ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1312 สังหารจตุวิญญาณ
“พวกเราศรัทธาและนับถือเทวกษัตริย์อย่างจริงใจ ไหนเลยจะถูกปีศาจเส้นทางนอกรีตเช่นเจ้าทำลายได้”
พอได้ยินคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ พวกนักพรตรองเท้าสานยอดฝีมือโถงเซียนต่างก็ตีฝีปากตอบ
กระนั้นในตอนที่พวกเขามองดูเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง ก็รเริ่มไม่มีความมั่นใจและแน่วแน่เมื่อก่อนหน้าอีก
ถึงคนหนุ่มตรงหน้าจะยังไม่ได้เปิดประตูเซียน แต่อาศัยพลังที่เพิ่งแสดงออกมาเมื่อครู่ ถ้ามีอาวุธเซียนสักชิ้นอยู่ในมือ ก็มากพอจะส่งผลคุกคามต่อชีวิตของพวกเขาแล้ว
พอนึกถึงตรงนี้ นักพรตรองเท้าสานก็เกิดความคิดถอยหนี
การออกจากโถงเซียนมายังจักรวาลสำนักเต๋าในครั้งนี้ สภาพการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงที่อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขามากเกินไป
เดิมทีนึกว่าอย่างน้อยก็ได้ตำหนักโอสถมาครอง แต่ดูจากตอนนี้ ความจริงของเรื่องราวแตกต่างกับสิ่งที่คาดไว้โดยสิ้นเชิง
นักพรตรองเท้าสานทางหนึ่งมองเยี่ยนจ้าวเกอ ทางหนึ่งเคลื่อนไหวในที่ลับ
แม้แผ่นหยกจะถูกแย่งไป แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะทำอะไรไม่ได้
เขาลอบเขียนอักขระอาคมหลายสาย พวกมันลอยออกมาอย่างไร้สุ้มเสียง กลายเป็นควัน กระจายอยู่ในหอเซียนม่วง
หอเซียนม่วงสั่นไหวเล็กน้อย หอเก่าแก่เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง แสงสว่างหลายสายปรากฏขึ้น สาดลงบนร่างของพวกนักพรตรองเท้าสาน จากนั้นร่างของเขาก็เริ่มเลือนราง ค่อยๆ หายไปจากหอ
ตอนนี้นักพรตรองเท้าสานไม่หวังให้ตนยึดครองหอเซียนม่วง แล้วค่อยแย่งชิงสิทธิ์การควบคุมตำหนักโอสถมาจากมือของเยี่ยนจ้าวเกอที่มีพลังน่าทึ่งอีกแล้ว
เขาเพียงหวังว่าจะออกไปจากตำหนักโอสถ หนีจากจักรวาลสำนักเต๋า กลับโถงเซียนได้ ภายหลังค่อยๆ คิดหาวิธีการ พิจารณาถึงวิธีแก้แค้น
ตอนนี้เห็นกำลังจะสำเร็จ เหล่ายอดฝีมือโถงเซียนลอบระบายลมหายใจโล่งอก
เยี่ยนจ้าวเกอมองการเคลื่อนไหวของพวกเขาด้วยความสนอกสนใจ ไม่ได้ขัดขวาง
พวกนักพรตรองเท้าสานออกจากหอเซียนม่วง ตรงหน้าปรากฏจัรกวาลกว้างใหญ่
‘ยังอยู่ในตำหนักฟ้าฟื้น จำเเป็นต้องทะลวงตำหนักออกไป’ นักรพรตรองเท้าสานแยกแยะสภาพแวดล้อมที่พวกตนอยู่ จากนั้นก็พาคนข้ามผ่านมิติจักรวาล
เพียงแต่ว่าครั้งนี้ไม่ได้ราบรื่นเท่าขามา
เคลื่อนไหวอยู่นาน นักพรตรองเท้าสานก็หยุดฝีเท้าด้วยสีหน้าไม่น่าดู
เข้ามาง่ายดายออกไปยากเย็น ตอนนี้พวกเขาเริ่มวนอยู่ในจักรวาลด้านในตำหนักโอสถอย่างต่อเนื่อง แทบเหมือนการย่ำเท้าอยู่ที่เดิม
ไม่ว่านักพรตรองเท้าสานจะศึกษาวิชาที่ได้รับถ่ายทอดมาจากอวี๋หวาหลงผู้เป็นอาจารย์อย่างไร ก็ยังเคลื่อนไหวในตำหนักโอสถแห่งนี้ได้อย่างยากลำบาก
‘แค้นที่ถูกโจรน้อยนั่นชิงของวิเศษไป’ ทุกคนจิตใจนักอึ้ง ทั้งโมโหทั้งตึงเครียด
นักพรตรองเท้าสานมองรอบๆ เห็นกลางมิติจักรวาลเหมือนกับมีแสงสว่างหลายสายกำลังไหลพันกัน จากนั้นก็เริ่มรวมตัวเป็นจุดเดียว
ประกายแสงเหมือนอยู่ใกล้ แต่ก็คล้ายอยู่ไกลแสนไกล
ทว่านักพรตรองเท้าสานรู้สึกอย่างเลือนรางได้ถึงกลิ่นอายของชีวิตจากด้านใน
‘ท่านอาจารย์บอกไว้ว่า แม้ในตำหนักแห่งนี้มีหญ้าวิญญาณยาวิญญาณ แต่เป็นสิ่งที่ได้เก็บรวบรวมมาเรียบร้อย หนำซ้ำยังมีสถานที่จัดเก็บ ไม่ได้สร้างนายาและนาวิญญาณ ตอนนี้จะมีกลิ่นอายชีวิตที่เข้มข้นขนาดนี้ได้อย่างไร?’ นักพรรองเท้าสานกล่าวในใจ ‘กลับรู้สึกเหมือนเป็นคน? หนำซ้ำยังมีจำนวนไม่น้อย’
ขณะที่ความคิดทำงาน นักพรตรองเท้าสานก็เร่งรุดไปยังสถานที่ที่แสงสว่างหลายสายรวมอยู่ด้วยกัน
จอมยุทธ์โถงเซียนคนอื่นๆ รู้สึกโมโหจนกล้าหาญขึ้นมา เข้าใกล้แสงสว่างเหล่านั้นพร้อมกับนักพรตรองเท้าสาน
แสงสว่างหลายสายนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงหลังจากเยี่ยนจ้าวเกอใช้ตำหนักโอสถดึงโลกซ้อนโลกมากกว่าครึ่งออกมา
ตอนนี้พิธีกรรมไม่ได้หยุดลงโดยสมบูรณ์ ดังนั้นมิติเวลาในนี้จึงอยู่ในสภาพไม่เสถียร
คนที่ถูกจับมาไว้ในตำหนักโอสถ ขณะนี้เป็นแสงเรืองรองบริเวณหนึ่ง ไม่อาจแยกแยะซ้ายขวาหน้าหลัง
สภาพแต่ละอย่างยังไม่กลับคืนสู่ภาวะปกติ
คนธรรมดาทั่วไปและจอมยุทธ์ที่พลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำ ความคิดจิตใจถูกสะกด ตอนนี้แทบจะอยู่ในสภาพไม่รู้สึกตัว ไม่อาจสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเองและการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมรอบๆ เหมือนกับอยู่ในห้วงความฝัน ดังนั้นจิตใจกับการเคลื่อนไหวตึงไม่มีความแปรปรวนใดๆ
จอมยุทธ์ที่มีระดับพลังฝึกปรือค่อนข้างสูง ยังรักษาความรู้สึกตัวของตัวเองไว้ได้
ทุกคนต่างฝืนสงบจิตใจ รอคอยช่วงเวลาน้ำหยดหินผุด แต่ก็เห็นความไม่สบายใจได้อย่างชัดเจน
ในตอนนั้นเอง ภาพตรงหน้าของพวกเขาเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
ลำแสงเปลี่ยนเป็นไม่เสถียร แสงสว่างเริ่มเลือนรางเหมือนกับผ้าโปร่ง
ตรงหน้าของเขาปรากฏร่างของพวกนักพรตรองเท้าสานยอดฝีมือโถงเซียนจำนวนหนึ่ง
ม่านแสงในดวงตาของจอมยุทธ์จากโถงเซียน ไร้การเปลี่ยนแปลง แต่การดำรงอยู่ของพวกเขา เข้าสู่สายตาของคนจากโลกซ้อนโลกทั้งหมด
เพียงแต่สองฝ่ายไม่อาจสนทนากัน
ดังนั้นขณะเห็นยอดฝีมือที่แปลกหน้าเหล่านี้ คนของโลกซ้อนโลกต่างประหลาดใจเหลือแสน
‘คนของมรกตท่องฟ้า? หรือว่ามาจากสถานที่อื่นๆ ในมิตินอกเขตแดน?’ ทุกคนพากันคาดเดา
แม้จะไม่ทราบถึงความเป็นมา แต่ว่ากลิ่นอายพลังอันแข็งแกร่งบนร่างของพวกนักพรตรองเท้าสานกลับสั่นสะเทือนจิตใจของทุกๆ คน
‘ไฉนจึงรู้สึกว่า…ล้วนเหมือนเป็นยอดฝีมือระดับเซียนที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนแล้ว?’
“ข้าโชคดี ได้เห็นการต่อสู้ของใต้เท้าจักรพรรดิแพรกับทวนพระอังคารอยู่ไกลๆ ความปรวนแปรของพลังมีความคล้ายคลึงกันอยู่หลายส่วนจริงๆ…”
“แต่ว่าจักรพรรดิเซียนจริงแท้จำนวนมากขนาดนี้โผล่มาจากไหน? มรกตท่องฟ้าไม่ได้มียอดฝีมือระดับเซียนจริงแท้มากมายถึงเพียงนี้นี่!”
ฉาเจี๋ยประมุขอาคเนย์ หลิวเจิงกู่ประมุขอีสาน ไป๋เทาประมุขหรดีได้ยินคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์ มองหน้ากัน ไม่ได้พูดอะไร
พวกเขารู้ว่า ตรงหน้าเป็นใคร
โถงเซียน!
จอมยุทธ์บนโลกซ้อนโลกคนอื่นๆ ถึงจะไม่รู้จักความเป็นมาของอีกฝ่าย แต่มองออกว่า พวกนักพรตรองเท้าสานยอดฝีมือจากโถงเซียนเข้าใกล้พวกเขาโดยไม่มีเจตนาดี
ถึงจะสู้ผู้สืบทอดกระแสตรงของสำนักเต๋าสายหลักเช่นจักรพรรดิแพรและทวนพระอังคารไม่ได้ แต่ว่าสุดท้ายแล้วเซียนจริงแท้ยังเป็นเซียนจริงแท้ เป็นเหมือนกับยอดเขาสูงที่ยากปีนป่ายถึงสำหรับจอมยุทธ์ในโลกมนุษย์
จักรพรรดิเซียนจริงแท้คนหนึ่งมาถึงโลกมนุษย์ ก็เหมือนกับภัยพิบัติฟ้าอันยิ่งใหญ่แล้ว
ตอนนี้เซียนจริงแท้จำนวนมากบุกมา สภาวะผลักภูเขาถมทะเลยิ่งทำให้คนบนโลกซ้อนโลกแทบต้องกลั้นหายใจ!
ตอนที่ทุกคนเกิดความหวาดกลัว กลับพบว่า ระหว่างสองฝ่ายเหมือนกับมีม่านกั้นไร้รูปร่างดำรงอยู่
เหลานักพรตรองเท้าสานที่อยู่อีกด้านไม่อาจเข้าใกล้ทะเลแสงที่ธารแสงหลายสายรวมตัวกันอยู่ได้อย่างแท้จริง
หลังจากทราบถึงเรื่องนี้ เหล่ายอดฝีมือจากโถงเซียนในใจก็เกิดสังหรณ์ร้าย
“ทุกท่านไฉนรีบร้อนจากไป?” ร่างของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏขึ้นกลางจักรวาล เหมือนกับจ้าวชีวิตของโลกใบนี้
ยอดฝีมือโถงเซียนเห็นไม่มีหนทางให้บุกให้ถอย จิตใจเกิดความเด็ดเดี่ยว โถมเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกัน!
คนจากโลกซ้อนโลกในทะเลแสงเห็นดังนั้น ต่างกลั้นลมหายใจ
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มอย่างเยือกเย็น ตั้งนิ้วชี้นิ้วกลางข้างขวาขึ้นประดุจกระบี่ แล้วทิ่มใส่อากาศ
กระบี่เหมือนมังกรเขียว โดดเด่นล้ำเลิศ ขณะบินทะยาน มีปราณอันดุร้ายนับไม่ถ้วนพวยพุ่งขึ้นฟ้า
แสงสาดออกมาจากในร่างของมังกรเขียว เกิดเป็นแสงโลหิตทั่วฟ้า กลายเป็นแสงกระบี่ที่เหี้ยมโหดสุดเปรียบปาน เต็มไปด้วยจิตสังหาร
หลังจากหนึ่งกระบี่ เยี่ยนจ้าวเกอก็ออกอีกหนึ่งกระบี่ทันที
กระแสปราณลอยขึ้น หยินหยางแลกเปลี่ยน ความนิ่งและการเคลื่อนไหวหลอมรวม เต่างูขดเลื้อยเข้าหากัน กอปรด้วยความแข็งและความอ่อน
วิญญาณเทพเจินอู่ปรากฏ สะกดโลกหล้า
เสวียนอู่เดินตามรอยมังกรเขียว แสงหลายสายสาดออกมาจากในร่างเหมือนกับโลหิตกระฉูด
จากนั้นเยี่ยนจ้าวเกอออกกระบี่ที่สามและกระบี่ที่สี่!
หงส์แดงที่ปราดเปรียวกระพือปีกบินสูง พยัคฆ์ขาวที่ดุร้ายส่งเสียงคำราม
แต่จากนั้น หงส์แดงและพยัคฆ์ขาวต่างก็ถูกเยี่ยนจ้าวเกอฆ่าทิ้ง!
สี่กระบี่ออกมาพร้อมกัน ประกายกระบี่อันน่าพรั่นพรึงหลายสายตัดขวางกันกลางจักรวาล สุดท้ายกลายเป็นแสงวิญญาณลี้ลับ ทะลักทลายออกมา!
………………..