ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1307 ดาบปัจฉิมธรรมสูญสิ้น
มีน้อยคนที่ทราบถึงแผนการที่เกี่ยวข้องกับการคืนชีพและมารแห่งนพยมโลกของเจี่ยนซุ่นหวาราชันพระราหู
แต่ความจริงแล้วครั้งกระโน้น ในฐานะคนที่เป็นเก้านพเคราะห์คุนหลุนใหม่เหมือนกัน กลับทราบถึงความลับที่อยู่ในนี้ได้บ้าง ราชันพระจันทร์หลิงชิงย่อมเป็นหนึ่งในนี้
เจี่ยงซุ่นหวาวางแผนชิงอำนาจจอมมาร เป้าหมายก็คือมารทองแกที่ดับสูญเพราะเยี่ยนซิงถางราชันพระศุกร์
เป้าหมายของราชันพระราหูผู้นี้ไม่ใช่จอมมารระดับจ้าวสวรรค์ และไม่ใช่จอมมารที่อยู่ในระดับเทวกษัตริย์ตามความหมายทั่วไป
แต่เป็นมารทองแก หนึ่งในสิบสองเทพมารสวรรค์!
สาเหตุที่ใจกล้าขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะมีความมั่นใจว่าจะสำเร็จ ตามที่หลิงชิงทราบ ด้านหลังยังมีการสนับสนุนจากจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋กับจักรพรรดิโกวเฉิน
นั่นความจริงไม่ใช่การกระทำส่วนตัวของเจี่ยนซุนหวา แต่เกี่ยวพันถึงการวางสถานการณ์ของยอดฝีมือระดับสูงกว่า
เดิมทีสมควรเป็นเช่นนี้
แต่ในวินาทีนี้พอหลิงชิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่ากลัวในควันมารเพลิงทมิฬนั้น ก็รู้สึกได้ถึงเลศนัยด้านในทันที
นั่นไม่ใช่จิตพลังที่รุนแรงดุดัน และคมกล้าน่าสะพรึงถึงขีดสุดเหมือนกับร่างแปลงของมารทองแกอย่างโอวสือหยางมารกระบี่ในอดีต
แต่ว่าเป็นกลิ่นอายที่เย็นเยียบยิ่งกว่า เปล่าเปลี่ยวยิ่งกว่า น่าขนลุกยิ่งกว่า น่าสะพรึงยิ่งกว่า โหดเหี้ยมยิ่งกว่า!
เหมือนกับความชั่วร้ายในโลกธรรมชาติตั้งแต่ยุคโบราณกาล ภายใต้การสับเปลี่ยนยุคสมัย รวมอยู่ด้วยกัน นำภัยพิบัติมาสู่โลก!
ในควันมารเพลิงทมิฬที่เหี้ยมโหดชั่วร้ายอยู่แล้ว พอกลิ่นอายนี้โผล่ขึ้น จักรวาลสำนักเต๋ารอบๆ ถึงกับเกิดสภาพเสื่อมโทรมดับสูญ!
ทั้งหมดอาศัยการสะกดข่มของนายแห่งควันมารเพลิงทมิฬ รวบพลังเป็นจุดเดียว ไม่อย่างนั้นโลกซ้อนโลกจะประสบภัยในทันที
แต่ว่าจุดที่เกิดจากการรวบพลังนี้ กลายเป็นคมดาบสีดำสนิท ฟันทำลายมิติเวลา มาถึงตรงหน้าหลิงชิง
ตะวันจันทราสลับที่ แสงสว่างที่ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์หลอมรวมอยู่ ถูกคมดาบสีดำสนิทฟันออกจากตรงกลาง
ความมืดไร้สิ้นสุดกลืนกินแสงของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ ครอบคลุมจักรวาลไว้อีกครั้ง
หลิงชิงใบหน้าเคร่งขรึม แสงจันทร์สีเงินยวงรอบตัวพลันหายไปเอง กลายเป็นความมืดสีดำน้ำเงินบิรเวณหนึ่ง!
อาคมพระเกตุ!
ราชันพระจันทร์หลิงชิงมีส่วนร่วมในการสร้างวรยุทธ์ของร่างแยกที่กลายเป็นราชันพระเกตุของเกาหาน
หลิงชิงครอบครองพลังพระจันทร์ของพระจันทร์ กับพลังจันทรุปราคาของพระเกตุในเวลาเดียวกัน
ระหว่างแสงและความมืดปะทะกัน หลิงชิงผลักฝ่ามือไปด้านหน้า ปรากฏพลังของรอยตราพลิกฟ้า
จิตพลังที่บิดเปลี่ยนแสงและความมืดสองลักษณ์ ในวินาทีนี้พุ่งขึ้นสู่ระดับสุงสุด ผสมกันเป็นพลังอันมหาศาลไร้สิ้นสุดที่ยากจินตนาการ
ในขณะเดียวกัน หลิงชิงก็จับธงเทวาแสงสุริยัน แล้วฟันออกไปด้านนอกอย่างแช่มช้า
การเคลื่อนไหวที่แม้ดูเชื่องช้า ความจริงกลับรวดเร็ว ทำลายมิติจักรวาลทิ้ง!
ธงเทวาแสงสุริยันเป็นอาวุธเซียนที่ราชันพระอาทิตย์เกาหานหลอมสร้างขึ้น จิตพลังเข้ากันกับวรยุทธ์ของเกาหาน
เหมือนกับที่เยี่ยนจ้าวเกอกระตุ้นทวนพระอังคารในเมฆดาราปฐมกำเนิดเป็นครั้งแรกเมื่อก่อนหน้า หลิงชิงยืมธงเทวาแสงสุริยันชั่วคราว ไม่อาจใช้ได้คล่องมือ
ทว่านางก็ใช้คัมภีร์เบิกนภาได้เช่นกัน
ความลี้ลับในเนื้อหาของคัมภีร์เบิกนภา ตอนนี้ผสมกับความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับคัมภีร์เบิกนภาของเกาหานในธงเทวาแสงสุริยันถึงระดับหนึ่ง
ธงยาวที่ส่องแสงเจิดจ้า วินาทีนี้ฟันออกด้วยสภาวะเบิกผ่าฟ้าดิน ทำลายความมืดมิด เหมือนกับกำลังจะสร้างโลกขึ้นอีกครั้ง!
ความขมุกขมัวเปิดออก ดิน น้ำ ลม ไฟ ปั่นป่วนไหลเชี่ยว จากนั้นกลายเป็นแสงอาทิตย์ไร้สิ้นสุดในชั่วพริบตา
แสงอาทิตย์พุ่งออกไปด้านหน้า ทำลายมิติอย่างต่อเนื่อง
การขยับย้ายเช่นนี้มีสภาวะไร้สิ้นสุด กระจายทั่วมิติจักรวาล ขยายตัวออกด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง
ดวงจันทร์และจันทร์ย้อนเมื่อก่อนหน้า ภายใต้การสับเปลี่ยนระหว่างแสงและความมืด พลังอันยิ่งใหญ่ของรอยตราพลิกฟ้าที่พลิกเปลี่ยนสองลักษณ์ ได้มอบพลังตามหลังอันเปี่ยมให้แก่การขยับขยายอย่างไม่เคยมีมาก่อนนี้ ทำให้มันยิ่งมายิ่งแกร่ง อยู่ในสภาวะไม่อาจต้านทาน มุ่งตรงไปอย่างต่อเนื่อง!
คมดาบมืดมิดที่โหดเหี้ยมกว่าสิ่งใด วินาทีนี้แข็งแกร่งไม่อาจทำลาย
แม้จะเป็นแสงอาทิตย์ที่เบิกฟ้าผ่าดิน ก็ถูกคมดาบมืดมิดฟันทำลายอย่างต่อเนื่อง!
โชคดีที่หลิงชิงมีพลังติดตามแข็งแกร่งกว่า คนผสานพลังกับพลังของธงเทวาแสงสุริยัน ส่งพลังทำลายอย่างต่อเนื่อง จึงค่อยสลายคมดาบน่ากลัวที่ทำลายตะวันจันทรานั้นได้
มาถึงตอนท้าย คมดาบสีดำหายไป ควันมารเพลิงทมิฬถูกทำลายมากมาย
กระนั้น การโจมตีของหลิชิงกลับไร่เรี่ยวแรงมุ่งตรงไป
หลังจากปะทะกับดาบของอีกฝ่ายอย่างหักโหม นางก็รู้สึกได้ว่าจิตพลังของตนถูกสลาย
ไม่ใช่แก่นเซียนของนางได้รับความเสียหาย แต่เป็นความเข้าใจที่มีต่อจิตพลังในวรุยทธ์มากมายถึงกับเหมือนเกิดความรู้สึกถอยหลัง
ความเข้าใจที่ตนมีต่อหลักการฟ้าดิน คล้ายกับเปลี่ยนเป็นไม่คุ้นเคยแล้ว
การเชื่อมต่อกับการสัมผัสระหว่างตนกับธรรมชาติแห่งฟ้าดินเหมือนกับบังเกิดความเหินห่างเล็กน้อย
ไม่ใช่สูญเสียความทรงจำ แต่ว่าความเข้าใจที่ตนมิต่อวิชาเต๋า เหมือนกับว่าการฝึกฝนอย่างหนักเมื่อก่อนหน้าล้วนเป็นการหลอกตัวเอง ความจริงตนไม่ได้ตั้งใจฝึกฝนจริงๆ ไม่ได้คว้าจิตพลังเหล่านั้นได้อย่างแท้จริง
สำหรับจ้าวสวรรค์ที่เลื่อนสู่ระดับเซียน วันนี้ยังรวมห้าปราณให้มุ่งสู่ต้นกำเนิดได้ นี่ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ
แต่ว่าตอนนี้กลับเกิดขึ้นจริงๆ แล้ว
สภาพการณ์แตกต่างกับตอนที่สั่วหมิงจางใช้คัมภีร์ตัดนภาทำลายระดับของเกาหาน เจี่ยงเซิ่น และหยางเซ่อ
หลิงชิงคล้ายเข้าใจอะไร สายตามองควันมารกว้างใหญ่ที่เปลี่ยนจากอ่อนแอเป็นแข็งแกร่งนั้นด้วยความประหลาดใจ
เจี่ยงเซิ่นกับเยว่เจิ้ยเป่ยต่างอดให้ความสนใจสถานการณ์ตรงหน้าไม่ได้
เจี่ยงเซิ่นทราบเรื่องของเจี่ยนซุ่นหวาอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้หัวคิ้วขมวดมุ่น สับสนงุนงง
เยว่เจิ้ยเป่ยเคยได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอพูดถึงชะตากรรมของเฟิงอวิ๋นเซิง ตอนนี้สัมผัสได้ถึงจิตพลังในดาบเมื่อครู่ รู้สึกไม่ดีนัก
แต่เขาคิดถึงตำนานที่เก่าแก่สุดขีดส่วนหนึ่ง คล้ายสอดคล้องกับเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเลือนราง
ในตำหนักโอสถ เยี่ยนจ้าวเกอที่เดิมทีดีอกดีใจ ยิ้มอย่างเริงร่า พอเห็นดาบนั้น สีหน้าอดฉายแววปวดฟันขึ้นมาไม่ได้ ‘เจี่ยนซุ่นหวาท่านเสียสติแล้ว สมน้ำหน้าที่ท่านตายไป!’
ถ้าหากเป็นเรื่องอื่น เขาไม่แน่ว่าจะยกนิ้วโป้งให้อีกฝ่าย ชมเชยความกล้าคิดกล้าทำ
ถึงขั้นที่่ต่อให้เรื่องราวเกิดขึ้นกับตัวเขา เยี่ยนจ้าวเกอก็ยังรับมือด้วยสภาพจิตใจสู้ฟ้าท้าดิน และหรรษาไร้สิ้นสุด
ทว่าเมื่อเกิดกับคนใกล้ตัว เยี่ยนจ้าวเกอก็คิดด่าคนจริงๆ แล้ว
เป็นอย่างที่หลิงชิง เจี่ยงเซิ่น เยว่เจิ้นเป่ยรู้สึก อำนาจจอมมารที่เจี่ยงซุ่นหวาชิงมา ไม่ใช่มารทองแกในแผนการเดิมจริงๆ
หรือควรจะพูดว่า ไม่ใช่แผนการที่นางบอกกับคนอื่นต่อหน้า
เป้าหมายที่ราชันพระราหูผู้นี้ต้องการในตอนนั้น เป็นเป้าหมายที่น่ากลัวยิ่งกว่ามารทองแกที่เป็นหนึ่งในหกสุดยอดมารเสียอีก
สิบสองเทพมารสวรรค์ยังแยกออกเป็นสองประเภท
ประเภทที่หนึ่ง ก็คือหกสุดยอดมาร อันได้แก่มารจิต มารทองแก มารไม้อิก มารน้ำกุ่ย มารไฟปิ่ง มารดินโบ่ว ล้วนเป็นจอมมารและมารโบราณระดับสุดยอดทั้งสิ้น
ส่วนอีกประเภทหนึ่ง เป็นหกบรรพมาร ตัวตนที่เก่าแก่และแข็งแกร่งยิ่งกว่าหกสุดยอดมาก
หกบรรพมาร ล้วนเกิดก่อนกำเนิดโลก
มีกรณียกเว้นอยู่หนึ่งกรณี ถึงจะเป็นบรรพมารก่อนกำเนิด ปัจจุบันกลับไม่เคยเผยโฉม ว่ากันว่าจะจุติดมายังวันสิ้นโลก จุดจบของหลังกำเนิด
มีชื่อว่าอะไรกันแน่ ปัจจุบันความจริงยังไม่ทราบ ทุกคนจึงใช้ชื่อเรียกหนึ่งชั่วครวตามอำนาจของมัน
มารสวรรค์ปัจฉิมธรรม!
………………..