ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1332 ไปมรกตท่องฟ้าอีกครั้ง
“คนอื่นๆ อาจไม่เป็นไร แต่ว่าฆราวาสเถาม่วง…” เฉินเสวียนจงขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฆราวาสเถาม่วง ก็คือกษัตริย์เถาบูรพาจารย์อาวุโสแห่งมรกตท่องฟ้า พูดแค่เรื่องวัยวุฒิ ถือเป็นคนที่สูงส่งที่สุดในมรกตท่องฟ้าในปัจจุบัน
เจ็ดปราชญ์ท่องมรกตที่บุกเบิกมรกตท่องฟ้า ล้วนเป็นยอดฝีมือรุ่นใหม่ของสำนักเต๋าที่เกิดมาและผงาดขึ้นหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
มีแต่กษัตริย์เถาเท่านั้นที่เป็นยอดฝีมือผู้อาวุโสซึ่งอยู่มาก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เหมือนกับพวกราชันพระเสาร์เจี่ยงเซิ่น และราชันพระอาทิตย์เกาหาน
เพียงแต่ว่าในตอนที่บุกเบิกมรกตท่องฟ้า นางมีอาการบาดเจ็บติดตัว ดังนั้นจึงไม่ได้เข้าร่วม
แตกต่างกับที่เจี่ยงเซิ่นชี้แนะพวกเซ่าจวินหวง เกี่ยวข้องเป็นครึ่งอาจารย์ครึ่งศิษย์ มีคนมากกว่าครึ่งในเจ็ดปราชญ์ท่องมรกต ที่เป็นลูกสิษย์ของกษัตรย์เถาอย่างแท้จริง
ถึงแม้เป็นเพราะต้องรักษาอาการบาดเจ็บ ปกติกษัตริย์เถาจะเข้าฌานไม่ออกมา แต่ว่าอิทธิพลที่มีต่อมรกตท่องฟ้าของนางยังคงสามารถเห็นได้
ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโลกซ้อนโลก โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้สืบทอดของเยี่ยนซิงถางราชันพระศุกร์ กษัตริย์ลี้ลับกับอาจารย์ผู้มีพระคุณมีความขัดแย้งกันมากมาย
ขณะเดียวกัน ในเรื่องอื่นๆ กษัตริย์ลี้ลับก็ทำตามความเห็นของกษัตริย์เถาอยู่หลายครั้ง
เพียงแต่ว่า เรื่องที่กษัตริย์เถาจดจำขึ้นใจมากที่สุด นอกจากความรุ่งเรืองของสำนักเต๋าและบุญคุณความแค้นกับเส้นทางนอกรีต ก็คือเขานครหยกบนเขาคุนหลุนในโลกซ้อนโลกที่กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาต
กษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยพอได้ยิน สีหน้าเคร่งขรึม หันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ
“อาจารย์ลุงเยว่ ผู้อาวุโสเฉิน ไม่ต้องกังวลไป” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ใต้เท้ากษัตริย์เถาไม่มีทางสร้างความลำบากแก่ข้า”
“ปัจจุบันเส้นทางนอกรีตต่อสู้กันดุเดือดยิ่ง หากดูจากประสบการณ์ในอดีต ยิ่งเป็นเวลาแบบนี้ ผู้อาวุโสสั่ว เจ้าแม่อู๋ตัง ใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ กับจักรพรรดิโกวเฉิน จะเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้นเรื่อยๆ เพราะพวกเขาตรึงกำลังกันเอง”
“เมื่อเป็นแบบนี้ แม้ว่าแดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจอาจจะจับตาดูพวกเรา แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเราสามารถเคลื่อนไหวได้ราบรื่นขึ้นไม่น้อยย ยิ่งอาจจะได้รับการดูแลจากพวกเจ้าแม่อู๋ตังด้วย”
รอสงครามระหว่างเส้นทางนอกรีตสองฝั่งสงบลง ความสนใจอาจจะเบนมาทางเยี่ยนจ้าวเกอมากกว่าเดิม
ถึงขั้นที่การส่งคนออกมาเป็นจำนวนมากออกตามหาในมิตินอกเขตแดนอย่างต่อเนื่อง ก็ใช่ว่าจะไร้ความเป็นไปได้
ดังนั้นปัจจุบันจึงเป็นโอกาสอันดี
“จะละความระวังไม่ได้ ยิ่งเป็นเวลาแบบนี้ ยิ่งเป็นโอกาสอันดีที่พวกเราจะเคลื่อนไหว คนที่คิดตามหาพวกเรา สมควรรอให้พวกเราเผยโฉมด้วยตัวเองอยู่” เยี่ยนตี๋ยามนี้เอ่ยขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “มิผิด เป็นเช่นนี้เอง”
เขามองฟู่อวิ๋นฉือจักรพรรดิแพร “มรกตท่องฟ้า รวมถึงบริเวณใกล้ๆ โลกซ้อนโลกที่หลงเหลืออยู่ ต่างมีสายตาไม่น้อยจับจ้อง เป็นคนที่กำลังรอการติดต่อของพวกเรา เพื่อวางแผนสะกดรอย ตามหาที่อยู่ของตำหนักโอสถ”
“ถ้าไม่ใช่พวกเราวางแผนรอบคอบ ต่อให้ใต้เท้ากษัตริย์ลี้ลับแห่งมรกตท่องฟ้าจัดการได้ดีกว่านี้ ก็เกรงว่าจะถูกอีกฝ่ายพบแต่แรกแล้ว” ฟู่อวิ๋นฉือกล่าวเห็นด้วย
ปกติจะมีหนึ่งคนที่โดดเด่น นอกจากฟู่อวิ๋นฉือ ก็จะมีคนอื่นๆ สลับกันออกไปติดต่อกับโลกภายนอก
เยี่ยนจ้าวเกอหลอมเปลี่ยนตำหนักโอสถยิ่งมายิ่งล้ำลึก การควบคุมยิ่งมายิ่งเป็นไปดั่งใจนึก สนับสนุนฝั่งเดียวกันให้ไปๆ มาๆ ได้มิดชิดกว่าเดิม
กระนั้น ความอดทนของอีกฝ่ายก็ไม่เคยหายไป มีคนหลายกลุ่มลอบจับตาดูอยู่
“ตำหนักโอสถแห่งนี้มอบสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสะดวกสบายให้แก่พวกเราชั่วคราว แต่ว่าเรื่องราวมีสองด้านเสมอ” เยี่ยนจ้าวเกอมองหอเซียนม่วงที่ตัวเองอยู่ “ชาวบ้านไร้ความผิดครอบครองหยกจึงผิด เป็นเพราะตำหนักโอสถ คนที่คิดถึงพวกเราจึงมีมากมาย”
“หากไปถึงจักรวาลสำนักเต๋าอีกครั้ง เพื่อทดลองนำมรกตท่องฟ้ามาด้วยจริงๆ การเคลื่อนไหวจะต้องใหญ่โตแน่นอน”
เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งลูบคางทางหนึ่งกล่าว “ส่งเสียงบูรพาตีประจิม ลอบตีฉางเฉิงดีกว่า”
ก่อการเคลื่อนไหวส่วนหนึ่งเพื่อล่อเสือออกจากถ้ำ ดึงความสนใจของอีกฝ่าย จากนั้นรีบเผด็จศึก นำมรกตท่องฟ้ามา แล้วออกจากจักรวาลสำนักเต่า แอบเข้าหลบเร้นสู่ความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนอีกครั้ง
ถึงแม้ไม่อาจดึงความสนใจของอีกฝ่ายได้ทั้งหมด ทำได้แค่ส่วนหนึ่ง ความเป็นไปได้ที่จำทำสำเร็จจะต้องมีมากอย่างมิต้องสงสัย
เยว่เจิ้นเป่ยเอ่ยอย่างเนิบนาบ “ให้ข้าไปเถอะ”
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สองฝ่ายกระอักกระอ่วนในตอนที่ตำหนักโอสถรับมรกตท่องฟ้ามา
“เป้าหมายของเจิ้นเป่ยเจ้าชัดเจนเกินไป ยิ่งปกปิดก็ยิ่งเห็นได้ชัด กลับทำให้ผู้คนเกิดความสงสัยได้โดยง่าย” เฉินเสวียนจงส่ายหน้า กล่าว “ให้ข้าไปดีกว่า”
หลายปีมานี้ เขาออกไปข้างนอกเป็นบางครั้งบางคราว หลักๆ เพื่อตามหาเจี่ยหมิงคงกับฉู่หลีหลี
“สถานการณ์ของผู้อาวุโสเฉินท่านคล้ายกับอวิ๋นเซิง ถึงขั้นน่าเป็นห่วงยิ่งกว่า” เยว่เจิ้นเป่ยว่า “นพยมโลกกำลังจับตาดูท่านอยู่”
เฉินเสวียนจงส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ข้ารู้อะไรควรอะไรไม่ควร”
เยว่เจิ้นเป่ยเห็นดังนั้นก็ไม่กล่าวอะไรอีก
“รบกวนผู้อาวุโสเฉินด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือให้เฉินเสวียนจง จากนั้นก็พูดกับคนอื่นๆ ว่า “ข้าจะให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไปมรกตท่องฟ้า ถ้าหากทุกอย่างราบรื่น ต้องใช้สักเล็กน้อยสำหรับเตรียมการ”
“ตอนนั้นอาจมีการต่อสู้ พวกเราสงบใจฝึกฝน รอคอยโอกาส ป้องกันไว้ดีกว่าแก้”
เฟิงอวิ๋นเซิง เยี่ยนตี๋ เนี่ยจิงเสินล้วนพยักหน้าอย่างเยือกเย็น ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายร่าง ปรากฏเงาร่างสูงใหญ่สายหนึ่ง เป็นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกคำนับฟู่อวิ๋นฉือจักรพรรดิแพร “ใต้เท้าจักรพรรดิแพร รบกวนท่านไปมรกตท่องฟ้ากับข้าอีกสักเที่ยว”
“ไม่ต้องเกรงใจ ถ้าเซียนผู้ถูกเนรเทศวางแผนไว้ดีแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางเถอะ” ฟู่อวิ๋นฉือกล่าว
ต่อจากนั้นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็ออกจากหอเซียนม่วงพร้อมกับจักรพรรดิแพร เดินทางไปด้านนอก ผละจากจักรวาลที่เกิดจากตำหนักโอสถ
คนทั้งสองไม่ได้กลับจักรวาลสำนักเต๋าโดยตรง แต่หยุดอยู่ในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขต
จากการนัดหมายก่อนหน้า จะมีคนมารับพวกเขา จากนั้นก็พากลับจักรวาลสำนักเต๋า
พวกเยี่ยนจ้าวเกอซ่อนตัว อดทนรอคอย
ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไร พลันมีประกายกระบี่สายหนึ่งพุ่งมาจากที่ไกล
พวกเยี่ยนจ้าวเกอเห็นประกายกระบี่ ไม่แสดงท่าที ส่งสัญญาณอย่างลับๆ
ประกายกระบี่ไม่ลดความเร็ว รับพวกเยี่ยนจ้าวเกอในตอนที่พุ่งผ่าน จากนั้นก็โถมไปยังที่ไกลดุจสายฟ้าฟาด
ในมิตินอกเขตแดน มิติเวลาเปลี่ยนเป็นซับซ้อน ยากจำแนกทิศทาง ประกายกระบี่นั้นบอกไม่ได้ว่าเปลี่ยนทิศทาง เคลื่อนไหววกวนอยู่ในความว่างเปล่า
ระหว่างนี้หยุดลงเพียงไม่กี่ครั้ง ยังได้เก็บสมบัติล้ำค่าที่มีเฉพาะในมิตินอกเขตแดนไปด้วย สุดท้ายค่อยมีท่าทีพอใจ วกกลับจักรวาลสำนักเต๋า
หลังจากเข้าสู่จักรวาลสำนักเต๋า ประกายกระบี่ไม่ได้หยุดลง มุ่งหน้าต่อไป สุดท้ายเข้าไปในมรกตท่องฟ้า
ประกายกระบี่พุ่งปราดไปในนิวาสถานบนภูเขาลูกหนึ่ง
จนกระทั่งถึงที่นี่ ประกายกระบี่ค่อยหุดลง แสงสว่างสลายไป เผยให้เห็นนักรพรตชราที่ปล่อยผมสยายไม่ได้มัดไว้
เป็นจักรพรรดิสัญญะเมฆที่เคยพบหน้ากันมาครั้งหนึ่ง
ที่แห่งนี้ไม่ใช่หุบเขาธุลีวิญญาณนิวาสสถานของจักรพรรดิเมฆ
ในนี้ยังมีคนอื่นๆ อยู่ด้วย
นอกจากเกาเสวี่ยโพและหลงเสวี่ยจี้สองพี่น้องที่คุ้นเคยกันดี ยังมีบุรุษอายุราวๆ สามสี่สิบปี ใบหน้าองอาจ ท่วงท่าสบายๆ คนหนึ่งอยู่ด้วย
ถึงจะพบหน้ากันเป็นครั้งแรก แต่เยี่ยนจ้าวเกอเคยเห็นภาพวาดของอีกฝ่ายมาหลายต่อหลายครั้ง
หลงซิงเฉวียน หลงจักรพรรดิน้ำพุผู้สืบทอดกระแสตรงสายหยกพิสุทธิ์ ศิษย์น้องร่วมสำนักของเยี่ยนซิงถางราชันพระศุกร์ ที่อยู่ในมรกตท่องฟ้ามาโดยตลอด
………………..