ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1323 มารไม้อิก เปลี่ยนเงาเป็นความจริง
เมิ่งหวานเคยเข้าไปตามหาเฟิงอวิ๋นเซิงในนพยมโลกพร้อมกับเยี่ยนจ้าวเกอและฟู่อวิ๋นฉือ
ตอนนั้นยังได้สัมผัสร่องรอยที่หลงเหลืออยู่หลังจากโอวสือหยางมารกระบี่กับเยี่ยนซิงถางเทพกระบี่ปู่ของเยี่ยนจ้าวเกอต่อสู้กัน
“หากเป็นมารไม้อิก จำได้ว่าท่านพ่อเคยเล่าให้ฟังว่า เป็นจอมมารระดับสูงสุดในหกสุดยอดมารไม่กี่ตนที่ไม่เคยดับสูญ อยู่มาตั้งแต่ยุคโบราณกาล”
หลังจากได้ฟังคำอธิบายในวันนั้นของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ เมิ่งหวานย่อมจำการดำรงอยู่ของสิบสองเทพมารสวรรค์ได้ดี
ฟู่อวิ๋นฉือกล่าวว่า “มิผิด มารไฟปิ่ง มารทองแก มารน้ำกุ่ยมารดินโบ่ว ต่างดับสูญแล้วคืนชีพมาหลายครั้ง มีเพียงมารจิตและมารเงาที่คงอยู่มาจนถึงปัจจุบันตั้งแต่เกิดขึ้นมา”
“ถึงแม้จะเคยประสบการโจมตีหลายครั้ง แต่เป็นเพราะมารดับสูญแล้วเกิดใหม่ จอมมารที่เทียบได้กับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลของสำนักเต๋าเราจึงไม่ได้มีแค่หกสุดยอดมาร”
“ทว่าพลังของหกสุดยอดมารสุดท้ายก็เหนือกว่าจอมมารตนอื่นๆ เป็นรองเพียงหกบรรพมาร” ฟู่อวิ๋นฉือส่ายหน้า “ในอดีตมารทองแกเพิ่งคืนชีพเป็นโอวสือหยางมารกระบี่ได้ไม่นาน ก็ได้ต่อสู้กับราชันพระศุกร์ สุดท้ายสิ้นชีพไปก่อนในตอนที่ยังอยู่ในสภาพอ่อนแอกำลังฟื้นฟู ดับสูญอีกครั้ง”
“ถ้ามอบเวลาส่วนหนึ่งให้มันไม่ทันไรมันก็อาจจะสร้างพลังงานอันน่าพรั่นพรึงของมารทองแกในการสังหารสรรพชีวิตได้แล้ว”
ถึงไม่อยากให้มารทองแกปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง แต่จักรพรรดิแพรก็ยังแน่ใจในพลังของอีกฝ่ายอย่างเต็มเปี่ยม
เมิ่งหวานมองเฟิงอวิ๋นเซิง “มารทองแกแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ยังประสบการดับสูญไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง เช่นนั้นมารไม้อิกที่อยู่มาถึงปัจจุบัน…”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวต่อ “มารเงา เป็นมารไม้อิก มีสถานการณ์ค่อนข้างพิเศษ มีความปรวนแปรของพลังค่อนข้างมาก”
เขาคิดเล็กน้อย กล่าวว่า “หากต้องบรรยายถึงพลังของมารเงา ก็มีแปดคำที่เหมาะสมพอดี”
“เจอแกร่งจึงแกร่ง เจออ่อนจึงอ่อน”
ฟู่อวิ๋นฉือพอได้ยินก็พยักหน้า “กล่าวได้มิผิด”
ถึงไม่ได้รับความทรงจำของเจี่ยนซุ่นหวาราชันพระราหูมา แต่เฟิงอวิ๋นเซิงก็มีความเข้าใจต่อเหล่ามารอย่างล้ำลึก เพราะได้ประสบเหตุการณ์ต่างๆ บนนพยมโลกมาหลายปี พยักหน้า “แต่ว่าสำหรับคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน และสำหรับคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับเซียนสวรรค์แล้ว มันเพียงใช้ระดับกดข่มคนก็เพียงพอแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ต่ำกว่าเซียนสวรรค์ เดิมทียากจะมองทะลุการเปลี่ยนแปลงของมันอยู่แล้ว ไม่อาจวินิจฉัยจริงปลอม พ่ายแพ้โดยมิต้องสู้”
มารเงา เป็นมารไม้อิกตนแรกสุดในสิบสองเทพมารสวรรค์ ซึ่งดำรงอยู่มาแต่ยุคบุพกาล จนกระทั่งถึงวันนี้
อำนาจพิเศษของมัน คือการเปลี่ยนกลายเป็นลักษณะของคนอื่นๆ
ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ภายนอกไร้ช่องโหว่ว สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ แม้แต่พลังฝึกปรือ วิชาวรยุทธ์ของคนผู้นั้น ก็สามารถเลียนแบบได้เหมือนทุกประการ
ดังนั้นจึงกล่าวว่า เจอแกร่งจึงแกร่ง เจออ่อนจึงอ่อน
ในระดับเดียวกัน พลังต่อสู้ในตอนต่อสู้จริงกับคน อาจจะสูงจนน่าใจหาย และก็อาจต่ำจนน่าประหลาดใจ
กระนั้นการเปลี่ยนแปลงของมารเงา คล้ายได้แต่เปลี่ยนแปลงต่อหน้าคู่ต่อสู้ เหมือนเป็นเงาตามตัว
ตั้งแต่อดีตเป็นต้นจนถึงปัจจุบัน ยังไม่ปรากฏกรณีตัวอย่างที่มารเงาเปลี่ยนแปลงเป็นคนคนเดียวกัน โดยไม่เจอกันมานานหลายปี
แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่ามันจะทำไม่ได้ มารเงามีนิสัยเจ้าเล่ห์ คนภายนอกยากจะทราบถึงเส้นสนกลในของมัน
มารเงารอดมาถึงวันนี้ตั้งแต่กำเนิดขึ้นมาได้ และมีความยากในการฆ่าเทียบได้กับมารจิต เป็นเพราะว่าอำนาจพิเศษของมัน
ความน่าอัศจรรย์คือ แทบไม่มีคนที่มันไม่อาจเปลี่ยนแปลง
มีบันทึกตำนานซึ่งเป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งได้รับการยืนยันบอกว่า มารเงาเคยเปลี่ยนเป็นจักรพรรดิดาวเหนือจื่อเวยผู้อยู่กลางหาวซึ่งเป็นผู้นำในสี่เทวราชสำนักเต๋า เปลี่ยนแปลงเป็นราชาปีศาจงูจอมเทวะคว่ำทะเลแห่งเผ่าปีศาจ เคยเปลี่ยนเป็นพระกษิติครรภโพธิสัตว์ ถึงขั้นเคยเปลี่ยนเป็นมารไฟปิ่งยุคแรกของนพยมโลก
“พวกเราร่ำเรียนวรยุทธ์บำเพ็ญเต๋า เข้าใจกฎเกณฑ์ฟ้าดิน หลักการธรรมชาติ” เยี่ยนจ้าวเกออธิบาย “ขณะที่พวกเราเข้าใจในฟ้าดิน ก็ส่งผลกระทบต่อฟ้าดินแห่งนี้มากกว่าเดิม หลักการของมหามรรคาของฟ้าดินจะตอบแทนแก่พวกเรา”
“ความพิสดารของมารเงาเป็นไปได้อย่างยิ่งว่า มันสามารถสัมผัสการตอบแทนของฟ้าดินต่อคนอื่นๆ และสร้างความน่าอัศจรรย์ในการ ‘เปลี่ยนเงาเป็นความจริง’ ขึ้นมาได้”
“แต่ว่าสุดท้ายเงาก็ยังเป็นเงา ดังนั้นถึงมันจะเปลี่ยนแปลงและใช้วรยุทธ์ได้มากมาย แต่ไม่อาจเปลี่ยนวรยุทธ์เหล่านี้เป็นของตัวเองได้อย่างแท้จริง ย่อมไม่อาจทำให้ถ่ายทอดวรยุทธ์ได้”
“กล่วได้ว่า มันไม่มีวิธีเปลี่ยนแปลงเป็นตัวตนที่เก่าแก่กว่าตัวมัน และไม่อาจเปลี่ยนแปลงเป็นยอดฝีมือที่สูงกว่าระดับเซียนสวรรค์”
เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ยังคงร้ายกาจยิ่ง ถึงอย่างไรมันก็เป็นมารไม้อิกรุ่นแรก เก่าแก่เป็นอย่างยิ่ง ยังเก่าแก่กว่าอายุของมัน ทั้งพลังฝึกปรือยังสูงส่ง หายากสุดขีด”
แน่นอนว่า การเปลี่ยนเงากลายเป็นความจริงของมารเงา ก็ใช่ว่าไม่อาจสะกดได้โดยสิ้นเชิง
อย่างน้อย ปราณเหลืองดำฟ้าดิน อันดับแรกแห่งห้าสิ้นสุดหลังกำเนิดสายเหนือพิสุทธิ์ ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่ามันเปลี่ยนแปลงไม่ได้
คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตอันดับแรกสายหยกพิสุทธิ์ กับคัมภีร์โกลาหลสูญคัมภีร์ลำดับสุดท้ายสายเหนือพิสุธิ์ ถึงแม้จะยังไม่ได้รับการพิสูจน์ แต่มารเงาสมควรเปลี่ยนแปลงไม่ได้
ไม่นานมานี้ สั่วหมิงจางได้ยืนยันแล้วว่า คัมภีร์ตัดนภาสามารถขัดขวางการเปลี่ยนแปลงของมารเงาต่อตัวเขาได้
ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ มารเงาเกรงว่าจะไม่ยอมถอยหนีไปอย่างตรงไปตรงมาเช่นนั้น
“เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาในตอนที่มารไม้อิกเผชิญกับยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ระดับเดียวกัน ส่วนในตอนนี้…” เมิ่งหวานดวงตาทอความวิตกขณะมองไปยังเฟิงอวิ๋นเซิง
เฟิงอวิ๋นเซิงยิ้มเล็กน้อย “เป็นเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้ โชคยังดีที่มารร้ายนพยมโลกเป็นศัตรูของทุกฝ่าย มารไม้อิกไม่อาจอาละวาดมากเกินไป”
หลังจากทุกคนคุยกันอีกสักพักใหญ่ เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงก็บอกลาคนในผาบัวแดง ผละจากมิติเวลาแห่งนี้ กลับมายังที่ที่เขตชางเทียนตะวันออกอยู่
ปัจจุบันเขตชางเทียนตะวันออกได้ขยายออกมา เขากว่างเฉิงค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพเดิม คนในสำนักพากันตื่นขึ้น
ทุกคนทางหนึ่งสูดกลิ่นยาและกลิ่นโอสถเพื่อฝึกฝน ทางหนึ่งปรับตัวให้ชินกับสภาพที่ไม่มั่นคงชั่วคราวในปัจจุบัน
สภาพจิตใจของคนในเขากวางเฉิงส่วนใหญ่สงบนิ่งดี
ในฐานะผู้เป็นสักขีพยานของตำนานที่เริ่มตั้งแต่ไม่มีเป็นมี พวกเขามีความเขื่อมั่นต่อเยี่ยนจ้าวเกอเต็มเปี่ยมและแน่วแน่กว่าผู้ใด
“เหล่าผู้อาวุโสที่เคยอยู่ในนพเคราะห์คุนหลุนใหม่สมกับเป็นรุ่งอรุณแห่งยุคสมัย” อาหู่ลูบคางเลียนแบบท่าทางของเยี่ยนจ้าวเกอ “แต่ว่าต่างคนล้วนมีความคิดเป็นของตัวเอง”
“ถึงตอนนี้ กษัตริย์ดินกลับเหลือตัวคนเดียว เก้านพเคราะห์ในอดีตไม่มีใครคิดเหมือนเขาสักคนเดียว”
เสี่ยวอ้ายนั่งขัดสมาธิ ยันสองมือกับเข่า เท้าคางหัวเราะหึๆ “สมน้ำหน้า”
เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “ถ้าจะกล่าวให้ถูกต้อง ถือเป็นเส้นทางเดียวกันโดยสมบูรณ์ อาจจะมีราชันพระอาทิตย์และพระจันทร์ แน่นอนว่ายังมีราชันพระเกตุที่ความจริงไม่มีตัวตนผู้นั้นด้วย”
“ผู้อาวุโสเซ่าราชันพระพฤหัสบดีถึงจะเอนเอียงไปทางใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ กลับเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง ราชันพระศุกร์ท่านปู่ก็เหมือนกัน”
“นอกจากนี้ ท่านเกาและท่านหลิงที่อยู่ในนี้จะร่วมรุกร่วมถอยกันได้ทุกเวลาหรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนนัก”
เส้นทางมุ่งไปทางเดียวกัน ไม่ได้หมายคามว่าการจัดการ หลักการ และวิธีการจะเหมือนกัน
อาจจะมีความไม่ลงรอยกันอยู่
………………..