ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1309 เอาโลกซ้อนโลกไปครึ่งหนึ่ง!
หากอยู่ในมิติจักรวาลด้านนอก แล้วมองดูโลกซ้อนโลก ที่นั่นคล้ายไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด
แม้แต่ขนาดโครงร่างอาณาเขต ก็ยังไม่มีความแตกต่างเมื่อเทียบกับก่อนหน้า
แต่เป็นภายในโลกซ้อนโลกในตอนนี้ ทุกคนอ้าปากตาค้าง มองโลกเบื้องหน้าของตัวเองเกิดการเปลี่ยนฟ้าดิน
กลิ่นยากระจายอยู่ทั่วโลกซ้อนโลก
พลังของตำหนักโอสถขณะที่ซึมผ่านและแสดงผล จักรวาลในตำหนักก็เหมือนเชื่อมกับภายในโลกซ้อนโลก
บนท้องนภาปรากฏวังวนขนาดมหึมา
ริมวังวนนแผ่ขยายไม่หยุด ครอบคลุมยึดครองท้องฟ้าของโลกซ้อนโลกทั้งหมด
ระหว่างฟ้าดินของโลกซ้อนโลก เขตชางเทียนตะวันออกเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นที่แรก แสงสว่างหลายสายพุ่งขึ้นฟ้า แล้วหายไปในวังวนขนาดมหึมานั้น
พอถูกแสงสว่างหลายสายนั้นตรึงไว้ ฟ้าดินกว้างใหญ่ แม่น้ำลำธาร ขุนเขาที่ราบในเขตชางเทียนตะวันออก ล้วนเริ่มหายไป
สิ่งมีชีวิตทั้งมวลในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเดรัจฉาน เริ่มกลายเป็นประกายแสง หายไปจากที่เดิม
สิ่งมีชีวิตหรือเรื่องราววัตถุที่มีรูปร่างทุกอย่าง ตอนนี้ต่างกลายเป็นตัวตนไร้รูปร่าง ถูกแสงนั้นดึงไว้ แล้วหายไปจากขอบเขตของโลกซ้อนโลกพร้อมกับเขตชางเทียนตะวันออก
โลกซ้อนโลกเหมือนกับหดเล็กลง
ไม่ใช่เพราะถูกเฉือนฉีก แต่เป็นธรรมชาติยิ่ง เสมือนเขตชางเทียนตะวันออกที่แล้วมาไม่เคยอยู่ในโลกซ้อนโลกมาก่อน
เหมือนกับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา โลกซ้อนโลกมีแค่แปดเขต
คนจำนวนน้อยที่มีพลังฝึกปรือล้ำเลิศปัจจุบันยังอยู่บนโลกซ้อนโลก เวลานี้มองทางตะวันออกอย่างตื่นตระหนกบนเขาคุนหลุน
“ฝีมือที่ร้ายกาจนัก!” จักรพรรดิสรรพสิ่งไร้จำกัดมองภาพนี้ด้วยสีหน้าซับซ้อน ในใจเต็มไปด้วยรสชาติต่างๆ
ต่อจากเขตชางเทียนตะวันออก เขตหยางเทียนตะวันออกเฉียงใต้กับเขตหมินเมียนตะวันออกเฉียงเหนือที่อยู่ติดกันก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงตาม
สามเขตตะวันออกของโลกซ้อนโลก วินาทีนี้เหมือนกับกลายเป็นลำแสง ลอยขึ้นอย่างต่อเนื่อง เข้าไปในวังวนขนาดมหึมาที่ครอบคลุมท้องฟ้า หายไปจากโลกซ้อนโลก
“หลิวอีสาน กับเฉาอาคเนย์ตัดสินใจแล้วเช่นกันหรือ?” จักรพรรดิสรรพสิ่งไร้จำกัดพึมพำกับตัวเอง
การไปในครั้งนี้ เป็นคนกับวัตถุที่อยู่ในเขตหยางเทียนตะวันออกเฉียงใต้กับเขตหมินเทียนตะวันออกเฉียงเหนือล้วนจากไป
ในนี้ใช่ว่าทุกคนจะยินยอม แต่ที่ราบรื่นเช่นนี้ ย่อมมีการช่วยเหลือของประมุขอีสานและประมุขอาคเนย์
พลังการควบคุมจอมยุทธ์ระดับต่ำไปถึงกลางและโลกของคนธรรมดาในสองเขต ไม่มีอะไรต้องกังขา
นี่จำเป็นต้องมีการตกตะกอนของกาลเวลา ไม่ใช่จะสำเร็จได้ในไม่กี่นาที
หลังจากสามเขตทางตะวันออก เขตเหยียนเทียนทิศใต้กับเขตจูเทียนตะวันตกเฉียงเหนือเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงพร้อมกัน!
เก้าเขตในโลกซ้อนโลก เขตตะวันออกเฉียงเหนือ เขตตะวันออก เขตตะวันออกเฉียงใต้ เขตทิศใต้ เขตตะวันตกเฉียงใต้ ห้าเขตหายไปจากขอบเขตของโลกซ้อนโลกพร้อมกัน!
พร้อมกับการเลื่อนไหลของเวลา แม้แต่เขตจวินเทียนศูนย์กลางซึ่งเขาคุนหลุนอยู่ ต่างเริ่มสั่นสะเทือน!
ทุกคนเพ่งตามองไป บริเวณทิศเหนือของเขาคุนหลุน พื้นที่ที่มีเขานครหยกเป็นผู้นำ ถึงกับเริ่มกลายเป็นลำแสง หายไปจากฟ้าดิน
เขานครหยก ยอดเขาเมฆมรกต หุบเขาผีเสื้อมังกร ไปจนถึงหุบเขาเจิดจรัสที่อยู่เดิมของจักรพรรดิเจิดจรัส ซึ่งถูกทิ้งร้างไปนาน ต่างลอยขึ้นมาพร้อมกัน
เขตจวินเทียนศูนย์กลางมีสถานที่ส่วนหนึ่งเริ่มกลายเป็นแสงรุ้ง
เหล่าจอมยุทธ์ของที่นี่ มองป้ายคำสั่งในมือตัวเอง นึกขึ้นได้โดยพลัน ‘นี่จึงเป็นความสามารถที่แท้จริงของป้ายคำสั่งจากตึกความลับฟ้าหรือ?’
มีคนคิดปฏิเสธ ไม่ต้องการจากไป
พอความคิดทำงาน แสงของป้ายคำสั่งก็หายไปทันที
หลังจากทุกคนค้นพบจุดนี้ จิตใจก็ลังเลกว่าเดิม
ไป หรือว่าไม่ไป?
แม้จะไม่ทราบถึงการดำรงอยู่ของโถงเซียน และไม่ทราบว่าสั่วหมิงจางกับจักรพรรดิโกวเฉินไม่ลงรอยกัน
กระนั้นพวกเขาล้วนรู้ถึงข้อพิพาทระหว่างเยี่ยนจ้าว กษัตริย์กระบี่ กษัตริย์ดารา กับกษัตริย์ดิน และกษัตริย์เร้นลับ
วินาทีนี้ เป็นช่วงเวลาที่จำเป็นต้องเลือกอย่างแท้จริง
แสงมากมายมีสว่างมีดำ
ลำแสงที่ยังคงส่องแสง เริ่มเข้าไปในวังวนกลางท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง
ชั่วขณะนั้น เขตจวินเทียนศูนย์กลางเหมือนเกิดความรู้สึกแตกฉานซ่านเซ็น
ภายใต้เขาคุนหลุนมีประกายแสงสามสีสว่างอย่างฉับพลัน ปกป้องเขาคุนหลุนอย่างไร้สุ้มไร้เสียง เหยียดยื่นออกไปด้านนอก สร้างความมั่นคงให้แก่สถานที่ที่เหลืออยู่ในเขตจวินเทียนศูนย์กลาง
และเป็นเพราะสาเหตุนี้ โลกซ้อนโลกจึงมั่นคงขึ้นอีกครั้ง ไม่ปรากฏสภาพวิกฤต
ทว่าการดำรงอยู่มากมายที่อยู่ที่นี่ ล้วนกลายเป็นลำแสง ถูกวังวนบนท้องฟ้าดูดไปอย่างเงียบๆ
สภาพบิดเบี้ยวชนิดหนึ่งของโลกทั้งใบ ทำให้คนพอเห็นก็ยากจะลืมเลือน
ในมิติจักรวาลสำนักเต๋าด้านนอกโลกซ้อนโลก ราชันพระเสาร์เจี่ยงเซิ่นมองเหตุการณ์นี้ พร้อมกับต้องการจะหยุดยั้ง
หลิงชิงถูกเฟิงอวิ๋นเซิงขวาง แผนการของเกาหานกำลังจะล้มเหลว
สำหรับเจี่ยงเซิ่นแล้ว คู่ต่อสู้อันดับแรกกลายเป็นพวกเยี่ยนจ้าวเกออีกหน
แต่กษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้ยเป่ยคอยพัวพันอยู่ด้านข้าง เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้มองข้ามเจี่ยงเซิ่น ขณะที่เร่งการกระตุ้นพิธีกรรม ยังคงผลักดันห้ตำหนักโอสถหาเวลาโจมตีเจี่ยงเซิ่นอย่างต่อเนื่อง ขัดขวางการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ไม่ให้มารบกวนพิธีกรรม
พร้อมกับที่เวลาดำเนินไป ค่ายกลเปลวเพลิงที่เกาหานวางก็ดับมอดลงโดยสิ้นเชิง
ดินแดนมากกว่าครึ่งในโลกซ้อนโลกหายไปจากโลกใบนี้เหมือนกับระเหยหาย
กลางจักรวาลด้านในตำหนักโอสถ กลับบังเกิดลำแสงนับไม่ถ้วน เคลื่อนไหวไม่หยุด
วินาทีนี้หลิงชิงราชันพะจันทร์มองเฟิงอวิ๋นเซิง
เฟิงอวิ๋นเซิงสบตากับอีกฝ่ายอย่างสงบ “ผู้อาวุโส ล่วงเกินแล้ว”
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เผชิญกับราชันพระจันทร์ ผู้สร้างและเจ้าของคนแรกของมงกุฎจันทราในตำนานผู้นี้ ขณะเดียวกันยังเป็นคนที่ทิ้งมงกุฎจันทราไว้ในโลกซ้อนโลก
กาลครั้งหนึ่ง เป้าหมายในชีวิตของเฟิงอวิ๋นเซิง ก็คือมงกุฎใบนั้น ชีวิตล้มลุกคุกคลานครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะมัน
จนกระทั่งให้หลัง พอได้รับมงกุฎจันทราอย่างแท้จริง จึงค่อยปล่อยวาง
มาถึงปัจจุบัน แม้มงกุฎจันทราจะเป็นหนึ่งในอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงที่แข็งแกร่งที่สุด ทว่าสำหรับเฟิงอวิ๋นเซิง มันไม่มีความสามารถช่วยเหลืออีกแล้ว
ทว่าในใจของนาง มันยังคงมีตำแหน่งพิเศษเสมอมา
ในมุมมองหนึ่ง ตอนแรกสุดเป็นเพราะมุงกุฎจันทราใบนี้ นางจึงมีโอกาสกราบเข้าเขากว่างเฉิง ต่อจากนั้นชีวิตจึงได้พลิกผัน
เพียงแต่นึกไม่ถึงว่า การได้เจอเจ้าของคนเดิมของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนั้นเป็นครั้งแรก จะเป็นฉากเหตุการณ์แบบนี้
เฟิงอวิ๋นเซิงรำพึงรำพัน มือที่กำดาบไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย
นางมีความมุ่งมั่นที่สำคัญกว่า
การต่อสู้ในวันนี้บางทีจึงเป็นการพบกันที่ดีที่สุด
เหมือนกับการพิสูจน์การคงอยู่ของชะตากรรม และเหมือนกับการปฏิเสธการตัดสินของชะตากรรม
หลิงชิงมองเฟิงอวิ๋นเซิง กล่าวอย่างแช่มช้า “ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ ที่ข้าทิ้งมงกุฎจันทราไว้ยังโลกเบื้องล่าง ก็แค่อยากระทำเท่านั้น เจ้าครอบครองร่างจันทรา ได้รับมงกุฎจันทราไป เพราะคุณสมบัติ วาสนา และความสำเร็จของตัวเจ้าเอง”
“ถ้าพูดถึงคนที่ส่งผลกระทบต่อเจ้าในตอนนี้มากกว่า ข้ายังสู้เจี่ยนซุ่นหวาไม่ได้”
นางหันไปมองตำหนักโอสถกับโลกซ้อนโลก “พวกเกาหานกล่าวไม่ผิด คนรุนหลังน่ากลัวนัก”
มาถึงวินาทีนี้ พิธีกรรมของเกาหานได้สูญเสียความสามารถโดยสมบูรณ์ แผนการของเยี่ยนจ้าวเกอกำลังจะสำเร็จ
หลิงชิงไม่คิดทำลายโลกซ้อนโลก และไม่ต้องการช่วยเจี่ยงเซิ่น ยิ่งไม่มีทางช่วยคนจากเส้นทางนอกรีต
นางอยู่ต่อก็ก็ไม่มีความหมาย
หลังจากมองตำหนักโอสถอย่างล้ำลึกแวบหนึ่ง หลิงชิงก็ไม่คิดสู้ต่ออีก เก็บธงเทวาแสงสุริยัน เริ่มถอยออกไป
พวกเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ผ่อนคลาย
เป็นเพราะขณะที่จักรวาลสำนักเต๋าสั่นไหว เหล่ายอดฝีมือโถงเซียนซึ่งก่อนหน้านี้ได้ถูกสั่วหมิงจางกดดันถอยไป และตกค้างอยู่ ในที่สุดก็มายังที่นี่อีกครั้ง!
………………..