ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1304 สุริยันจันทราทอแสง
ระหว่างร่างแยกของเกาหานพูดอยู่ เยว่เจิ้นเป่ยกับเจี่ยงเซิ่นที่กำลังต่อสู้กันในตอนแรกก็หยุดลงมือพร้อมกัน
จากนั้นพวกเขาสองคนก็จู่โจมใส่ ‘หยางเซ่อ’!
ถึง ‘หยางเซ่อ’ ตรงหน้าจะไม่ส่งผลคุกคามต่อพวกเขา แต่ว่าด้วยความเข้าใจที่พวกเขามีต่อราชันพระอาทิตย์เกาหาน คนผู้นี้จะต้องมีแผนการวางไว้แน่นอน
ในเมื่อตอนนี้กล้าลงมือต่อหน้าเจี่ยงเซิ่นกับเยว่เจิ้ยเป่ย ก็หมายความว่าเขามั่นใจว่าจะสะกดทุกคนไว้ได้!
สถานการณ์เช่นนี้ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเกาหนานกลายเป็นฝ่ายที่แข็งแกร่งที่สุดในการรุก
เจี่ยงเซิ่นกับเยว่เจิ้ยเป่ยที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบไม่จำเป็นต้องตกลงกัน ร่วมมือกันโดยปริยาย
เยี่ยนจ้าวเกอที่ยึดครองตำหนักโอสถ กระตุ้นให้ตำหนักโอสถส่องแสงสีแดงสายหนึ่งพุ่งใส่ ‘หยางเซ่อ’
ทว่าไม่รอการโจมตีของพวกเขากระทบถูก ร่างของ ‘หยางเซ่อ’ ก็มีแสงเพลิงทะลักลุกไหม้ขึ้นมา
แสงเพลิงรุนแรงกลายเป็นค่ายกลที่ครอบคลุมโลกซ้อนโลก ตาข้างหนึ่งของ ‘หยางเซ่อ’ กลายเป็นมืดมิด ให้กำเนิดแสงสีขาวสุกสกาวอย่างต่อเนื่อง
เงาร่างสายหนึ่งลอยขึ้นในแสงสีขาว แสงสว่างสุกสกาวพลันขวางการโจมตีของเจี่ยงเซิ่น เยว่เจิ้นเป่ย และตำหนักโอสถ
พอเห็นเงาร่างของสตรีในแสงจันทร์สุกสกาว เจี่ยงเซิ่นสีหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิม “สหายร่วมเส้นทางหลิง!”
เยี่ยนจ้าวเกอพอเห็นสตรีนางนั้นไม่ได้รู้สึกประหลาดใจมากนัก
ร่างแยกของเกาหานกลายเป็นหยางเซ่อราชันพระเกตุ แม้จะกอปรด้วยวิชาลับและวาสนา แต่คิดจะปิดบังจักรพรรดิโกวเฉิน จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ ยังคงยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากความพยายามของเกาหานเองแล้ว ยังมีอีกคนหนึ่งที่มอบการช่วยเหลือแก่เขา
ราชันพระจันทร์ หลิงชิง!
พระเกตุเป็นดาวตรงข้ามของพระจันทร์ พลังจันทรุปราคากับพลังพระจันทร์สะกดกันและกัน เกาหานถ้าหากได้รับการช่วยเหลือจากนางก็จะเบาแรงลงมาก
ตอนแรกจักรพรรดิโกวเฉินกับจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋เร้นกายอยู่ในมิติ แต่ว่ามีการร่วมมือกันในยุคเก้านพเคราะห์คุนหลุนใหม่
ในกลุ่มจอมยุทธ์ระดับเดียวกัน ราชันพระจันทร์หลิงชิงเดิมทีเป็นคนที่สัมผัสถึงความผิดปกติของหยางเซ่อราชันพระเกตุได้มากที่สุด
สตรีในแสงจันทร์นั้น เคยเป็นเจ้าของมงกุฎจันทรา และนางทิ้งมงกุฎจันทราเอาไว้ในโลกแปดพิภพ
เสาระเบียงวังเทพที่เยี่ยนจ้าวเกอได้มาจากมหาทะเลทรายแดนตะวันตก สลักภาพตอนที่นางลงไปยังโลกแปดพิภพเอาไว้
แต่ว่าในเวลานั้น หน้าตาของนางถูกคลุมอยู่ในแสงกระจ่าง เยี่ยนจ้าวเกอที่พลังฝึกปรือยังต่ำมองไม่เห็น ตอนนี้เขาย่อมเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายได้
องคาพยพปานกลางค่อนไปทางสูง ไม่ได้งดงามเท่าราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวง ทว่ามีเสน่ห์เฉพาะตัว เย็นชาสงบนิ่ง ทำให้ผู้คนพอได้เห็นก็ยากลืมเลือน โดดเด่นสะดุดตา
แน่นอนวาในวินาทีนี้ จุดที่ดึงดูดที่สุดยังเป็นเสียงมหามรรคาที่ทำให้ผู้คนจิตใจเชื่องช้า วิญญาณว่างเปล่า ดังขึ้นกลางจักรวาลสำนักเต๋าอีกครั้งพร้อมการปรากฏโฉมของนาง
ราชันพระจันทร์หลิงชิงที่หลายพันปีก่อนหน้าไม่ได้กลับโลกซ้อนโลก ถึงกับฝ่าภัยพิบัติปฐมลี้ลับ ทำให้ห้าปราณมุ่งสูงต้นกำเนิด เลื่อนสู่ระดับเซียนกำเนิดสุญญตาแล้ว
ร่างของหลิงชิงกระโดดออกมาจากตาขวาของ ‘หยางเซ่อ’ สายตาเย็นชากวาดมองสี่ทิศ
ร่างของ ‘หยางเซ่อ’ กลายเป็นแสงเพลิงโดยสิ้นเชิง ก่อนจะพุ่งสู่โลกซ้อนโลก
ค่ายกลที่เกิดจากแสงเพลิงวนเวียนอยู่ในมิติจักรวาลด้านนอกโลกซ้อนโลก
ทว่าพอได้รับการชักนำจากมัน ในเขาคุนหลุนกลางโลกซ้อนโลกก็มีแสงวิญญาณหลายสายพุ่งขึ้นท้องฟ้า ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับค่ายกลแสงเพลิงนอกโลก
ชั่วขณะนั้น เขาคุนหลุนทั้งลูกคล้ายกำลังสั่นไหว
สถานที่ต่างๆ บนโลกซ้อนโลกมีแสงสว่างขึ้นติดต่อกัน เป็นค่ายกลเส้นรุ้งจัตุรัสที่เยี่ยนจ้าวเกอกับเสวี่ยชูฉิงได้วางไว้ก่อนหน้านี้
วินาทีนี้ค่ายกลเส้นรุ้งจัตุรัสที่ครอบคลุมทั่วโลกซ้อนโลกแทบทั้งหมดเริ่มทำงาน ช่วยค่ายกลแสงเพลิงด้านนอกโลกซ้อนโลก สร้างพลังมหาศาลไร้สิ้นสุด เหมือนกำลังหยกเขาคุนหลุนขึ้นทั้งลูก!
กระนั้นไม่ทันไร แสงวิญญาณมากมายที่ลอยขึ้นมาด้านในค่ายกลเส้นรุ้งจัตุรัสก็เสื่อมสลาย
แม้จะไม่ทราบถึงความคิดที่แท้จริงของเกาหาน แต่เมื่อทายออกว่าอีกฝ่ายมีแผนการในที่ลับ เยี่ยนจ้าวเกอสองแม่ลูกก็ไม่ต้องการถูกคนใช้เป็นเครื่องมือ แน่นอนว่าไม่มีทางเดินตามทุกจังหวะก้าวของเกาหาน ถึงอย่างไรพวกเขาก็ใช้ค่ายกลนี้ติดต่อตามหาราชันพระอังคารสั่วหมิงจาง
ค่ายกลเส้นรุ้งจัตุรัสพลังเหือดหาย การสั่นไหวของเขาคุนหลุนเบาลงเล็กน้อย
แต่เป็นแค่สภาวะที่ลดลง ไม่ใช่หยุดนิ่ง การสั่นไหวของเขาคุนหลุนยังคงดำเนินต่อ
เห็นได้ชัดว่าเกาหานไม่คิดจะอาศัยมือของคนนอกมาสนองหัวใจของแผนกานของตัวเอง
ความสามารถของค่ายกลเส้นรุ้งจัตุรัสคือการเร่งกระบวนการของพิธีกรรมหลัก ตอนนี้ค่ายกลเส้นรุ้งจัตุรัสใช้ไม่ได้ พิธีของเกาหานทำงานช้าลงมาก แต่ยังคงแสดงความสามารถไม่หยุด
เขาคุนหลุนสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง พิธีกรรมของเยี่ยนจ้าวเกอก็กำลังดำเนินอยู่เช่นกัน
เมื่อได้รับผลกระทบสองด้าน มิติเขตแดนของโลกซ้อนโลกพลันเริ่มไม่เสถียร
โลกธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ เมื่อมองจากกลางจักรวาลด้านนอกเข้าไป ขอบเขตที่ไร้รูปร่างในตอนแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นชัดเจนจนเห็นได้อย่างแช่มช้า เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
บัดนี้ขอบเขตของฟ้าดินแห่งนี้ค่อยๆ บิดเบี้ยวอย่างชัดเจน ปรากฏรอยร้าวอยู่เลือนราง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ผลลัพธ์ก็คือโลกใบนี้ฉีกขาดพังทลายลง!
หลังจากราชันพระจันทร์หลิงชิงปรากฏตัวก็ไม่กล่าวมากความ ยื่นฝ่ามืออกมาฟันใส่อากาศห่างไกล
พอถูกนางฟันใส่ เสาแสงที่เชื่อมระหว่างตำหนักโอสถและโลกซ้อนโลกพลันสั่นไหว การเชื่อมต่อระหว่างตำหนักโอสถและโลกซ้อนโลกอ่อนกำลังลง
ในโลกซ้อนโลก แสงของลวดลายอาคมหลายชนิดที่เยี่ยนจ้าวเกอวางไว้เริ่มดับลง
ผลกระทบสองด้านที่ส่งผลต่อโลกซ้อนโลก ด้านหนึ่งเสื่อมถอย โลกซ้อนโลกจึงเปลี่ยนเป็นมั่นคงอีกครั้ง ถึงวัฏจักรปราณวิญญาณยังคงเปลี่ยนแปลงไม่หยุด ทว่าสามารถรักษาความมั่นคงด้านพื้นฐานแรกสุดได้ ไม่ถึงกับเลวร้ายถึงขั้นที่ยากจะรักษาสมดุล มุ่งสู่ความพินาศในตอนท้าย
กระนั้นเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าแผนการของเกาหานดำเนินต่อไปตามที่คาดไว้ แผนการของเยี่ยนจ้าวเกอมีแต่จะต้องหยุดกลางคัน
ตราบใดที่มีเงื่อนไขว่าโลกซ้อนโลกจะไม่ถูกทำลาย แผนการของทั้งสองฝ่ายมีแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะดำเนินอย่างราบรื่นได้
ฝ่ายหนึ่งสำเร็จ ย่อมหมายถึงอีกฝ่ายล้มเหลว
สถานการณ์ในปัจจุบันเป็นผู้ใดแข็งแกร่งกว่าก็ขึ้นอยู่กับผู้นั้น
ผู้พ่ายแพ้ไม่มีโอกาสแม้แต่จะผลักดันแผนการของตัวเอง ทุ่มทำลายทุกสิ่งบนโลกซ้อนโลก
กษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยสูดหายใจลึก ฟันประกายกระบี่ออก ใช้ความสามารถของอีกฝ่ายคืนสนอง โจมตีค่ายกลเปลวเพลิงที่เจิดจากการเซ่นทรวงของกษัตริย์เร้นลับ
ไม่ว่าฝ่ายใดจะสำเร็จ ต่างไม่ใช่เรื่องที่ราชันพระเสาร์เจี่ยงเซิ่นต้องการเห็น ดังนั้นเขาจึงลงมือเช่นกัน
ร่างของหลิงชิงเหมือนกับอยู่กลางจักรวาล ไม่เคลื่อนไหว แสงสุกสกาวสองสายพุ่งออกมาขวางเยว่เจิ้นเป่ยกับเจี่ยงเซิ่น จากนั้นแสงขาวสามสายก็ลอยออกมา ปะทะกับแสงสีขาวที่ตำหนักโอสถส่งมา
นางสายตาไม่สั่นไหว แสงจันทร์สุกสกาวที่เย็นเยียบสงบนิ่งทั่วร่างแผ่พุ่งออกมา ส่องทั่วจักรวาล
ที่ใจกลางหว่างคิ้วของนางพลันมีแสงสีแดงผสมทองสว่างขึ้นมา ละลานตายิ่ง เหมือนกับดวงอาทิตย์ดวงหนึ่งลอยขึ้นจากในแสงจันทร์!
แสงอาทิตย์กับแสงจันทร์ผสานกัน สภาวะทั่วร่างของหลิงชิงระเบิดขึ้น สั่นสะท้านจิตใจคนยิ่งกว่าตอนที่เจี่ยงเซิ่นเป็นเซียนกำเนิดเสียอีก
ธงสีทองคันหนึ่งลอยออกมาจากหว่างคิ้วของหลิงชิง กางออกบนศีรษะนาง
พอเห็นธงยาวคันนั้น พวกเยี่ยนจ้าวเกอ เจี่ยงเซิ่น และเยว่เจิ้ยเป่ยต่างจิตใจหนักอึ้ง
นั่นเป็นอาวุธเซียนระดับสุญญตาชิ้นหนึ่ง!
เมื่อธงยาวอยู่ในมือ ต่อให้กษัตริย์ลี้ลับกับกษัตริย์เถาทางมรกตท่องฟ้าเร่งรุดมา ราชันพระจันทร์หลิงชิงก็ยังสามารถกวาดล้างทุกผู้ทุกคนได้ดุจเดิม
แม้เจี่ยงเซิ่นจะเลื่อนสู่ระดับเซียนกำเนิดในทันที กลับไม่อาจเสกอาวุธเซียนระดับสุญญตาชิ้นหนึ่งออกมาได้
หลิงชิงเพิ่งเลื่อนสู่ระดับเซียนกำเนิด ไม่ช้ากว่าเจี่ยงเซิ่น แต่ว่าอาวุธเซียนชิ้นนี้ก็ไม่ใช่ของนาง กลับเป็นเกาหานที่เลื่อนสู่ระดับเซียนกำเนิดมาหลายปีสร้างขึ้น
ร่างจริงของเกาหานได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะสั่วหมิงจาง แต่ว่าเขาก็ไม่ได้เตรียมธงเทวาแสงสุริยันไว้ใช้เอง แต่มอบให้หลิงชิง เพื่อสะกดจักรวาลสำนักเต๋าในตอนนี้!
………………..