ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1342 จ้าวปีศาจร้อยตา
“ลุกขึ้นมาตอบ” ราชามังกรหวนเฉินกล่าว “เฉินเสวียจง?”
ฝูลัวจื่อกล่าวขึ้นด้านข้าง “เฉินเสวียนจงแห่งสายหกยพิสุทธิ์ เป็นผู้สืบทอดกระแสตรงสายหยกพิสุทธิ์ ถึงแม้ว่าจะสู้สั่วหมิงจางที่ขึ้นสู่สวรรค์ชั้นมหาชาลไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นบุคคลจำนวนน้อยในผู้สืบทอดกระแสตรงสายสามพิสุทธิ์หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่”
“ก่อนหน้านี้พวกเยี่ยนจ้าวเกอกับตำหนักโอสถเข้าไปหลบในมิตินอกเขตแดน ฟังว่าคนผู้นี้ก็ออกจากจักรวาลสำนักเต๋าด้วยเช่นกัน” เขาคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “การสืบทอดของคนผู้นี้หากสืบสาวไปถึงที่สุดแล้ว ถือเป็นสายสืบทอดของอวิ๋นจงจื่อ”
เวลานี้ปีศาจกวางขาวก็เอ่ยขึ้นว่า “ไม่ผิดแน่ คนผู้นี้จะต้องเกี่ยวข้องกับตำหนักโอสถ ก่อนหน้านี้เคยเผยร่องรอยติดต่อกับผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ น่าเสียดายที่ขัดขวางไม่ได้”
ราชามังกรหวนเฉินมองบุตรของตัวเอง ถามว่า “ตอนนี้คนคนนี้อยู่ที่ใด?”
บุรุษสวมเกราะผู้นั้นโน้มตัวตอบ “เรียนเสด็จพ่อ ในพื้นที่ที่ปรากฏตำหนักโอสถของวังเทพเป็นครั้งแรก”
“อ้อ?” จอมปีศาจทั้งหมดมองหน้ากัน เกิดความสงสัยในใจ “นี่กลับน่าสนใจแล้ว”
เมื่อได้ตำหนักโอสถมาแล้ว จะกลับไปที่เก่าทำอะไร?
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าตำหนักโอสถของวังเทพยังคงมีความพิเศษ แม้คิดหลอมเปลี่ยนมันให้สมบูรณ์ แต่คนของสำนักเต๋าเหล่านั้นพบเจออุปสรรค ดังนั้นจึงกลับไปยังสถานที่เก่า เพื่อหาเบาะแสและวิธีการ?” ราชามังกรหวนเฉินเอ่ยอย่างลังเล
มหาเซียนหรูอี้มองปีศาจกวางขาว “ไม่ใช่ไม่มีความเป็นไปได้นี้กระมัง? ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้วิญญาณตำหนักในตอนแรกของตำหนักโอสถถึงกับมีสติปัญญาเป็นของตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดมาก่อน”
“หลังจากวิญญาณตำหนักดับสูญ จึงค่อยตกไปอยู่ในมือของคนจากสามพิสุทธิ์สายหลัก ไม่แน่ว่าตอนแรกจะมหาเทวะเก้าเศียรเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงอันใด”
ปีศาจกวางขาวพูดขึ้นหลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่ง “ข้าไม่อาจยืนยัน แต่ว่าคำพูดของสหายร่วมเส้นทางหรูอี้ใช่ว่าจะไร้เหตุผล”
มหาเซียนหรูอี้ว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าตำหนักโอสถจะย้ายไปซ่อนในบริเวณแห่งนั้น จากนั้นก็ส่งคนออกมาตามหาเบาะแส?”
เหล่าปีศาจเอ่ยขึ้นพร้อมเพรียง “ไม่ไร้ความเป็นไปได้ แต่ก็ไม่อาจยืนยันได้เช่นกัน”
“เอาแบบนี้แล้วกัน ให้สหายร่วมเส้นทางสักคนในหมู่พวกเราไปดูทางด้านนั้น ส่วนคนอื่นๆ ให้ปฏิบัติตามแผนเดิมเป็นอย่างไร?” ฝูลัวจื่อพูด “แน่นอนว่าจะต้องแจ้งต่อพวกมหาเทวะเก้าเศียรด้วย”
“วิธีการนี้ไม่เลว ถ้าหากว่าพบร่องรอยของตำหนักโอสถจริงๆ ให้รีบติดต่อ พวกเราละทิ้งทางด้านนี้เร่งรุดไปก็พอ” เหล่าปีศาจข้ามองท่าน ท่านมองข้า “แต่ผู้ใดจะไปเล่า?”
ฝูลัวจื่อพูดขึ้น “ทางนี้กับทางนั้นข้าไม่ขอไป ขอไปรอเหล่าภิกษุในแดนสุขาวดีตะวันตกเหล่านั้นก็พอ ถ้าพวกเขามีคนมาสนับสนุน ข้ามีป่าหี่เล็กๆ บางทีอาจขวางพวกเขาได้ แบบนี้สหายร่วมเส้นทางทุกท่านจะลงมือสะดวก”
“พี่ร่วมเส้นทางฝูลัวบุคลิกสูงส่ง พวกเราเลื่อมใสนัก” พวกปีศาจพยักหน้าพร้อมกัน
“สหายร่วมเส้นาทงร้อยตากับสหายร่วมเส้นทางหวนเฉินจะต้องอยู่ที่นี่ รอจัดการมรกตท่องฟ้า” ฝูลัวจื่ออธิบาย “ขอแค่พวกท่านทั้งสองลงมือ ครู่เดียวอีกฝ่ายก็จะเชื่อมโยงถึงความแค้นส่วนตัว ไม่ใช่ตำหนักโอสถ”
ครั้งกระโน้นปีศาจกวางขาวเข้าร่วมการแย่งชิงตำหนักโอสถ มิต้องกล่าวมากความ
มีปีศาจกระทิงเข้าไปในตำหนักโอสถพร้อมกับเขาในตอนนั้น ดังนั้นมหาเซียนหรูอวี้จึงไม่อาจเผยโฉมอยู่ชั่วขณะ ไม่อย่างนั้นจะถูกคนนึกเชื่อมโยงได้ทันที
โดยเฉพาะมหาเซียนหรูอี้หากปรากฏตัวเร็ว อาจทำให้คนเชื่อมโยงถึงมหาเทวะสยบฟ้าที่อยู่เบื้องหลังเขาได้ง่ายๆ เป็นเหตุให้มีการป้องกันและเฝ้าระวังไว้ก่อนโดยอัตโนมัติ
เซียนเสวียนซวงผู้นั้นก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ มาจากวังเทพ เกิดว่าลงมือเผยให้เห็นรากฐาน ก็ทำให้คนนึกถึงตำหนักโอสถได้ง่ายดายเช่นกัน
เมื่อไม่นับฝูลัวจื่อ ก็มีแค่จ้าวปีศาจร้อยตากับราชามังกรหวนเฉินที่เหมาะกับการปรากฏตัว ไปหาเรื่องมรกตท่องฟ้าก่อน
“สหายร่วมเส้นทางหรูอี้รั้งอยู่ที่เดิมจะดีกว่า” ฝูลัวจื่อว่า มองปีศาจกวางขาวกับเซียนเสวียนซวง “สหายร่วมเส้นาทงทั้งสอง ผู้ใดจะลำบากไป?”
ปีศาจกวางขาวกับเซียนเสวียนซงต่างรู้แก่ใจดี มหาเซียนหรูอี้จำเป็นต้องรั้งอยู่ทางด้านจักรวาลสำนักเต๋าจริงๆ
ไม่อย่างนั้นเกิดที่นี่มีการปะทะกับสำนักเต๋า เป็นเหตุให้เจ้าแม่อู๋ตังหรือแม้กระทั่งเทวกษัตริย์สำนักเต๋าจำนวนมากปรากฏตัว เช่นนั้นนอกจากมหาเทวะเก้าเศียรแล้ว อย่างน้อยก็จำเป็นต้องให้มหาเทวะสยบฟ้าลงมือ
ถึงตอนนี้จะยังยืนยันไม่ได้ว่ามหาเทวะสยบฟ้าจะมาหรือไม่ก็ตาม
“โชคดีที่ข้าเคลื่อนไหวอยู่บริเวณนี้มานาน ครั้งนี้ให้ข้าไปเถอะ” ปีศาจกวางขาวเสนอตัว “ที่นี่รบกวนสหายร่วมเส้นาทงทุกท่านแล้ว”
ไปตรวจสอบที่นั่น หากมีการค้นพบ ก็แจ้งให้ทุกคนมา เมื่อไม่มี อย่างน้อยก็กลับนิวาสสถาน
หากทางด้านนี้เกิดสงครามจริงๆ เกิดว่าเจ้าแม่อู๋ตังกับเทพสังหารอย่างสั่วหมิงจางโผล่มา ระหว่างที่สู้กันดุเดือด ยากจะบอกว่าให้แน่ชัด
ยอดฝีมือเผ่าปีศาจทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ไม่ว่าใครต่างก็ทราบถึงพลังของเจ้าแม่อู๋ตังอย่างล้ำลึก มิจำเป็นต้องบอก
แต่หากถามว่าผู้ใดรู้จักพลังของสั่วหมิงจางดีที่สุด กวางขาวยอมรับว่าเป็นตัวเอง
ดังนั้นถึงแม้จะเฝ้าที่นี่มาหลายปี หากต้องออกไปไม่อาจไม่ยินยอม ทว่าขวางเขายังรับภารกิจ ออกจากที่นี่ชั่วคราว
ไม่ใช่คิดหลบเลี่ยงการต่อสู้ แต่ว่าเมื่อแบ่งกองทัพออกเป็นสอง ภายหลังมีผลประโยชน์อันใดย่อมมีส่วนของเขาไม่มากก็น้อย
“เช่นนั้นรบกวนพี่ร่วมเส้นาทงแล้ว” เซียนเสวียนซวงยิ้มเล็กน้อย เอ่ยขึ้นก่อน
คนอื่นๆ ต่างกล่าว “รบกวนสหายร่วมเส้นทางกวางขาวแด้วย”
ปีสาจกวางขาวหมุนกายออกเดินาทง หายไปใจความว่างเปล่าไร้สิ้นสุด
“พวกเราก็ลงมือเถอะ” ฝูลัวจื่อว่า “แม้ว่าทางสหายร่วมเส้นทางจะส่งข่าวมาว่ามีปัญหาจริงๆ พวกเราคอยคุมทัพอยู่ในที่ลับตั้งหลายคน คิดจะผละไปอย่างรวดเร็วไม่ยากเย็น”
จ้าวปีศาจร้อยตากล่าว “สหายร่าวมเส้นาทงฝูลัวกล่าวไม่ผิด ข้าจะไปเอง”
เขาหันไปมองราชามังกรหวนเฉิน ถึงสองฝ่ายจะเข้ากันไม่ค่อยได้ แต่ยังกล่าว “รบกวนสหายร่วมเส้นทางเฝ้าทัพด้วย”
“เกรงใจแล้ว เชิญเถอะ” ราชามังกรหวนเฉินพยักหน้า กล่าวอย่างรวบรัด
จ้าวปีศาจร้อยตาไม่เกรงใจ นำทัพเข้าไปในจักรวาลสำนักเต๋าทันที
ราชามังกรหวนเฉินนำบุตรมังกรและทหารกลุ่มหนึ่งที่อยู่รอบๆ เมฆมงคลติดตามไปติดๆ ซ่อนอยู่ในเมฆ เข้าไปในจักรวาลสำนักเต๋าเช่นกัน
ขณะที่จอมปีศาจจำนวนมากข้ามจักรวาล กลิ่นอายปีศาจพวยพุ่ง ทะลุมิติเวลามากมาย มาถึงใกล้ๆ มรกตท่องฟ้า
กลิ่นอายที่แข็งแกร่งลุกลามใส่ มรกตท่องฟ้าพลันเกิดความปั่นป่วน
ปราณอันคมกล้าที่กระจายออกมาจากเขาแหนเขียวคมกริบดุร้ายกว่าเดิม
เขตแดนมิติของมรกตท่องฟ้าทั้งหมด ต่างเหมือนกลายเป็นคมกระบี่ พุ่งไปยังจักรวาลภายนอกอย่างต่อเนื่อง
“ลูกศิษย์หลานศิษย์ของชวนเหอเต้าหยินจงออกมา!” จ้าวปีศาจร้อยตาเหลือบตามองดู เหมือนไม่เห็นในสายตา “ชวนเหอเต้าหยินเจ้าในอดีตได้ทำลายชีวิตของลูกศิษย์ข้า วันนี้ขอระบายความแค้นใส่ลูกศิษย์หลานศิษย์ของเจ้าแล้ว”
เสียงของเขากลายเป็นรัศมีแสงมีรูปร่างสีเหลือง กดทับใส่มรกตท่องฟ้า บดขยี้ปราณกระบี่หนาแน่นที่กระจายออกมาจากมรกตท่องฟ้า
บนเขาแหนเขียวในมรกตท่องฟ้า ตอนนี้กษัตริย์เถาออกมาจากนิวาสสถานของตัวเองแล้ว
ค่ายกลกางออกใต้เท้าของนางโดยมีเขาแหนเขียวที่มีเส้นรอบวงนับล้านล้านลี้เป็นจุดศูนย์กลาง ครอบคลุมอาณาเขตของแคว้นทั้งเก้าบนมรกตท่องฟ้าทั้งหมด
เสาปราณเสาหนึ่งพุ่งขึ้นจากยอดเขาหลักของเขาแหนเขียว ยื่นเข้าไปในหมู่เมฆ เหมือนกับเสาสวรรค์ ทั้งเหมือนกับกระบี่คม
ปราณกระบี่ที่กำเนิดขึ้นบนเขตแดนมิติเวลาของฟ้ามรกตแข็งแกร่งขึ้น ต้านทานศัตรูร้ายกาจที่บุกรุกมา
กษัตริย์เถาสีหน้าเคร่งขรึม อีกฝ่ายเพียงกล่าวาจา กระตุ้นเสียงมหามรรคาเท่านั้น ไม่ได้ลงมืออย่างแท้จริง
ขณะนี้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอได้กลับเขาแหนเขียวแล้ว ขมวดคิ้วมองฟากฟ้า “เผ่าปีศาจหรือ?”
………………..