ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1306 กลืนฟ้ากินอาทิตย์
‘ยังมาอีก?’ เยี่ยนจ้าวเกอจิตใจสั่นสะท้าน
เมื่อครู่มารเงาได้อาละวาดไปครั้งหนึ่ง ถูกสั่วหมิงจางกับจักรพรรดิโกวเฉินโจมตีจนต้องหนีไป
ถึงปัจจุบันสั่วหมิงจางกับจักรพรรดิโกวเฉินจะออกจากจักรวาลสำนักเต๋าเพราะเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ แต่ถ้ามารเงาไปแล้วกลับมา หรือว่าจอมมารระดับเทวกษัตริย์ตนอื่นๆ มายังโลกซ้อนโลก ยังคงฝ่าฝืนข้อห้ามร้ายแรง
สำหรับสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาในจักรวาล มารจากนพยมโลกสุดท้ายแล้วเป็นศัตรูร่วมกัน
จอมมารระดับสุดยอดออกจากนพยมโลก ไม่เผยร่องรอยยังพอทำเนา เมื่อเผยร่องรอยแล้วก็มักดึงดูดการกลุ้มรุมได้โดยง่าย
กระนั้นสถานการณ์ในตอนนี้แม้ไม่ใช่จอมมารหรือมารโบราณสุดยอด เป็นมารระดับจ้าวสวรรค์ ก็ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ของโลกซ้อนโลกในตอนนี้เช่นกัน
ราชันพระจันทร์หลิงชิงที่ควบคุมสถานการณ์ ย่อมโดนผลกระทบเป็นคนแรก
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ต้องการให้จอมารระดับสุดยอดสอดมือมาอีก
กษัตริย์ดารากับสือจวินสองแม่ลูกตอนนี้ต่างสะกดจิตใจเพราะผลกระทบจากมารเงาก่อนหน้า
หากถูกจอมารรบกวนอีก ยากจะคิดถึงผลลัพธ์
นอกจากจักรวาลสำนักเต๋า ยอดฝีมือจากโถงเซียนที่ยังหลงเหลืออยู่ส่วนหนึ่งก่อนหน้านี้ถูกสั่วหมิงจางจู่โจม ตกค้างอยู่ในมิตินอกเขตแดน
แต่เวลาผ่านไปนานถึงเพียงนี้ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าพวกเขาจะเริ่มเคลื่อนไหวอีกรอบแล้ว
หลังจากทำอะไรสั่วหมิงจางไม่ได้ ย่อมต้องระบายเพลิงโทสะใส่โลกซ้อนโลกกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
กษัตริย์ดารากับกษัตริย์กระบี่ เดิมทีคนหนึ่งต้องรับมือกษัตริย์ดิน คนหนึ่งต้องรับมือแรงกดดันตามหลังของยอดฝีมือจากโถงเซียน
ถ้าเกานหานราชันพระอาทิตย์ที่เยี่ยนจ้าวเกอคอยป้องกันมาโดยตลอดมีแผนการซ่อนเร้น เยี่ยนจ้าวเกอก็มีไพ่ตาย เตรียมไว้ใช้กับเขาเช่นกัน
แต่ว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย มารเงาแอบเข้าสู่ในโลกซ้อนโลกสำเร็จโดยที่ทุกคนคาดไม่ถึง ถึงจะไม่ก่อให้เกิดการทำลายที่เห็นได้ชัดแต่ก็ทำให้พวกกษัตริย์ดาราไม่อาจลงมือในตอนนี้
หลิงชิงย่อมไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อคนจากโถงเซียนเส้นทางนอกรีต ถ้าอีกฝ่ายจะบุกมาจริงๆ นางสมควรลงมือ
แต่ว่าก่อนหน้านั้น แผนการกระตุ้นตราสลักของหยกหรูอี้ไตรรัตนะใต้เขาคุนหลุนของเกาหานจะต้องสำเร็จเสียก่อน
นั่นหมายถึงว่าแผนการของเยี่ยนจ้าวเกอจะล้มเหลว
ดังนั้นแม้นสภาพจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นจับคอเสื้อเห็นข้อศอก เยี่ยนจ้าวเกอก็ได้แต่ต้องเตรียมทุ่มเทสุดกำลังก่อน
มิคาดทางเขตราตรีอุดรเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกรอบ
แนนอนว่าไม่จำเป็นต้องเป็นมาร
ระหว่างที่ความคิดทำงาน ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็เร่งรุดไปยังเขตราตรีอุดรด้วยความเร็วสูง
เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในตำหนักโอสถ กลางจักรวาลนอกโลกซ้อนโลก ชะลอแผนการเดิมชั่วคราว
แสงสีทองละลานตาในหอเซียนม่วงค่อยๆ จางลง เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับยังคงมีควันอบอวล
ทว่าจิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอกลับคืนสู่กายเนื้อของตัวเองอีกครั้ง
สภาพการณ์น้อยครั้งจะเป็นไปตามที่คาดไว้ทั้งหมด ครั้งนี้มีขุมกำลังมากมายเข้ามาร่วมด้วย ยิ่งยากจะประเมินทิศทางของสถานการณ์
เยี่ยนจ้าวเกอเตรียมใจในเรื่องนี้ไว้แต่ต้น ไม่ได้ลนลาน เพียงแต่ความคิดทำงานด้วยความเร็วสูง ปรับแผนการของตัวเองให้เป็นไปตามสถานการณ์จริง
ในจักรวาลสำนักเต๋า ราชันพระจันทร์หลิงชิงเลิกคิ้วเล็กน้อย ‘หายไปแล้ว? ความรู้สึกหลอน?’
นางมองตำหนักหยกขาวที่มีทะเลเมฆสีม้วงห้อมล้อมแต่ไกล ‘ไม่ ต้องไม่ใช่ความรู้สึกหลอนแน่’
เมื่อครู่มีอยู่ชั่วพริบตาหนึ่งที่นางสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ตำหนักโอสถตรงหน้าเหมือนกับจะมีสติปัญญาของตัวเอง กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความคิดและจิตวิญญาณเฉพาะตัว!
เพียงแต่ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นแวบเดียวแล้วหายไป ราวกับภาพลวงตา
‘ฟังว่าในอดีดวิญญาณตำหนักฟ้าฟื้นเคยมีสติปัญญาเป็นของตัวเอง รักษาลมหายใจมาถึงยุคปัจจุบัน แต่ในเมื่อวันนี้ตำหนักฟ้าฟื้นตกอยู่ในมือคน เช่นนั้นก็หมายความว่า วิญญาณตำหนักได้ดับสูญไปแล้ว’
‘ปฏิกิริยาเมื่อครู่ไม่ใช่ตายแล้วเกิดใหม่ แต่เป็น…ยืมศพคืนวิญญาณ’
‘เยี่ยน…จ้าวเกอหรือ?’ หลิงชิงสายตากระจ่างประดุจสายน้ำ สงบนิ่งอยู่ห่างไกล ‘เจ้าคิดทดลองทำให้วิญญาณของตัวเองกลายเป็นวิญญาณตำหนักฟ้าฟื้น?’
นางโบกธงยาวในมือกระแทกเยวเจิ้นเป่ยกษัตริย์กระบี่กับกษัตริย์ดินเจี่ยงเซิ่นถอยหลัง
แสงสีขาวสุกสกาวสายหนึ่งแวบผ่านจักรวาลอันมืดมิด บรรลุถึงด้านหน้าตำหนักโอสถในชั่วพริบตา!
สำหรับหลิงชิงแล้ว ไม่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะหยุดกระบวนการพิธีกรรมด้วยตัวเอง หรือพิธีกรรมล้มเหลว ล้วนไม่ส่งผลต่อการหยุดการกระทำในตอนนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ เพื่อกำจัดตัวแปรผันผวนที่ซ่อนอยู่ทิ้งก่อนของนาง
ดวงอาทิตย์สีแดงทองและดวงจันทร์สีเงินยวงลอยตกสลับกัน มาถึงด้านบนตำหนักโอสถ พลังอันยิ่งใหญ่ลี้ลับกดทับลงมาพร้อมกัน
ทะเลเมฆควันสีม่วงรอบๆ ตำหนักโอสถพลิกตัวอย่างต่อเนื่อง สูญสลายเพราะการสาดแสงจากแสงอาทิตย์และแสงจันทร์
ตำหนักใหญ่ที่ตอนแรกขาวสะอาดไร้รอยตำหนิ วินาทีนี้ถูกแสงสวางสีทองและเงินครอบคลุม
ต่อให้จะอยู่ในหอเซียนม่วง เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกกว่าเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับที่ตนสะกดไว้อยู่สั่นไหวไม่หยุด
ปัจจุบันเขามีระดับพลังฝึกปรือจำกัด พลังควบคุมตำหนักโอสถย่อมสู้วิญญาณตำหนักในตอนนั้นไม่ได้
ถ้าหากว่าสามารถเปลี่ยนให้ตัวเองกลายเป็นวิญญาณตำหนัก กลับสามารถรับมือคู่ต่อสู้ตรงหน้าได้บ้าง
แม้นั่นอาจจะต้องยอมรับความเสี่ยงที่หากไม่ระวังแม้แต่นิดเดียว ก็จะถูกอีกฝ่ายบดขยี้วิญญาณก่อนจะเปลี่ยนแปลงสำเร็จ
ไม้ตายนี้หากไม่ต้องใช้ย่อมพยายามไม่ใช้ จึงจะมีผลปราบปราม รับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันได้
ตอนนี้เผชิญกับการลงมือของหลิงชิง เยี่ยนจ้าวเกอรับมือด้วยความเยือกเย็น ปกป้องตัวเอง ทั้งป้องกันการจู่โจมตำหนักโอสถของหลิงชิง และเสริมความมั่นคงแก่การเชื่อมต่อระหว่างตำหนักโอสถกับโลกซ้อนโลกซ้อนโลกที่แทบจะพังทลาย
พิธีที่ต้านทานค่ายกลของเยี่ยนจ้าวเกอ เป็นฝีมือของเกาหาน ตอนนี้ทำงานด้วยตัวเองภายใต้การกระตุ้น
หลิงชิงเพียงคุ้มกัน ไม่ใช่คนควบคุมพิธี นางที่อยู่นอกโลกซ้อนโลก ไม่ได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในเขตราตรีอุดรประเปรียวขนาดนั้น
แต่นางที่เป็นเซียนกำเนิดก็ค้นพบความไม่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว
“เขตราตรีอุดร? ยังมีจอมมาร?” หลิงชิงสีหน้าสั่นไหว “ไม่…ไม่ใช่มาร เป็นคน?”
“ถูกต้อง ผู้มาเป็นคน” ในตำหนักโอสถมีเสียงของเยี่ยนจ้าวเกอส่งมา แฝงด้วยความยินดี
พลันมีควันมารเพลิงทมิฬอันรุนแรงพุ่งออกมาจากโลกซ้อนโลก ฟันใส่ค่ายกลเปลวเพลิงที่เกิดจากร่างของ ‘หยางเซ่อ’ เมื่อก่อนหน้า
แสงมารสีน้ำเงินเข้มกระจายไปทั่ว แม้แต่เปลวเพลิงก็ถูกเผา มลายหายไป!
หลิงชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ยื่นมือหนึ่งออกมาสะกดตำหนักโอสถ อีกมือหนึ่งคว้าธงเทวาแสงสุริยัน โบกไปทางโลกซ้อนโลก
พายุสุริยะอันคลุ้มคลั่งกลายเป็นแสงสีทองนับหมื่นสาย เติมเต็มจักรวาลทั้งจักรวาลในชั่วพริบตา
ทว่าควันมารสีดำสนิทซึ่งแฝงแสงเพลิงสีน้ำเงินกลับทวีพลังขึ้นขั้นหนึ่ง
พลังกัดกร่อนไร้ขอบเขตกลืนฟ้ากินอาทิตย์ ถึงกับกลืนกินแสงอาทิตย์โชติช่วงหมดสิ้น ทำให้มันสลายไป
ชั่วขณะนั้น ดวงอาทิตย์ที่เคยส่องแสงแก่จักรวาลสำนักเต๋าจนวัตถุอื่นนดับแสงลงไป พลันมืดมัวลง
จักรวาลเหมือนกับปรากฏสุริยุปราคา
ดาวราหูที่น่ากลัวกัดกร่อนกดข่ม กลืนกินแสงของดวงอาทิตย์ ราวกับจ้าวชีวิตคนใหม่
แสงสว่างหายไปอย่างต่อเนื่อง วินาทีนี้จักรวาลทั้งจักรวาลคล้ายตกสู่ความมืด
“…เจี่ยนซุ่นหวาหรือ?” หลิงชิงเอ่ยอย่างเฉื่อยชา
ในความมืดพลันปรากฏแสงจันทร์กระจ่างใส เหมือนกับขวนสีเงินแตกออก สายน้ำหลั่งไหลสู่ผืนดิน แผ่กระจายออกมาทั่วจักรวาล
แสงจันทร์เบาบาง ไม่ขับไล่ความมืด แต่กลับไม่ถูกความมืดกลบกลืน
แสงจันทร์สีเงินยวงเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว แสงสีทองของดวงอาทิตย์ปรากฏ หยินหยางแลกเปลี่ยน ตะวันจันทราสับที่ สองสิ่งรวมกันกลายเป็นแสงสว่างยิ่งใหญ่ เริ่มโต้กลับความมืด บดขยี้ควันมารเพลิงทมิฬเป็นผุยผง!
แต่ว่าในระหว่างที่ความมืดถอยร่นไปติดต่อกัน ด้านในพลันมีกลิ่นอายที่น่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าโผล่มา!
พอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายนั้น หลิงชิงที่เยือกเย็นสงบนิ่งมาโดยตลอด สายตาพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ไม่ใช่จิตพลังของมารทองแก?”
“เจี่ยนซุ่นหวา ท่านไปทำอะไรในนพยมโลกกันแน่?”
………………..