ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1354 ย่ำทำลายภัยพิบัติมนุษย์เซียน ละทิ้งกายมนุษย์!
- Home
- ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี
- บทที่ 1354 ย่ำทำลายภัยพิบัติมนุษย์เซียน ละทิ้งกายมนุษย์!
ความแตกต่างระหว่างมนุษย์เซียน การขวางกั้นระหว่างฟ้าและดิน
เมื่อก้าวเท้าก้าวนี้ออก จะเป็นกายเซียน ละทิ้งกายมนุษย์
คนที่คิดจะก้าวข้ามร่องน้ำธรรมชาติสายนี้ ตั้งแต่อดีตกาลเป็นต้นมาไม่ทราบมีมากน้อยขนาดไหน ผู้สำเร็จกลับมีอยู่ไม่กี่คน
ต่อให้เป็นโลกก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ที่วรยุทธ์รุ่งเรือง ก็ยังคงเป็นเช่นนี้
ทว่าในวันนี้ เยี่ยนจ้าวเกอมองเข้าไปในตัวเอง รู้สึกว่าตนเองสามารถเห็นการดำรงอยู่ของประตูไร้รูปร่างบานนั้นได้อย่างชัดเจน เพียงรอให้ตนผลักเปิดมัน
เยี่ยนจ้าวเกอฝึกฝนสามพิสุทธิ์ร่วมกัน เลื่อนจากระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายขึ้นสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ จำเป็นต้องมีวรยุทธ์กระแสตรงสายหยกพิสุทธิ์ เอกพิสุทธิ์ และสามพิสุทธิ์อย่างละหนึ่งชนิด
ในตอนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอคิดผลักเปิดประตูเซียน ก็จำเป็นต้องมีวรยุทธ์กระแสตรงสายสามพิสุทธิ์อย่างละหนึ่งชนิดเช่นกัน
วรยุทธ์สายหยกพิสุทธิ์ในครั้งนี้ คือคัมภีร์เบิกนภา
วรยุทธ์สายเอกพิสุทธิ์ เป็นดัชนีปฐมกำเนิดซึ่งอยู่หลังแปลงกำเนิด อันดับที่สองในห้ากำเนิดแรกเริ่ม ที่บรรจุความน่าอัศจรรย์ของลมปราณก่อนกำเนิด
วรยุทธ์สายเหนือพิสุทธิ์ คือคัมภีร์ยุคหลงฮั่นที่ไม่นานมานี้เรียนมาจากเกาชิงเสวียน เพราะความดีความชอบจากการย้ายมรกตท่องฟ้าในวันนี้
ห้ายุคสมัย ยุคหลงฮั่นเป็นยุคแรก มีชื่อว่ายุคกำเนิดหลงฮั่น หรือปฐมยุคหลงฮั่น เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสรรพสิ่ง ห้วงนาทีของการเปิดฟ้าผ่าดิน
คัมภีร์ยุคหลงฮั่น แฝงสัจธรรมนี้ เป็นคัมภีร์อันดับแรกสุดในสิบคัมภีร์สายเหนือพิสุทธิ์
เยี่ยนจ้าวเกออาศัยประโยชน์จากตำหนักโอสถบุกเบิกจักรวาลฟ้าฟื้นและฟ้าเหนือฟ้า ความเข้าใจและการตอบสนองที่ได้มา ช่วยให้เขาบรรลุความลี้ลับของวรยุทธ์สายเหนือพิสุทธิ์ชนิดนี้ด้วยความเร็วที่คนธรรมยากไปถึง
วินาทีนี้ความเข้าใจที่เขามีต่อคัมภีร์เบิกนภา ดัชนีเทพปฐมกำเนิด และคัมภีร์ยุคหลงฮั่น แม้เป็นยอดฝีมือที่ได้ผลักเปิดประตูเซียน ก็มีไม่กี่คนที่พอจะสู้ได้ มาอยู่ในระดับที่สูงล้ำถึงขีดสุด
นี่เป็นโอกาสอันดีที่หมื่นปียากพบพาน มีทั้งความสามารถเปิดฟ้าดิน และระดับพลังฝึกปรือสูงพอ
คนที่มีระดับพลังฝึกปรือไม่พอ จะมีสักกี่คนที่ได้รับโอกาสอันดีจากการช่วยเหลือของตำหนักโอสถในปัจจุบัน
วาสนาเช่นนี้ เป็นเยี่ยนจ้าวเกอตั้งใจวางแผน จึงนำมาใช้ได้
ไม่อย่างนันการฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกันยากลำบาก คิดจะก้าวข้ามร่องน้ำทางธรรมชาติที่ผู้คนต่างยอมรับอย่างการขวางกั้นระหว่างมนุษย์เซียน ด้วยความสามารถของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็ใช่ว่าจะทำสำเร็จได้ในเวลาสั้นๆ แค่ยี่สิบปี
วันนี้ ทุกอย่างมีพร้อม ลมบูรพาพัดแรงพอ!
จิตใจ และกายเนื้อของเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้รวมเป็นหนึ่งโดยสมบูรณ์ ความจริงความลวงผสานกัน ไม่แบ่งแยกกันและกัน
เขายกเท้าแล้วก้าวออก ร่ายกายคล้ายไม่ได้เคลื่อนไหว
ประตูที่เป็นมายาไร้รูปร่างซึ่งอยู่ห่างไปบานนั้น นั้นกลับยิ่งมายิ่งใกล้
ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอไปถึงหน้าประตู ก็ยื่นมือออกไปผลักประตูอย่างไม่ลังเล!
จากนั้น รู้สึกว่ามีพายุไร้สิ้นสุดซัดออกมาจากในประตู กลืนกินตัวเอง
พายุนี้กลับเหมือนเกิดขึ้นภายในตัวเอง แบ่งออกเป็นสองสาย โผล่ออกมาจากใจกลางฝ่าเท้าและศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอ ทะลุร่างของเขา
ภัยพิบัติมนุษย์เซียน!
ปราณเซียนเข้าร่าง ไม่เพียงแต่จอมยุทธ์ดูดซับสัจธรรมในปราณวิญญาณเพียงอย่างเดียว แต่ว่าเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติร่างและกายเนื้อของจอมยุทธ์อย่างแท้จริง
หากฝ่าด่านนี้ไปได้ จะเป็นฟ้าดินอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งใหม่ หากฝ่าไม่ได้ ร่างก็จะตายมรรคาสลายเป็นฝุ่นผง
จอมยุทธ์เมื่อเลื่อนจากมหาปรมาจารย์เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่าบรรลุธรรมสู่ศักดิ์สิทธิ์เป็นการก้าวข้ามมนุษย์ทั่วไป
และในขณะนี้ จากระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สู่ระดับเซียน เป็นการเดินบนเส้นทางที่เหนือกว่านี้ถึงปลายทาง รับการลอกคราบครั้งสุดท้าย ถอดเลือดเนื้อของมนุษย์ธรรมดา เลื่อนสู่ระดับเซียน ถูกจัดอยู่ในขบวนเซียน!
ขณะนี้เยี่ยยนจ้าวเกอกำลังเผชิญภัยพิบัตินี้
ภาพมากมายของการฝึกฝนในอดีตล้วนปรากฏขึ้นในห้วงสมอง
ความจริงแท้ของวรยุทธ์หลายชนิดโผล่ขึ้นมาพร้อมกัน ทุกอย่างในอดีตนี้เป็นพื้นฐานที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอมีพลังเลิศล้ำ ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นอุปสรรคของเขา
จิตมากมายซึ่งเดิมทีพลิกแพลงได้ดั่งใจ เปลี่ยนเป็นสับสนอีกครั้ง ทั้งยังกำลังพังทลายทีละน้อยๆ
จุดตำหนิเล็กๆ ใดๆ ต่างอาจกลายเป็นอุปสรรค ทั้งส่งการรบกวนที่เสมือนกับการแพร่เชื้อสู่การดำรงอยู่อื่นๆ ทำให้ช่องโหว่วยิ่งมายิ่งกว้าง
แม้จะเป็นร่างกายที่ผ่านการหล่อหลอมมานับร้อยนับพันครั้ง เป็นกายเนื้อหลังกำเนิดซึ่งเรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ประวัติษสตร์เคยมีมา วินาทีนี้ ความยากในการผ่านการชำระล้างจากปราณเซียนก็มีมากกว่าคนอื่นๆ
ทุกอย่างนี้ทำให้ความยากในการผลักเปิดประตูเซียนของเยี่ยนจ้าวเกอเหนือกว่าคนอื่นๆ ทั้งยังสิ้นชีวิตในภัยพิบัติได้ง่ายๆ
โชคดีที่การสั่งสมในปัจจุบันของเยี่ยนจ้าวเกอเต็มเปี่ยมมากพอแล้ว
หยกพิสุทธิ์เบิกฟ้า เอกพิสุทธิ์ปฐมกำเนิด เหนือพิสุทธิ์ยุคแรกเริ่ม สามวรุยทธิ์ล้วนผลักเยี่ยนจ้าวเกอให้มุ่งสู่ด้านบนด้วยสภาวะเบิกผ่าฟ้าดิน ไม่มีสิ่งใดขวางได้
ภายใต้ทำลายสิ่งเก่าต้อนรับสิ่งใหม่ และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ข้อเสียต่างๆ ที่บ้างเล็กบ้างใหญ่ในวันวาน เหมือนกับเปลี่ยนเป็นไร้ความสำคัญ
ปราณพิสุทธิ์หลายส่ายกระเพื่อมในร่างของเยี่ยนจ้าวเกอไม่หยุด ดำรงอยู่ในทุกส่วน ไม่มีที่ใดที่ไม่อยู่ ไม่มีที่ใดที่ไปไม่ถึง
ถูกต้อง ปราณเซียนในปราณเซียนห้าชนิดที่เยี่ยนจ้าวเกอเลือกในตอนสำเร็จเป็นเซียน ก็คือปราณพิสุทธิ์ที่ราบเรียบที่สุดในปราณทั้งห้า
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อใช้ต่อสู้กับผู้คน ผู้ฝึกปราณกาลีกับผู้ฝึกปราณเที่ยมตรงจะมีวิธีต่อสู้เฉียบคมที่สุด
ในปราณทั้งห้า ปราณพิสุทธิ์เป็นปราณที่ค่อนข้างธรรมดาที่สุด ทั่วไปที่สุด ถึงขั้นที่ไร้ความพิเศษใด
สำหรับการฝึกฝนตามความเป็นจริงของจอมยุทธ์แล้ว ความได้เปรียบของปราณพิสุทธิ์อยู่ที่ สามารถหลอมรวมกับปราณเซียนชนิดที่สอง เพื่อรวมสองปราณเป็นวายุสำหรับเลื่อนสู่ระดับเซียนลี้ลับได้ง่ายกว่า
ขณะเดียวกัน หากกล่าวโดยมองจากภายนอก การใช้ปราณพิสุทธิ์หล่อหลอมตนเอง ฝ่าภัยพิบัติมนุษย์เซียน มีความยากต่ำที่สุด
อย่างเช่น จักรพรรดิเซียนจริงแท้เส้นทางนอกรีต อย่าเพิ่งสนใจว่าวรยุทธ์ที่ฝึกฝนเป็นอะไร โดยพื้นฐานล้วนใช้ปราณพิสุทธิ์เป็นปราณเซียนชนิดแรกในการฝึกฝน
ทว่าเทียบกับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว การเลือกปราณพิสุทธิ์กลับไม่ใช่เพราะต้องการลดความยากในการฝ่าภัยพิบัติให้แก่ตัวเอง ต่อให้เขาฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน การฝ่าภัยพิบัติมนุษย์เซียนก็ยังยากกว่าคนอื่นๆ อยู่ดี
ถ้าหากคิดถึงความยาก เขาคงย้ายเวลาไปเลื่อนระดับไปในภายหลัง รอตนเองเตรียมตัวพร้อมกว่านี้ค่อยลงมือ
เยี่ยนจ้าวเกอเลือกปราณพิสุทธิ์ เป็นเพราะว่านี่จึงเป็นเส้นทางที่เหมาะสมกับเขาที่สุด
ปราณพิสุทธิ์ ธรรมดาและสงบนิ่ง จุดกึ่งกลางของการเคลื่อนไหวและความนิ่ง จุดกึ่งกลางข้อดีข้อเสีย เหมือนจุดเชื่อมต่อ จุดศูนย์กลาง หรือจุดสนับสนุนของทุกสิ่ง สามารถปรับเปลี่ยนสี่ปราณเซียนที่เหลือ เป็นปราณเริ่มต้นของโลก เป็นรากฐานและพื้นฐานของห้าปราณ
เป็นเส้นทางที่เหมาะให้เยี่ยนจ้าวเกอฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน และการฝึกปราณพิสุทธิ์ในระดับเซียนจริงแท้จะทำให้เยี่ยนจ้าวเกอได้รับพลังที่แข็งแกร่งกว่าปราณเซียนที่เหลือ!
นี่เป็นความพิเศษของเขา คนที่เดินบนเส้นทางวรยุทธ์อื่นกลับเลียนแบบไม่ได้
ในตอนที่ปราณเซียนซึ่งไหลเวียนในร่างลอยขึ้นไปรวมบนศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอ ร่างของเขาพลันหดลง!
ไม่เพียงแต่กายเนื้อที่หดลง แม้แต่วิญญาณก็หดลงตาม
จิตใจ ลมปราณ และวิญญาณรวมกันเป็นจุดเดียว โอบกอดกันอยู่ในศีรษะ
พร้อมการไหลเวียนของปราณเซียน กายเนื้อของเยี่ยนจ้าวเกอวินาทีนี้บังเกิดความเปลี่ยนแปลง หดเล็กเร็วด้วยความเร็วสูงสุด จนสุดท้ายก็หายไป
ในอดีต เยี่ยนจ้าวเกอโคจรเลือดเนื้อ ก็สามารถเปลี่ยนขนาดร่างกายได้เช่นกัน
ทว่ามีก็คือมี ต่อให้หดเล็กขนาดไหน ก็ยังคงมีอยู่ดี
ตอนนี้เขาหายไปจากในเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ
ทุกอย่างเหมือนเหลือแค่จุดเดียว
จุดที่ยากบรรยาย ยากทำความเข้าใจ ยากกำหนดตำแหน่ง ยากพรรณนา ยากกล่าวออกมา
จุดนี้ไม่มีเวลาหน้าหลัง ไม่มีตำแหน่งบนล่างซ้ายขวา
เหมือนกับการเริ่มต้นแรกสุด ก่อนที่ความโกลาหลจะถูกแยก
ทันใดนั้น อย่างไร้วี่แวว จุดจุดนี้ก็ขยายออก!
เหมือนกับความโกลาหลเปิดออก ความขุมกขมัวปรากฏขึ้น!
จากจุดนี้ กลายเป็นความมืดอันพร่ามัวที่ยากพรรณนา ยากจะกำหนดนิยามลักษณะ เหมือนกับกลุ่มเมฆที่มีขอบเขตไม่แน่นอน
เยี่ยนจ้าวเกอลอยขึ้นมาจากในกลุ่มเมฆ นั่งหลับตาขัดสมาธิ เปล่งแสงสีนาๆ
ความโกลาหลที่อยู่ในสภาพกลุ่มเมฆ วินาทีนี้เปิดออกอย่างสะเทือนเลือนลั่น กลายเป็นสรรพวัตถุในโลกหล้า จากนั้นธรรมชาติก็เปลี่ยนแปลง มุ่งสู่จุดจบ
จุดจบเหลือแค่เยี่ยนจ้าวเกอ ความโกลาหลเกิดขึ้นมา ทุกอย่างวนเวียนเป็นวัฎจักร
เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับเปิดออก แสงนับหมื่นสายพุ่งออกมา
รอคนที่อยู่ด้านนอกมองดูเตาวิเศษ ก็รู้สึกแค่ว่ายามเผชิญกับแสงนั้น ถึงกับเกิดความรู้สึกสั่นสะเทือนจากการกราบกรานบูชาบรมครูสามพิสุทธิ์ในพิธีเซ่นสรวงอยู่หลายส่วน!
………………..