ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1355 เซียนผู้ถูกเนรเทศกลับสู่สรวงสวรรค์
ร่างของเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ ลอยออกมาจากในเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ ออกมาอยู่ด้านนอก
ความขมุกขมัวไร้สิ้นสุดหายไปแล้ว แต่ว่ามีแสงบริสุทธ์ที่เป็นมายาสามกลุ่มเดี๋ยวแยกเดี๋ยวรวม ลอยอยู่ด้านหลังเขา
พอเห็นแสงบริสุทธิ์สามกลุ่มนี้ คนที่อยู่รอบๆ ซึ่งยังไม่รู้จักเยี่ยนจ้าวเกอดีนัก ต่างแตกตื่น “ฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน มิน่า!”
“นี่เป็นคนคนแรกที่ฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน และสามารถผลักเปิดประตูเซียนได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันกระมัง?” เกาเสวี่ยโพพึมพำ
“ไม่ใช่แค่ผลักเปิดประตูเซียนเท่านั้น” หลงเสวี่ยจี้กล่าวเสวียเบา “มีเอกสารบันทึกไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้ที่เดินบนเส้นทางฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน พลังฝึกปรือสูงสุดถึงแค่จอมยุทธ์ศกัดิ์สิทธิ์ขั้นหกเท่านั้น”
“มิน่าเขาถึงได้สนใจคัมภีร์ยุคหลงฮั่นนัก” เกาเสวี่ยโพปรบมือชมเชย “วันนี้คุ้มค่าจริงๆ!”
ได้เห็นทิวทัศน์อันงามตระการที่โลกซึ่งยิ่งใหญ่เช่นมรกตท่องฟ้า และโลกเบื้องล่างจำนวนมากที่อยู่ใต้การปกครองของมันถูกเคลื่อนย้าย เห็นวีรกรรมการสร้างจักรวาลฟ้าฟื้นและฟ้าเหนือฟ้า ยังได้เป็นสักขีพยานให้แก่การถือกำเนิดของจอมยุทธ์ที่ฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน และเลื่อนสู่ระดับเซียนเป็นคนแรก
วันนี้เป็นวันที่ควรค่าแก่การจดจำสำหรับสำนักเต๋าสายหลักหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ สำหรับประวัติศาสตร์ของโลกทั้งมวล และจะเป็นเรื่องที่จะได้รับการจดบนทึกในคัมภีร์ประวัติศาสตร์
สิ่งที่ทำให้คนรอคอยยิ่งกว่าก็คือ ทั้้งหมดนี้เหมือนเป็นแค่การเริ่มต้น
คนหนุ่มที่สร้างปาฏิหาริย์ไม่หยุดผู้นี้ อนาคตยังคงยาวไกล ศักยภาพเหมือนกับไร้สิ้นสุด
เยว่เจิ้นเป่ยมองเยี่ยนจ้าวเกอ และเยี่ยนตี๋ด้านข้าง
ตรงหน้าเขาเหมือนกับปรากฏเงาร่างของเยี่ยนซิงถางอาจารย์ผู้มีพระคุณอีกครั้ง
ตอนนี้เยว่เจิ้นเป่ยรู้สึกได้ถึงความปลาบปลื้มที่ไม่เคยมีมาก่อน
บนใบหน้าซึ่งที่แล้วมาจริงจังเคร่งขรึมของเขา เผยรอยยิ้มที่หายาก แต่ปรากฏแวบเดียวก็สลายไป จากนั้นก็กล่าวอย่างจริงจัง “ยินดีกับเซียนผู้ถูกเนรเทศที่ได้กลับสู่สรวงสวรรค์”
เนี่ยจิงเสินพอฟัง พลันยิ้มขึ้น ประสานมือให้แก่เยี่ยนจ้าวเกออย่างจริงจังเช่นกัน “ยินดีกับเซียนผู้ถูกเนรเทศที่ได้กลับสู่สรวงสวรรค์!”
ทวนพระอังคารถอนใชมชมเชย ประสานมือกล่าวเช่นกันว่า “ยินดีกับเซียนผู้ถูกเนรเทศที่ได้กลับสู่สรวงสวรรค์!”
เกาเสวี่ยโพหลังจากงุนงง ก็ยิ้มอย่างผ่อนคลาย กลับกล่าวเป็นเสียงเดียวกันกับหลงเสวี่ยจี้ที่อยู่ด้านข้าง “ยินดีกับเซียนผู้ถูกเนรเทศที่ได้กลับสู่สรวงสวรรค์!”
เกาชิงเสวียนและหลงซิงเฉวียนสองสามีภรรยาที่มาถึงพร้อมเยว่เจิ้นเป่ย และเฟิงอวิ๋นเซิง สบตากัน ใบหน้าฉายแววปลาบปลื้มยินดีเช่นกัน
“ยินดีกับเซียนผู้ถูกเนรเทศที่ได้กลับสู่สรวงสวรรค์” หลงซิงเฉวียนที่ไม่มีกระบี่ในมือ มีท่าทีสบายๆ เกียจคร้านอีกครั้ง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ กล่าวอวยพรก่อน
เกาชิงเสวียนพยักหน้าเล็กน้อย “ยินดีกับเซียนผู้ถูกเนรเทศที่ได้กลับสู่สรวงสวรรค์”
เยี่ยนตี๋มองเยี่ยนจ้าวเกอ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม รู้สึกยินดีเช่นกัน
เฟิงอวิ๋นเซิงขยิบตาให้เยี่ยนจ้าวเกอ ยิ้มกริ่มพร้อมกล่าว “ยินดีกับเซียนผู้ถูกเนรเทศที่ได้กลับสู่สรวงสวรรค์!”
เยี่ยนจ้าวเกออดยิ้มขึ้นไม่ได้ จากนั้นก็หุบยิ้มอย่างรวดเร็ว ประสานมือคารวะตอบทุกคนด้วยสีหน้าจริงจัง “เยี่ยนจ้าวเกอขอขอบคุณคำยินดีของผู้อาวุโสทุกท่าน”
หลังจากเขาคารวะตอบ ก็คำนับเกาชิงเสวียนกับหลงซิงเฉวียนสองสามีภรรยาอีกครั้ง “ก่อนหน้านี้ได้พบกันทั้งที ยังอาศัยร่างแยกไปคารวะสองผู้อาวุโส ตอนนี้ในที่สุดก็สามารถใช้ร่างจริงพบกับอาจารย์อารุ่นปู่หลงกับผู้อาวุโสเกาได้แล้ว”
หลงซิงเฉวียนยิ้ม “ครั้งกระโน้นศิษย์พี่มีการจัดเตรียม ข้าคิดตามหาทายาทของเขา นับว่ายากลำบากยิ่ง รอได้ยินข่าว พวกเจ้าก็มาถึงโลกซ้อนโลกแล้ว”
“กระนั้นพวกเจัาสองพ่อลูกเป็นคลื่นลูกหลังกลบคลื่นลูกหน้า ถ้าศิษย์พี่ในปรภพได้ทราบ จะต้องดีใจ เพียงเคียดแค้นที่ดื่มสุราไม่ได้”
เกาชิงเสวียนไม่ได้พูดอะไร เพียงมองเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกเงียบๆ
เยว่เจิ้นเป่ยกับหลงซิงเฉวียนเห็นเงาของเยี่ยนซิงถางบนร่างของพวกเขา ตอนนี้นางก็นึกถึงตี๋ชิงเหลียนศิษย์น้องเล็กที่สนิทกับตนมากที่สุดเช่นกัน
วินาทีนี้ เกาชิงเสวียนซึ่งที่แล้วมาประหยัดถ้อยคำก็กล่าวว่า “ได้เจอกันในสภาพนี้ ไม่มีใดต้องเสียดาย ข้ายินดียิ่ง”
ทุกคนพบหน้า เสียดายที่พบกันช้าไป ขณะที่สนทนากันเต็มไปด้วยเสียงทอดถอนใจ
เยี่ยนจ้าวเกอตกลงข้างๆ เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ จากนั้นก็ใช้มือกดเตาวิเศษอีกครั้ง
ทางหนึ่งคุยกับพวกเยว่เจิ้นเป่ย ทางหนึ่งควบคุมตำหนักโอสถ สัมผัสการเปลี่ยนแปลงของจักรวาลแห่งนี้ต่อ
ถึงแม้ตอนนี้ตำหนักโอสถจะขยายตัวโดยสมบูรณ์ จักรวาลในตำหนักเปลี่ยนไปอยู่ด้านนอกแล้ว แต่ว่ารากฐานยังคงอยู่ที่ตำหนักโอสถ
ดังนั้นจักรวาลแห่งนี้ยังคงมีความน่าอัศจรรย์ส่วนหนึ่งของตำหนักโอสถ
อย่างเช่นว่าสามารถล่องลอยในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนได้ ไม่ถูกคนหาเจอได้ง่ายเหมือนเดิม
ภายใต้การผลักดันของเยี่ยนจ้าวเกอ จักรวาลฟ้าฟื้นเริ่มเคลื่อนที่ด้วยตัวเอง เหมือนกับเรือมหึมาเริ่มการเดินทางของตัวเองในแผ่นดินถิ่นแคว้นของมรกตท่องฟ้า ฟ้าเหนือฟ้า และโลกจำนวนมาก
“ผู้อาวุโสเฉินยังหลงอยู่ด้านนอก พวกเราไปตามหาเขา” เยี่ยนจ้าวเกอว่า
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
เพื่อดึงดูดและย้ายความสนใจของอีกฝ่าย ก่อนที่จะย้ายมรกตท่องฟ้าอย่างเป็นทางการ เฉินเสวียนจงราชันพระศุกร์ได้ออกจากตำหนักโอสถไปก่อน
เขามุ่งหน้าไปยังสถานที่แรกสุดที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอได้รับตำหนักโอสถ สร้างภาพลวงตา เพื่อให้มีผลส่งเสียงบูรพาตีประจิม ล่อเสือออกจากถ้ำ
แผนการไม่อาจไม่บอกว่าสำเร็จ ส่งผลลวงศัตรูได้อย่างแท้จริง
เพียงแต่ว่าไม่นานมานี้พวกปีศาจได้ติดต่อผู้ช่วย เตรียมล้อมเมืองตีกำลังหนุน ฉวยโอกาสขณะที่จู่โจมมรกตท่องฟ้า ชักนำให้เยี่ยนจ้าวเกอกับตำหนักโอสถโผล่มา
สุดท้ายแล้วปีศาจกวางขาวกับยอดฝีมือเผ่าปีศาจส่วนหนึ่งถึงจะถูกภาพลวงตาที่เฉินเสวียนจงสร้างขึ้นมาล่อไป กลับยังมียอดฝีมือจอมปีศาจตนอื่นๆ มาถึง
ดังนั้นสุดท้ายก็ยังสู้กันอย่างหวาดเสียวอยู่ดี
กระนั้น แผนการของเยี่ยนจ้าวเกอในที่สุดก็สำเร็จแล้ว
ตอนนี้เป็นขั้นตอนเก็บกวาด ย่อมต้องหาวิธีรับเฉินเสวียนจงกลับมา
เหล่าปีศาจเช่นจ้าวปีศาจร้อยตากับฝูลัวจื่อคับข้องขนาดนี้ ในใจย่อมมีความไม่ยินยอม
พวกยอดฝีมือระดับสูงของเผ่าปีศาจที่ทราบว่าเหล่าจวินยังอยู่ หากไม่ถึงที่สุดจริงๆ ไม่มีทาง ลงมือสังหารสามพิสุทธิ์สายหลักสำนักเต๋า ทำการถอนรากถอนโคน
ทว่าพวกเขาจะต้องยินดีสังหารใครสักคนให้สิ้นซากแน่
เฉินเสวียนจงตอนนี้พเนจรอยู่ด้านนอก ถ้าหากว่ากลายเป็นเป้าหมายในการระบายโทสะของพวกจ้าวปีศาจร้อยตา นั่นย่อมไม่ดี
ถึงจะทราบว่าเฉินเวียนจงคิดอาศัยโอกาสนี้ตรวจสอบที่อยู่ของเจี่ยหมิงคงกับฉู่หลีหลี ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอก็ต้องการยืนยันตำแแหน่งของอีกฝ่ายก่อนค่อยว่ากล่าว
ถึงเวลานั้นเฉินเสวียนจงคิดทำอะไร เยี่ยนจ้าวเกอย่อมไม่ก้าวก่าย แต่อย่างน้อยขอยืนยันถึงความปลอภัยของอีกฝ่ายก่อน เพื่อไม่ให้ถูกศัตรูฉวยโอกาสขณะที่เหลือแค่ตัวคนเดียว
ขณะเดินทาง เขาขอให้เยี่ยนตี๋และเสวี่ยชูฉิงบิดามารดาของเขามาเจอที่หอเซียนม่วง
“ท่านทราบสถานที่ฝังศพของอาจารย์ย่าหรือไม่?” เสวี่ยชูฉิงตอนแรกประหลาดใจอยู่บ้าง จากนั้นก็กระจ่างแจ้ง “หรือว่า…”
“ข้าคิดว่ารอคลื่นลมสงบ จะลองไปหาดู” เยี่ยนจ้าวเกอพูดพลางทิ่มนิ้วใส่อากาศ
จากนั้น ที่ปลายนิ้วของเขาก็มีแสงจุดหนึ่งปรากฏ
แสงนั้นไม่สว่างไม่มืด พร่าเลือนไม่ชัดเจน จากนั้นก็ขยายออกมา ครึ่งหนึ่งสว่าง ครึ่งหนึ่งมืดมิด
เหมือนกับเส้นแบ่งเขตของแสงสว่างกับความมืด กงจักรสีดำวงหนึ่งลอยขึ้นมาจากด้านใน เปลี่ยนจากเล็กเป็นใหญ่ สุดท้ายตกลงบนมือของเยี่ยนจ้าวเกอ
เป็นกงจักรมหาประกายกาฬของอิ่นเทียนเซี่ยจักรพรรดิประกายกาฬที่ได้มาก่อนหน้า!
เยี่ยนตี๋กับเสวี่ยชูฉิงมีพลังสายตาไม่ธรรมดา มองแวบเดียวก็ดูออกว่า กงจักรมหาประกายกาฬต่างไปจากอดีต เป็นอาวุธเซียนของแท้ชิ้นหนึ่ง
นอกจากนี้อาวุธเซียนชิ้นนี้คล้ายไม่ธรรมดา
………………..