ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1356 มีคนต้องการพบเจ้า
ตัวอ่อนอาวุธเซียนในอดีต ปัจจุบันในที่สุดก็กลายเป็นอาวุธเซียนที่แท้จริง
เวลาในชั่วอึดใจที่คว้าไว้ได้ในวินาทีที่เยี่ยนจ้าวเกอสำเร็จเป็นเซียน เขาก็ได้ทำให้กงจักรมหาประกายกาฬได้ลอกคราบเป็นครั้งสุดท้ายโดยสมบูรณ์
พร้อมกับความสำเร็จสุดท้ายของกงจักรมหาประกายกาฬ ข้อมูลที่ซ่อนอยู่ภายใน ก็ไหลบ่าเข้าสู่ห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกอ
ในนี้อาจจะรวมถึงที่อยู่สุดท้ายของหูเยว่ซินจักรพรรดิเจิดจรัส อาจารย์ย่าของเสวี่ยชูฉิงด้วย
ครั้งกระโน้น ตอนศิลาฟ้ากำเนิดปรากฏขึ้นบนโลก เป็นห้วงเวลาที่โถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวเขาต่อสู้กันรุนแรงที่สุดพอดี
อิ่นเทียนเซี่ยฉวยโอกาสนี้ลงมืออย่างเงียบๆ สุดท้ายชิงเศษศิลาฟ้ากำเนิดเป็นผลสำเร็จ
เบื้องหลังเขาเชื่อว่าย่อมมีเงาร่างของเทวกษัตริย์สำนักเต๋าอย่างจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋
เพียงแต่พวกเขามีเป้าหมายยิ่งใหญ่เกินไป ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ง่ายๆ ทว่าก็เป็นเพราะเหตุนี้ จึงแบ่งแยกสมาธิของยอดฝีมือระดับสูงในโถงเซียนในสงครามซึ่งเดิมทีก็มีน้อยอยู่แล้ว สร้างโอกาสให้แก่อิ่นเทียนเซี่ยกับหูเยว่ซินได้
อิ่นเทียนเซี่ยได้มาไม่นาน สิ่งของก็ตกไปอยู่ในมือหูเยว่เซินจักรพรรดิประกายกาฬอย่างลับๆ
หูเยว่ซิงถูกคนสงสัยและจับตามอง
บางทีตอนนั้นอีกฝ่ายก็ไม่มั่นใจเช่นกันว่าของอยู่ในมือหูเยว่ซินหรือไม่ แต่ก็ยังคงออกตามหาที่อยู่ของนาง
หูเยว่ซินได้พลัดหลงไปอยู่ในสถานที่ที่อันตรายและแปลกประหลาดแห่งหนึ่งในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน ติดอยู่ที่นั่นหลายร้อยปี
จนกระทั่งให้หลัง นางค่อยฝืนหาวิธีออกมาได้
กระนั้นไม่ทันไรคนของโถงเซียนก็จับตานางอีกครั้ง
ดังนั้นหูเยว่ซินจึงเลียนแบบวิธีในอดีตของอิ่นเทียนเซี่ย ใช้ตนเองล่อความสนใจของอีกฝ่าย ส่งมอบศิลาฟ้ากำเนิดให้ลูกศิษย์ของตัวเองอย่างลับๆ ซึ่งก็คืออาจารย์ของเสวี่ยชูฉิง
ภายหลังหลังจากหลบหนี หูเยว่ซินหายไปในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน ไม่กลับมาอีก ร่องรอยเป็นปริศนา
ทว่าผู้สืบทอดของนางครอบครองวิธีการพิเศษ สามารถยืนยันได้ว่า หูเยว่ซินจักรพรรดิเจิดจรัสได้เสียชีวิตอย่างเงียบงัน ตามรอยอิ่นเทียนเซี่ยจักรพรรดิประกายกาฬไป
เพียงแต่เสวี่ยชูฉิงศิษย์อาจารย์ไม่มีวิธียืนยันถึงที่ฝังศพของนาง
ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจพวกเสวี่ยชูฉิงศิษย์อาจารย์ มีความคาดหวังหนึ่งในหมื่นว่า บางทีหูเยว่ซินอาจยังอยู่
แน่นอนว่าพวกนางเข้าใจดีว่า ความหวังมีน้อยนิดยิ่ง
รอถึงภายหลัง อาจารย์ของเสวี่ยชูฉิงเสียชีวิตด้วยน้ำมือของเทียนอี้เต้าหยินอดีตประมุขบูรพาแห่งโลกซ้อนโลก เรื่องราวยิ่งทำให้เสวี่ยชูฉิงสะท้อนใจ
อาจารย์ย่าจะกลับมาได้หรือไม่ ไม่อาจทราบได้ มีความหวังน้อยนิด
อาจารย์ของตัวเองกลับเสียชีวิตไปก่อนแล้ว
“ไม่ว่าจะอย่างไร ถ้าหาที่อยู่ของ หรือ…ซากสังขารของอาจารย์ย่าเจอ ย่อมเป็นเรื่องดี” เสวีย่ชูชิงถอนใจ “อาจารย์ย่าถ้าได้เห็นความสำเร็จในวันนี้ของพวกเรา คงยินดียิ่ง”
“นาง…ยังมีทุกสิ่งที่พวกนางเคยเดิมพัน ไม่ได้เสียเปล่า”
เสวี่ยชูฉิงรำพึงรำพัน จากนั้นสายตาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและแน่วแน่อีกครั้ง
“จักรพรรดิประกายกาฬกับจักรพรรดิเจิดจรัส สร้างคุณูปการไปถึงพันปี จอมยุทธ์เช่นพวกเราล้วนได้รับประโยชน์” เยี่ยนตี๋ว่า “พวกเราสมควรพาพวกเขากลับมา วันนี้จักรพรรดิประกายกาฬอยู่ที่นี่แล้ว การหาวิธีตามจักรพรรดิเจิดจรัสกลับมาย่อมสมเหตุสมผล”
เยี่ยนจ้าวเกอผงศีรษะ “ถูกต้อง ต่อจากนี้ข้าจะวิเคราะห์ข้อมูลในกงจักรมหาประกายกาฬอย่างละเอียดเพิ่มอีกขั้น หาร่องรอยมากกว่านี้”
“หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ สายตาของขุมกำลังใหญ่ที่เหลือยากจะไม่จับจ้องพวกเรา จำเป็นต้องอยู่เงียบๆ ไปอีกสักระยะ”
เขาบังคับจักรวาลฟ้าฟื้นเคลื่อนไหวในมิตินอกเขตแดนไร้สิ้นสุดผ่านตำหนักโอสถ “รอทิศทางลมครั้งนี้ผ่านไป พวกเราสามารถออกตามหาได้”
มิติเวลาทับซ้อนกันในมิติต่างแดนไร้สิ้นสุด ลี้ลับซับซ้อน ขณะเคลื่อนที่อยู่ภายใน จักรวาลฟ้าฟื้นค่อยๆ เข้าใกล้สถานที่ที่ตำหนักโอสถลอยอยู่ในตอนแรก
ก่อนหน้านี้กษัตริย์ดาราเฉินเสวียนจงจงใจเผยโฉม ดึงดูดความสนใจของอีกฝ่าย ทำให้คนอื่นนึกว่าตำหนักโอสถกลับมาอยู่บริเวณนี้อีกครั้ง
ปัจจุบันปีศาจกวางขาวที่รุดมาที่นี่สมควรได้รับข่าวแล้ว ทั้งทราบว่าตัวเองติดกับ
ดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอจึงกระทำขัดสามัญสำนึก ยังคงนัดแนะสถานที่รวมตัวกับเฉินเสวียนจงที่นี่
ตามเหตุผลแล้วสถานที่ที่ได้ค้นไปแล้วน้อยครั้งจะถูกค้นเป็นครั้งที่สอง
นอกเสียจากว่าเฉินเสวียนจงถูกจับอย่างเหนือความคาดหมาย นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ถึงความเป็นไปได้ไม่มาก แต่เพราะการพิจารณาอย่างระมัดระวัง เยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่ได้รีบให้จักรวาลฟ้าฟื้นปรากฏขึ้นมา แต่คอยสังเกตอยู่ที่เดิมเป็นเวลานาน
หลังจากเห็นว่าไม่มีความผิดปกติ นก็ลองติดต่อเฉินเสวียนจงอีกครั้ง
ครู่ต่อมา ข่าวสารของเฉินเสวียนจงก็ถูกส่งมา เยี่ยนจ้าวเกอสังเกตเงียบๆ อยู่สักพัก ค่อยไปรวมตัวกับเฉินเสวียนจง
“เรื่องของผู้อาวุโสเจี่ยกับผู้อาวุโสฉู่เกรงว่าจะรีบร้อนไม่ได้ ขอให้ใต้เท้ากษัตริย์ดาราสงบจิตใจ” เยี่ยนจ้าวเกอว่า “รอทิศทางลมเปลี่ยนไปแล้ว พวกเราค่อยส่งคนมากกว่านี้ไปค้นดู”
“ถึงต้องการก็ไม่ได้มา ข้าเข้าใจหลักการนี้” เฉินเสวียนจงยืนอยู่เหนือยอดเขาของเขากว่างเฉิง มองทิวทัศน์ของฟ้าเหนือฟ้า “เรื่องบางเรื่องสุดท้ายต้องเผชิญ แต่ว่าเปรียบเทียบกับเรื่องเหล่านั้นแล้ว ข้าอยากจะให้พวกนางปลอดภัยมากกว่า”
ไม่อยากลับมาก็ไม่เป็นไร ทว่าอย่างน้อยก็ขอยืนยันความปลอดภัยให้ได้
เขามองตีนเขาทางตะวันตกของเทือกเขากว่างเฉิง
ที่นั่นเป็นตำแหน่งของยอดเขาเมฆมรกตหลังจากถูกย้ายมาอยู่ในฟ้าเหนือฟ้า
เฉินเสวียนจงมองทิศทางของยอดเขาเมฆมรกต เงียบงันไม่พูดจา เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้พูดอะไร ยืนเงียบๆ เป็นเพื่อนกษัตริย์ดารา
เนิ่นนานให้หลัง เฉินเสวียนจงก็ละสายตา หันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ “ยังไม่ได้แสดงความยินดีที่จ้าวเกอเจ้าผลักเปิดประตูเซียน”
“เปิดฟ้าดิน ข้ามประตูเซียน วีรกรรมเช่นนี้ไม่กล้าบอกว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครทำ แต่ตามที่ข้าทราบ มีอยู่คนหนึ่ง” เฉินเสวียนจงถอนใจเอ่ย “พวกเจ้าพ่อลูกเลื่อนสู่ระดับเซียนติดต่อกันในระยะเวลายี่สิบปี ก็สามารถทิ้งชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ได้แล้ว พอมีวีรกรรมสร้างฟ้าเหนือฟ้าของเจ้า สามารถเรียกได้ว่าเป็นตำนาน”
คำว่า ‘ตำนาน’ จากปากของคนที่มีสถานะและพลังฝึกปรืออย่างเฉินเสวียนจง ย่อมไม่ใช่ตำนานที่เล่าขานในโลกเบื้องล่างเช่นโลกแปดพิภพ
และไม่ใช่ตำนานที่แพร่หลายในโลกอย่างโลกซ้อนโลกหรือฟ้าเหนือฟ้า
ถึงขั้นไม่ใช่ตำนานที่เพียงแพร่หลายอยู่ในเวลานี้ แต่เป็นตำนานที่แท้จริงซึ่งสาดส่องยุคโบราณและยุคปัจจุบันในโลกของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล
ต่อให้กาลเวลาผ่านไปร้อยปี พันปี หมื่นปี หรือเวลาที่ยาวนานกว่า เมื่อมีคนหันกลับมามอง ก็ยังคงชื่นชมถึงความยิ่งใหญ่ สรรเสริญชื่อของเขา
“ยินดีกับเซียนผู้ถูกเนรเทศที่ได้กลับสู่สรวงสวรรค์” เฉินเสวียนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม แต่ว่าน้ำเสียงจริงจัง ประสานมือให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอคารวะคืน “ใต้เท้ากษัตริย์ดาราชมเกินไป”
“ยังมีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกเจ้า” หลังจากอวยพรแล้ว เฉินเสวียนจงก็เอ่ยว่า “มีตำนานอีกท่านหนึ่งฝากคำพูดมาว่า ต้องการพบเจ้า”
เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย “อ้อ? ผู้ใดหรือ?”
“ใต้เท้าจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋”
พอฟังคำตอบของเฉินเสวียนจง เยี่ยนจ้าวเกอสายตากลายเป็นคมกริบ
เฉินเสวียนจงพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ข้ามาถึงที่นี่ ได้ดึงดูดให้ปีศาจกวางขาวอดีตพาหนะของเทพโซ่วซิงในวังเทพ คนจากเส้นทางนอกรีต และยอดฝีมือศาสนาพุทธจากแดนสุขาวดีตะวันตกมาตรวจสอบ”
“ต่อจากนั้น สหายเส้นทางหลิงก็มาเหมือนกัน บอกว่าใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ต้องการจะคุยกับเจ้าต่อหน้า”
………………..