“เริ่มตั้งแต่เมื่อใด” เจี่ยงเซิ่นถามเสียงทุ้ม “ต่อให้ท่านปิดบังข้า ปิดบังสหายร่วมเส้นทางเฉิน ปิดบังเจิ้นเป่ย แต่ปิดบังจักรพรรดิโกวเฉินได้อย่างไร”
‘หยางเซ่อ’ ยิ้มเล็กน้อย “เพราะโชคดีมีของวิเศษที่ได้มาโดยบังเอิญยิ่งชิ้นหนึ่งช่วยเหลือ จักรพรรดิโกวเฉินถึงอย่างไรก็อยู่ในมิตินอกเขตแดนเสียส่วนใหญ่ ยากจะกลับมา ความจริงก็เกือบความแตกหลายครั้ง ยังดีที่สุดท้ายรอดหวุดหวิด”
เขาแสยะยิ้ม “เริ่มตั้งแต่ตอนไหนหรือ อืม…ตั้งแต่แรกแล้ว”
ทุกคนที่อยู่รอบๆ บังเกิดความเย็นเยียบในจิตใจ
“ไม่ได้กำจัดคนแล้วสวมรอย…” เยว่เจิ้นเป่ยม่านตาหดตัวเล็กน้อย “ทว่าไม่มีหยางเซ่อราชันพระเกตุอะไรนั้นมาตั้งแต่แรกแล้ว มีแต่ร่างแยกของราชันพระอาทิตย์เกาหาน?”
เก้านพเคราะห์คุนหลุนใหม่ที่แท้จริง ความจริงมีแค่แปดคนตลอดมา!
รวมถึงร่างแยกที่ได้ผลักเปิดประตูเซียน อยู่ในระดับเซียนจริงแท้ของราชันพระอาทิตย์เกาหาน!
“ไม่ต้องแตกตื่นขนาดนั้นกระมัง ที่สหายร่วมเส้นทางเกาแห่งมรกตท่องฟ้าได้ชื่อ ‘กษัตริย์ลี้ลับ’ ประการแรกเป็นเพราะนางมีพลังโดดเด่นอย่างแท้จริง ประการที่สองไม่ใช่เป็นเพราะนางมีหนึ่งวิญญาณสองร่าง ครอบครองร่างแยกที่พลังฝึกปรือก้าวตามร่างจริงโดยสิ้นเชิงหรอกหรือ”
‘หยางเซ่อ’ ยิ้มเล็กน้อย “ร่างแยกนี้ของข้าห่างกันไกลนัก จะให้ดูเป็นธรรมชาติ ต้องดูว่าตัวเองตั้งใจฝึกฝนขนาดไหน”
เจี่ยงเซิ่นนิ่งเหมือนกับรูปสลัก
ร่างแยกของกษัตริย์ลี้ลับไม่อาจปิดบังหูตาคนอื่น ทำให้คิดว่านั่นเป็นคนมีชีวิตที่มีอิสระเสรี ไม่ใช่ร่างแยกของใคร
หากจะกล่าวให้ถูกต้อง ตัวตนที่เหมือนกับ ‘หยางเซ่อ’ ในโลก ไม่เอ่ยถึงว่าต้องมีแค่คนเดียว กระนั้นก็เกรงว่าจะหายากแน่นอน
ไม่เพียงแต่เขาเจี่ยงเซิ่นมองไม่ทะลุ แม้แต่จักรพรรดิโกวเฉินเองก็ถูกปิดบัง
ตอนนี้จะไม่แน่ใจได้อย่างไร ทว่าในตอนที่บุกเบิกโลกซ้อนโลก คนอื่นๆ ซึ่งรวมถึงจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ก็ถูกหลอกเช่นกัน!
‘หยางเซ่อ’ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ตอนนั้นคิดไม่ถึงว่าจะยาวนานถึงขนาดนี้ เป็นเพราะต้องรวบรวมเก้าคนดำเนินพิธี ร่างแยกของข้ามีพรสวรรค์ในแต่ละด้านไม่ธรรมดา จึงดึงมาให้ครบจำนวน ทำให้ศิษย์พี่ร่วมเส้นทางหัวเราะเยาะแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอพอฟังก็วิจารณ์ในใจ ‘ใช่แล้ว ปัญหาหนึ่งเดียวก็คือท่านไม่ได้บอกคนอื่น ว่านี่ไม่ใช่ผู้ช่วยที่ท่านพามา แต่เป็นร่างแยกของท่านเอง!’
“ต่อมาก็ลงเอยด้วยดี จนกระทั่งถึงวันนี้ นับเป็นความยินดีเหนือความคาดหมายเถอะ” ขณะที่พูด ‘หยางเซ่อ’ ก็มองฟ้าดินโลกซ้อนโลกที่อยู่ไกลออกไป
เจี่ยงเซิ่นในที่สุดก็เคลื่อนไหว จ้องมองเขา “ท่านมาเพื่อหยกหรูอี้ไตรรัตนะจริงๆ ตอนนี้ต้องการกระตุ้นตราสลักบนโลกซ้อนโลก สั่นคลอนการควบคุมของวิเศษของจักรพรรดิโกวเฉิน แล้วค่อยให้ใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋มารับกระมัง”
‘หยางเซ่อ’ พยักหน้าด้วยรู้สึกว่ามีเหตุผล “ในเมื่ออยู่มาหลายปี ย่อมต้องแสดงประโยชน์บ้าง วันนี้ในที่สุดก็มีโอกาสแล้ว”
สายตาของเขาจับบนเสาแสงหลายต้นที่เชื่อมต่อโลกซ้อนโลกกับตำหนักโอสถ
ถึงจะตื่นตระหนกกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของสภาพการณ์ในตอนนี้เช่นกัน ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ผ่อนการเคลื่อนไหว ผลักดันพิธีกรรมที่ตนวางไว้อย่างต่อเนื่อง
ประตูใหญ่ของตำหนักโอสถเปิดออก ควันสีม่วงหลายสายแผ่พุ่ง กลายเป็นทะเลเมฆอันไพศาลไร้ขอบเขต ครอบคลุมไปยังโลกซ้อนโลก
“คนรุ่นหลังน่ากลัวนัก” เกาหานจุ๊ปากชมเชย หันไปมองตำหนักโอสถ สายตาล่องลอยอยู่บ้าง “ก่อนหน้านี้คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะทำถึงขั้นนี้ได้”
เจี่ยงเซิ่นตอนนี้ไม่โจมตีตำหนักโอสถอีก แต่มองเกาหานอย่างระมัดระวัง
จากสถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าเยี่ยนจ้าวเกอทำแผนการสำเร็จ เกาหานก็ไม่อาจกระตุ้นตราสลักหยกหรูอี้ไตรรัตนะที่ซ่อนอยู่ใต้เขาคุนหลุนได้ ไม่อย่างนั้นโลกซ้อนโลกจะไม่อาจคงอยู่ ต้องดับสูญโดยสิ้นเชิง
ในกรณีเดียวกัน ถ้าเกาหานกระตุ้นตราสลัก แผนการของเยี่ยนจ้าวเกอจะต้องหยุดกลางคัน ไม่อย่างนั้นโลกซ้อนโลกจะล่มสลาย
แม้ครั้งกระโน้นเกาหานจะเข้าร่วมการบุกเบิกโลกซ้อนโลกด้วยตัวเอง แต่ที่แล้วมาเขามีความคิดแปลกประหลาด เจี่ยงเซิ่นไม่แน่ใจว่าเขาจะทำอะไร
ร่างจริงของเกาหานได้รับบาดเจ็บเพราะสั่วหมิงจาง ไม่มีพลังมาสอดมือเองอีกแล้ว
ร่างแยกนี้อย่าว่าแต่ตกสู่ระดับเซียนจริงแท้ แม้จะอยู่ในระดับเซียนลี้ลับ ก็ไม่อาจควบคุมสถานการณ์หรือสะกดพวกเยี่ยนจ้าวเกอได้
ทว่าตอนนี้ในเมื่อเกาหานกล้าเผยตัว ไหนเลยจะไม่มีความั่นใจ
“หลังจากวันนี้ ไม่อาจใช้ร่างนี้มองดูทิวทัศน์อันงดงามนี้ได้อีกแล้ว” บุุรุษหน้าตาธรรมดาแย้มยิ้ม จากนั้นทั่วทั้งร่างก็เริ่มมีแสงสาดออกมา
เปลวเพลิงหลายสายพุ่งเข้าหาโลกซ้อนโลก กอปรเป็นค่ายกลครอบคลุมฟ้าดินค่ายหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน ในเบ้าตาข้างขวาของ ‘หยางเซ่อ’ พลันกลายเป็นสีดำขลับ
ในความมืดปรากฏแสงกระจ่างเย็นเยียบ
ในแสงขาวบริสุทธิ์ เงาร่างสายหนึ่งค่อยๆ โผล่ออกมา
………………..