ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1349 ท่วงท่าการต่อสู้ของตำหนักโอสถ
มหาเซียนหรูอี้ฉวยโอกาสตอนที่ราชามังกรหวนเฉินกับปีศาจกระต่ายหยกพัวพันเกาชิงเสวียน สลัดหลุดออกมา พุ่งเข้าหาตำหนักโอสถ
เฟิงอวิ๋นเซิงเห็นดังนั้นก็ขวางดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก กระแทกหมอกแสงสีเหลืองเข้ม ไล่ตามมหาเซียนหรูอี้ไป
ทว่าขณะนี้จ้าวปีศาจร้อยตาตัดสินใจเด็ดขาด ในมือเพิ่มกระบี่วิเศษเล่มหนึ่ง ฟันใส่เฟิงอวิ๋นเซิง
เฟิงอวิ๋นเซิงชักดาบมาขวาง ดวงตาเป็นร้อยเป็นพันใต้สีข้างของของจ้าวปีศาจร้อยตาส่องสว่างอีกครั้ง หมอกเหลืองกระจายเต็มฟ้า ขัดขวางฝีเท้าของเฟิงอวิ๋นเซิง
พวกหลงซิงเฉวียนกับเยว่เจิ้นเป่ยปราดเข้ามาขวางมหาเซียนหรูอี้ ทว่าเหล่ายอดฝีมือเผ่าปีศาจที่เหลือซึ่งติดตามปีศาจกระต่ายหยกเข้ามาในจักรวาลสำนักเต๋า โถมเข้ามาอย่างดุร้าย
แม้แต่เหล่าปีศาจที่อยู่ใต้การควบคุมของราชามังกรหวนเฉินซึ่งบาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อย เวลานี้ต่างพุ่งเข้ามาใหม่ในเสียงตะวาดของราชามังกรหวนเฉิน
มหาเซียนหรูอี้ตวัดตะขอในมือเหมือนกับเขากระทิง กระแทกประกายกระบี่ของหลงซิงเฉวียนออกจากนั้นก็มุ่งตรงไป บรรลุถึงบริเวณใกล้ๆ ตำหนักโอสถอย่างรวดเร็ว
แสงสีทองหลายสายบนตำหนักโอสถพุ่งขึ้นฟ้า สาดเข้าใส่ตัวเขา
มหาเซียนหรูอี้ร่ายรำตะขอในมือ ปัดแสงสีทองหลายสายทิ้ง จากนั้นก็ยื่นตะขอเข้าไป
คมที่เรืองแสงสีทองเหมือนกัน วินาทีนี้เปลี่ยนเป็นมหึมาสุดเปรียบปาน ตัดควันเมฆสีม่วง จากนั้นก็พุ่งลงบนตำหนักสร้างจากหยกขาว
มหาเซียนหรูอี้พอเกี่ยวตะขอกับตำหนักโอสถได้ ก็ยื่นมือดึงทันที
ตะขอหรูอี้ที่เร็วเล็ก ตกลงในมือของมหาเซียนหรูอี้
คมขนาดมหึมาเกี่ยวตำหนักโอสถที่ที่ใหญ่โต เหมือนกับปราการแดนเซียน
แต่ว่าหลังจากมหาเซียนหรูอี้ออกแรงดึง ตำหนักโอสถขนาดใหญ่ถึงกับส่ายไปมา เริ่มเข้าใกล้เขา
เกาชิงเสวียนชี้กระบี่ ประกายกระบี่แยกออก กลายเป็นหลายพันหลายหมื่นสายในชั่วพริบตา เข่นฆ่าเข้าหาราชามังกรหวนเฉินดุจผลักภูเขาถมทะเล
ร่างของราชามังกรหวนเฉินกลายเป็นแสง หนึ่งแยกเป็นเก้า หลบพ้นสภาวะกระบี่ของเกาชิงเสวียน
เกาชิงเสวียนทั่วร่างสาดแสงสีแดงแวบหนึ่ง หายไปจากที่เดิมทันที
แทบไม่มีการขวางกั้นของเวลา ประกายกระบี่สีแดงก่ำส่องแสงระยิบระยับ นางติดตามถึงเบื้องหลังมหาเซียนหรูอี้ แล้วฟันกระบี่ใส่ทันที
มหาเซียนหรูอี้มือหนึ่งถือตะขอ อีกมือหนึ่งชักกลับมากระแทกใส่เกาชิงเสวียน
เขามีสองบุปผาบนกระหม่อม พลังและปราณกำเนิดสุดที่อนุเทวะเผ่าปีศาจหรือจ้าวสวรรค์สำนักเต๋าทั่วไปจะเทียบเคียงได้
ถึงเขาจะใช้มืออีกข้างดึงตำหนักโอสถ ก็ยังใช้มืออีกข้างฟาดลงต้านสภาวะกระบี่ของเกาชิงเสวียนได้
เกาชิงเสวียนโจมตีไม่โดน ราชามังกรหวนเฉินด้านหลังตั้งตัวได้ใหม่ จู่โจมกระบวนท่าที่ดุร้ายใส่ด้านหลังเกาชิงเสวียนอย่างดุดัน
กรงเล็บมังกรจริงแท้ที่คมกริบและแข็งแกร่งสุดขีด กำลังจะทะลวงจุดอ่อนบริเวณทรวงอกของเกาชิงเสวียน เหมือนกับหอกยาวที่แข็งแกร่งไม่อาจทำลายหลายเล่ม
เกาชิงเสวียนไม่ได้หลบหลีก ตั้งนิ้วชี้นิ้วกลางประดุจกระบี่ บนปลายนิ้วนอกจากประกายกระบี่ที่เหมือนด้ายสีดำหลายสายแล้ว ยังเพิ่มปราณสีขาวมากมายและประกายสีเขียวสลัว
ทิศทางของคมกระบี่คือกรงเล็บของราชามังกรหวนเฉิน
กรงเล็บมังกรที่แข็งแกร่งดุร้ายพลันสั่นไหว!
แก่นปีสาจสีทองจางๆ ที่เรืองรองอยู่บนกรงเล็บมังกร พอกระทบถูกประกายกระบี่สีเขียวนั้น พลันเริ่มพังทลาย กระจัดกระจายกลายเป็นฝุ่นผงสีทองหลายผืน หายไปดุจควันไฟ
ปราณสีขาวโพลนนั้นกระทบถูกเกล็ดมังกรที่เหมือนกับอยู่ยงชั่วนิรันดร์ ระเบิดเกล็ดมังกรทันที
ประกายกระบี่สีดำพาดขวางตัดกัน เชือดเฉือนเลือดเนื้อของราชามังกรหวนเฉิน จากนั้นก็รวมตัวกันแล้วหมุนคราหนึ่ง
กรงเล็บข้างหนึ่งของเขา พลันถูกเกาชิงเสวียนฟันขาดในหนึ่งกระบี่!
ราชามังกรหวนเฉินแค่นเสียง คมกระบี่อันดุร้ายที่เกิดจากปลายนิ้วของเกาชิงเสวียนสภาวะไม่หยุดลง ตอนฟันนิ้วของราชามังกรหวนเฉินใช้เวลาแค่อึดใจเดียว คมกระบี่ฟาดฟันลงต่อ มุ่งเข้าหาราชามังกรหวนเฉิน
อนุเทวะเผ่าปีศาจที่พลังเทียบเท่าจ้าวสวรรค์สำนักเต๋าตนนี้พลิกร่างอย่างรวดเร็ว อ้าปากในทันใด กระแสน้ำสีดำสายหนึ่งพุ่งออกมา กลายเป็นท้องทะเลยิ่งใหญ่ เติมเต็มความว่างเปล่าในชั่่วพริบตา
ขณะที่มหาสมุทรสีดำขัดขวางคมกระบี่ของเกาชิงเสวียน ราชามังกรหวนเฉินกลายร่างเป็นลำแสงสายหนึ่ง จมลงไปในน้ำทะเล อาศัยน้ำหนีห่างไป ในที่สุดก็หลบรอดกระบี่นี้ของเกาชิงเสวียน กรงเล็บมังกรไม่ถึงกับถูกอีกฝ่ายฟันขาดทั้งหมด
เกาชิงเสวียนหลังจากกดดันให้อีกฝ่ายถอย ก็ไม่คิดไล่ตาม บ่ายหน้าไปหามหาเซียนหรูอี้ต่อ
ทว่ามหาสมุทรนั้นพัดคลื่นสูงเทียมฟ้า พุ่งเข้ามาหานางอย่างมืดฟ้ามัวดิน
เผ่าปีศาจส่วนใหญ่มีความารถติดตัวแต่กำเนิด ขณะเข่นฆ่ากับมนุษย์ สามารถแสงผลซึ่งไม่อาจมองข้าม
ความสามารถที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดของจ้าวปีศาจร้อยตา ยังเหนือกว่าวรยุทธ์ของตัวเองในระดับหนึ่งเสียอีก
ความสามารถของราชามังกรหวนเฉินแม้จะไม่ร้ายกาจเท่าแสงทองพันเนตรใต้สีข้างของจ้าวปีศาจร้อยตา กลับมีความเฉพาะตัว
เกาชิงเสวียนไม่เกรงกลัวเขาโดยสิ้นเชิง แต่ถูกเขาพัวพันไว้ จิตใจรุ่มร้อน
สถานการณ์ต่อสู้ที่หวาดเสียวตรงหน้า ผ่านไปแค่ชั่วอึดใจ แต่กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงนับพันนับหมื่น
มหาเซียนหรูอี้อาศัยโอกาสที่จอมมารตนอื่นถ่วงการเคลื่อนไหวของพวกเฟิงอวิ๋นเซิงกับเกาชิงเสวียน รีบเร่งโจมตีตำหนักโอสถ
มือหนึ่งถือตะขอหรูอี้ เกี่ยวกับตำหนักโอสถ ทำให้ตอนนี้ตำหนักโอสถไม่อาจเคลื่อนไหว ยากจะถอยไป
เขายื่นมืออีกข้างออกมา กลายเป็นฝ่ามือยักษ์ครอบฟ้าในชั่วพริบตา แล้วคว้าเข้าใส่ตำหนักโอสถ!
ในหอเซียนม่วงด้านในตำหนักโอสถ ไม่เห็นร่องรอยของเยี่ยนจ้าวเกอ
มีเพียงเยี่ยนตี๋ เนี่ยจิงเสิน หลงเสวี่ยจี้ เกาเสวี่ยโพ รวมถึงทวนพระอังคารที่แปลงเป็นร่างมนุษย์
ทั้งห้านั่งประสานค่ายกล เยี่ยนตี๋อยู่ตรงกลาง อีกสี่แยกกันไปอยู่สี่ทิศรอบๆ
ค่ายกลที่เกิดจากการผสานของพวกเขา เป็นค่ายกลที่ใช้สะกดเทียนซูวิญญาณตำหนักในตอนที่ช่วงชิงตำหนักโอสถเมื่อครั้งแรกสุด
ปัจจุบันถึงจะเปลี่ยนตัวคน แต่ว่าหลงเสวี่ยจี้กับเกาเสวี่ยโพที่เข้ามาใหม่คุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงของค่ายกล ร่วมมือกับคนทั้งสามได้
เยี่ยนตี๋ที่อยู่ตรงกลางบนศีรษะมีเตาโอสถขนาดมหึมาเตาหนึ่งลอยอยู่ เป็นเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ
เยี่ยนจ้าวเกอนั่งอย่างสงบนิ่งอยู่ในเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ
เขาหลับตา ไม่พูดไม่ขยับ เหมือนกับหลับลึก ทั้งเหมือนวิญญาณออกจากร่าง
ตอนนี้คนที่ควบคุมสถานการณ์อยุ่ในเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ คล้ายเป็นแค่เปลือกร่างโครงหนึ่ง แทบไร้สติสัปปชัญญะ
“อีกฝ่ายมีคนมากมาย ข้าได้แต่ลองเสี่ยงดูแล้ว” เสียงของเยี่ยนจ้าวเกอดังขึ้นในหอเซียนม่วง ทว่าที่มากลับไม่ใช่ในเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ
เสียงของเขา เวลานี้เหมือนกับสะท้อนทั่วหอเซียนม่วง และเหมือนสะท้อนทั่วตำหนักโอสถ หากแต่มีแค่คนห้าคนในหอถึงจะได้ยินคำพูดของเขา
“ตอนข้าลงมือ ตำหนักโอสถยากจะไม่สั่นไหว ได้แต่ขอให้ทั้งห้าท่านผสานค่ายกลเพื่อสะกดไว้” เยี่ยนจ้าวเกอว่า
ถ้าหากว่าไม่มีโลกจำนวนมากที่ถูกบรรจุในจักรวาลด้านในตำหนักยังพอทำเนา ตอนนี้เหมือนกับพ่วงโซ่และภาระนับไม่ถ้วน
คิดปลดภาระเข้าสู่สนามรบ ทำการฝ่าวงล้อม ย่อมไม่อาจทำลายความสงบของโลกมากมาย และไม่อาจทอดทิ้งพวกมันไว้ที่นี่
แต่ว่านี่กลับไม่สร้างความลำบากแก่เยี่ยนจ้าวเกอ
คนทั้งห้าที่ผสานค่ายกลต่างกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทำให้เต็มที่ก็พอ”
“ได้!” เยี่ยนจ้าวเกอหวเราะฮ่าๆ เสียงหัวเราะสะท้อนทั่วหอเซียนม่วง
ด้านนอกตำหนักโอสถ ฝ่ามือของมหาเซียนหรูอี้กำลังจะจับลงบนยอดตำหนักหยกขาว ตำหนักหยกขาวพลันระเบิดประกายแสงออกมา!
กลิ่นอายที่แข็งแกร่งอย่างไม่เคยมีมาก่อน ลอยออกมาจากด้านใน
จากนั้นฉากที่ทำให้คนไม่อยากเชื่อก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าคนที่อยู่ด้านนอก
ประกายแสงที่กระจายออกมาจากตำหนักโอสถเปลี่ยนจากทองบริสุทธิ์เป็นสีทองระคนม่วง
แสงทองผสมม่วงผนึกตัว จากนั้นก็กลายเป็นแขนข้างหนึ่ง ยกขึ้นสู่ฟากฟ้า รับมือข้างที่มหาเซียนหรูอี้คว้าเข้ามา!
ขณะมหาเซียนหรูอี้งุนงง แสงสว่างบนตำหนักโอสถก็ผนึกตัว แขนข้างที่สองโผล่มา กระแทกฝ่ามือใส่ศีรษะของเขา!
………………..