ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1314 เยี่ยนจ้าวเกอประมุขสูงสุด!
ยอดฝีมือที่เหลือของโถงเซียนเห็นนักพรตรองเท้าสานเสียชีวิตด้วยตาตัวเอง หัวสมองว่างเปล่า
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ไม่เพียงแต่ไม่เคยได้ยินมา ไม่เคยมีตัวอย่างในประวัติศาสตร์ ยังขัดกับความรู้และสามัญสำนึกของพวกเขา
วินาทีนี้ ในใจของพวกเขาเหมือนมีเสียงวัตถุบางอย่างแหลกสลายดังขึ้น
พลังเฉลี่ยของผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์สายหลักในระดับเดียวกัน อยู่เหนือจอมยุทธ์ที่มาจากโถงเซียนเช่นพวกเขา ข้อนี้พวกเขาเข้าใจจากก้นบึ้งจิตใจ
แต่ว่าเหมือนกับคำพูดของเผยหวาประมุขตำหนักอาทิตย์ที่เยี่ยนจ้าวเกอเคยได้เจอ เขาสู้ผู้สืบทอดสำนักเต๋าสายหลักที่เป็นประมุขในหมู่คนเหมือนกันไม่ได้ แต่ว่าโถงเซียนย่อมมีเซียนจริงแท้มาสยบ
จักรพรรดิเซียนจริงแท้จากสามพิสุทธิ์สายหลัก มียอดฝีมือที่เป็นกษัตริย์ในโถงเซียนมาจัดการ
เปรียบเทียบแบบนี้ไปเรื่อยๆ
นี่เป็นความมั่นใจของเผยหวาและนักพรตรองเท้าสาน เป็นความหวังและความทะเยอทะยานในการพัฒนาของพวกเขา ขณะเดียวกันก็เป็นหนึ่งในเหตุผลของความรู้สึกปลอดภัยใต้ก้นบึ้งจิตใจ
ทว่าตอนนี้ ความรู้สึกปลอดภัยนี้กำลังพังทลายลง!
ยอดฝีมือโถงเซียนที่รากฐานล้ำลึก ความลับและข่าวลือที่ทราบมีอยู่ไม่น้อยแล้ว
พวกเขาเคยได้ยินถึงค่ายกลลงทัณฑ์เซียนในตำนานมา
กระนั้นค่ายกลลงทัณฑ์เซียนได้สาบสูญไปนานแล้ว กลายเป็นเทพนิยายที่เลือนลาง ทำให้คนรู้สึกไม่เชื่อ
แต่ว่าวันนี้กลับมีคนคนหนึ่ง ไม่ใช้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียน หากก้าวข้ามการขวางกั้นระหว่างมนุษย์และเซียนที่เหมือนกับร่องน้ำธรรมชาตินั้น!
ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอย่ำทำลายธรณีประตูนี้ ก็ได้ย่ำทำลายความภาคภูมิใจและความมุ่งมั่นในใจของเหล่าเซียนเส้นทางนอกรีตตรงหน้า
เป็นเหตุให้แต่ละคนถึงขั้นที่สับสนอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
เมล็ดแห่งความสงสัยเริ่มแตกหน่อในส่วนลึกจิตใจของพวกเขา ทำให้แสงวิเศษพลังศรัทธาทั่วร่างของยอดฝีมือโถงเซียนเหล่านี้ ถึงขั้นที่เริ่มเปลี่ยนเป็นไม่เสถียร
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าผ่อนคลาย สืบเท้าไปด้านหน้า
จอมยุทธ์โถงเซียนแต่ละคนต่างแตกตื่น เริ่มถอยไปด้านหลังอย่างต่อเนื่อง
ทว่าเมื่ออยู่ในจักรวาลในตำหนักโอสถ มิติเวลาเหมือนกับกรงขังสำหรับพวกเขา ทำให้พวกเขายากจะหนี
แต่ละคนได้แต่รวมกลุ่มโจมตี พุ่งเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอโดยตัดสินใจตาย
การลงมือครั้งนี้คลุ้มคลั่งยิ่งกว่าครั้งไหนๆ กลับเร่งร้อนกว่าเดิม เต็มไปด้วยรสชาติหมดหนทาง
“คัมภีร์วายุหมอกม่วง ปราณสัปยุทธ์นรกโลหิต ร่างวิเศษรุ้งฟ้า ค้อนสามเทวะวสันต์…” เยี่ยนจ้าวเกอมองรอบๆ แยกแยะวรยุทธ์ของอีกฝ่ายเหมือนนับสมบัติในบ้าน
วรยุทธ์มากมายตรงหน้าล้วนเป็นวรยุทธ์อันล้ำลึกที่แพร่หลายในยุครุ่งเรืองของมรรคายุทธ์ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ต่างมีเอกลักษณ์ ไม่ด้อยกว่าวรยุทธ์ในการสืบทอดกระแสตรงสามพิสุทธิ์
ถึงแม้จอมยุทธ์โถงเซียนจะเป็นผู้ใช้ แต่ต่างก็มีอานุภาพเต็มเปี่ยม
คนจากโลกซ้อนโลกซึ่งถูกกั้นไว้ด้วยทะเลแสง ได้แต่ฟังเสียงของเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่อาจสนทนากับเหล่าเซียนเส้นทางนอกรีต
ทว่าตอนนี้ยอดฝีมือจากโถงเซียนลงมือพร้อมกัน สภาวะโจมตีที่เหมือนกับทำลายฟ้าทลายดิน ปรากฏในสายตาชัดเจน สร้างความตื่นตระหนกแก่คนบนโลกซ้อนโลก
แต่พอมองดูเยี่ยนจ้าวเกอ คนจากโถงเซียนที่เดิมทีลนลานอยู่แล้ว ตอนนี้สภาพจิตใจไม่มั่นคง ต่างรีบร้อนวู่วาม ยิ่งต่ำต้อยกว่าเดิม
เขายิ้มพลางส่ายหน้า ใช้นิ้วต่างกระบี่ ประกายกระบี่หลายสายพุ่งออกไป
คัมภีร์วายุหมอกม่วง หลอมสายฟ้าสีม่วงหฃสบวสบ แล้วสะกัดแสงสายฟ้ากลายเป็นหอกสายฟ้าหลายเล่ม พาดขวางตัดสลับ ดุร้ายน่าเกรงขาม พุ่งใส่เยี่ยนจ้าวเกอราวกับพายุบุแคม
ความลี้ลับอันมีเอกลักษณ์ใน สำนึกอันคมกล้าของคมหอก เจาะทะลุการป้องกันนาๆ ชนิดของอีกฝ่าย จากนั้นพลังทำลายของแสงสายฟ้าจึงค่อยแสดงออกมาหมดจด
ถ้าหากคนธรรมดารับเข้าไป จะต้องถูกเจาะร่างเป็นร้อยเป็นพันรู ก่อนที่แสงสายฟ้าจะระเบิดจากด้านในบาดแผล ทำให้คนกลายเป็นผุยผง
ปราณสัปยุทธ์นรกโลหิตใกล้เคียงกับวิถีมาร จักรพรรดิโถงเซียนผู้นั้นปล่อยปราณเซียนออกมาเหมือนกับหมอกเลือด เปลี่ยนโลกบริเวณรอบๆ ให้กลายเป็นนรกบนดินที่คาวกลิ่นเลือด
จิตความตายและปราณสังหารอันเข้มข้นแผ่กระจาย สั่นสะเทือนจิตใจ กัดกินลมปราณ กลบฝังศัตรูไว้กลางนรกโลหิต
ร่างวิเศษรุ้งสวรรค์ถูกใช้ ร่างกลายเป็นสายรุ้ง เคลื่อนไหวได้หมื่นลี้ในชั่วอึดใจ ร่างบัดเดี๋ยวสูญหายบัดเดี๋ยวปรากฏ เหมือนกับคงอยู่ทุกที่
ตอนที่ถูกจู่โจม ร่างจะกลายเป็นภาพลวงตาราวกับแสงรุ้ง ยากตรวจจับ การโจมตีของอีกฝ่ายจะทะลุผ่านแสงรุ้ง ยากจะก่อให้เกิดความเสียหาย
ค้อนสามเทวะวสันต์ เป็นวรยุทธ์ที่ใช้การหล่อเลี้ยงชีวิตเป็นหลัก ปรับแต่งหล่อเลี้ยงตัวเอง ให้กำเนิดพลังชีวิตอันมีชีวิตชีวา
ทว่าในตอนที่ต่อสู้กับคนอื่น กลับไม่อ่อนแอ จะเปลี่ยนพลังชีวิตอันโชติช่วงเป็นพลังอันมหาศาล ทำลายอีกฝ่ายเหมือนกับต้นไม้แห้ง
นอกจากนี้ ยังมีวรยุทธ์อย่างอื่น ตอนนี้ล้วนถูกใช้โจมตีใส่เยี่ยนจ้าวเกอ
ทว่าพริบตาต่อมา เสวียนอู่โลหิตพุ่งกระฉุด ประกายแสงน่ากลัวหลายสายสว่างจ้า ฟันทำลายหยินหยาง บดขยี้แสงสายฟ้าสีม่วงอย่างหักโหม
หลังจากทำลายท้องทะเลสายฟ้า สภาวะกระบี่สังหารเสวียนอู่ไม่หยุด ยังทำลายรุ้งยาวสะท้านฟ้าอย่างเหี้ยมหาญ
แสงรุ้งแม้จะลวงตา กอปรด้วยการเปลี่ยนแปลงยากหยั่งคาด ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้ากระบี่สังหารเสวียนอู่ก็สูญเสียความน่าอัศจรรย์ เปลี่ยนจากปลอมเป็นจริง ถูกทำลายในชั่วพริบตาเดียว
แทบจะเป็นในเวลาเดียวกัน มังกรเขียวโลหิตกระฉูด ประกายกระบี่อันดุร้ายที่สะท้านด้วยจิตสังหารได้ทำลายพลังชีวิตไร้สิ้นสุดของค้อนสามเทวะวสันต์
วินาทีนี้พลังชีวิตกลายเป็นจิตสังหารและสำนึกความตายจนหมดสิ้น กลับหล่อเลี้ยงกระบี่สังหารมังกรเขียว ให้โหดเหี้ยมเด็ดขาดยิ่งขึ้น
นรกโลหิตที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดของอีกฝ่าย กลับคืนสู่ความสงบเงียบ กลิ่นเลือดสลายไปพร้อมกับที่พยัคฆ์ขาวถูกฆ่า
วรยุทธ์มากมายถูกเยี่ยนจ้าวเกอแก้ไข ประกายกระบี่หลายสายรวมตัว กลายเป็นน้ำในธารสวรรค์ที่สามารถซัดมนุษย์เซียนให้ให้ร่วงหล่นลงสู่โลกมนุาย์ ไหลเชี่ยวลงด้านล่าง
เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับเรือเล็กลำหนึ่ง ลอยขึ้นลง ไหลไปตามคลื่นบนธารสวรรค์ที่พลิกม้วน
ในขณะนี้ ละอองเลือดกระจายเป็นจุดๆ เซียนจริงแท้เส้นทางนอกรีตคนแล้วคนเล่าตกตายเช่นนี้
พอเห็นฉากนี้ คนจากโลกซ้อนโลกในทะเลแสง ต่างก็ไม่ได้สติกลับมา
ไม่เพียงสังหารนักพรตรองเท้าสานคนเดียว ดูจากสภาวะนี้ เยี่ยนจ้าวเกอถึงกับต้องการฆ่าจักรพรรดิเซียนจริงแท้จำนวนมากลงที่นี่ทั้งหมด!
ความตายของนักพรตรองเท้าสานเมื่อก่อนหน้า ได้ทำให้คนแตกตื่นตกใจอยู่แล้ว วินาทีนี้ยิ่งตื่นตระหนกกว่าเดิม
“นี่…นี่สมควรเป็นจอมยุทธ์ที่ใช้มือเปล่าหมัดเปลือยฆ่าเซียนจริงแท้ด้วยตัวคนเดียวเป็นคนแรกตั้งแต่ประวัติศาสตร์เคยมีมากระมัง?” เหิงเซียนต๋าผู้ครองจวนวายุอัสนีพึมพำ “ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ก็คล้ายไม่เคยมีมาก่อน”
“หนำซ้ำยังฆ่าไม่ต่ำกว่าหนึ่งคน” หวังผู่มีสีหน้าตกตะลึงเช่นกัน
เหิงเซียนต๋าหยั่งเชิงถาม “เป็นพวกเรามองผิด นั่นไม่ใช่เซียนจริงแท้หรือไม่?”
“สมควรไม่ผิด…” หวังผู่กล่าว สายตามองประมุขในหมู่คนอีกหลายคนที่อยู่รอบๆ
พวกเฉาเจี๋ยและหลิวเจิงกู่ต่างกำลังงงงวย ทว่าพอสัมผัสได้ถึงสายตาของพวกหวังผู่และเหิงเซียนต๋าก็ได้สติในทันที
“นั่นเป็นจักรพรรดิเซียนจริงแท้ที่ได้ผลักเปิดประตูเซียน ไร้ช่องโหว่วและข้อบกพร่องตัวจริงเสียงจริง” หลิวเจิงกู่ประมุขอีสานถอนใจคำหนึ่ง “เซียนจริงแท้ไร้ช่องโหว่ว มนุาย์ยากทำร้าย…กับคนอื่นๆ ยังเป็นเช่นนี้”
พวกเหิงเซียนต๋าพอฟังยิ่งตกแตกตื่นกว่าเดิม
“วิชากระบี่ของศิษย์น้องเยี่ยนดูเหมือนไม่ใช่กระบี่สี่ล้ำค่า” หวังผู่กล่าวเสียงเบา “และไม่เหมือนกับค่ายกล นั่นไม่เกี่ยวข้องกับค่ายกลลงทัณฑ์เซียนสายเหนือพิสุทธิ์กระมัง?”
หลิวเจิงกู่ทอดถอนใจ “ต่อจากค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ในที่สุดโลกก็ให้กำเนิดวิธีที่สองที่มนุษย์จะเอาชนะเซียนจริงแท้ได้อีกครั้ง”
เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ “ต่อหน้าเซียนผู้ถูกเนรเทศเยี่ยน การขวางกั้นระหว่างมนุษย์และเซียนไม่มีความหมาย”
เหิงเซียนต๋าสีหน้าประหลาดพิกล หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “ก่อนหน้านี้บนโลกซ้อนโลกยังลือกันว่า เมื่อเซียนผู้ถูกเนรเทศเลื่อนตำแหน่งประมุข จะต้องเป็นประมุขทิศบนอย่างไร้ข้อกังขา ต่อให้ก่อนหน้านี้คนผู้นั้นจะยังอยู่ในระดับประมุข แต่ก็ต้องมอบตำแหน่งให้เซียนผู้ถูกเนรเทศ”
“กระนั้นดูจากตอนนี้ ใยจึงรู้สึกว่า ชื่อประมุขทิศบนไม่เหมาะกับเซียนผู้ถูกเนรเทศโดยสิ้นเชิง”
เฉาเจี๋ยประมุขอาคเนย์ยามนี้โพล่งขึ้น “ประมุขสูงสุด!”
คนอื่นๆ สั่นสะท้าน มองเฉาเจี๋ยพร้อมกัน
“ประมุขสูงสุด เยี่ยนจ้าวเกอ!” เฉาเจี๋ยค่อยๆ ทวนทีละคำ
………………..