ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1357 การพัฒนาที่น่ากลัวรวดเร็วเกินไป
‘สหายร่วมเส้นทางหลิง’ ที่เฉินเสวียนจงพูดถึง ย่อมเป็นราชันพระจันทร์หลิงชิง
ส่วน ‘ใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋’ ไม่จำเป็นต้องอธิบาย เป็นจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋หนึ่งในสี่เทวราชสำนักเต๋า
พอได้ยินนามของจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ เยี่ยนจ้าวเกอดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย ครุ่นคิดใคร่ครวญ
เป็นอย่างที่เฉินเสวียนจงกล่าว ท่านผู้นี้ย่อมเหมาะกับคำว่าตำนาน
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ มีอีกชื่อว่าราชาหยกพิสุทธิ์ ชื่อเต็มคือ เทวกษัตริย์เทวาผู้คุมแก่นฟ้าจักรพรรดิอายุวัฒนาราชาหยกพิสุทธิ์จอมเทพสูงส่ง
ที่แล้วมาถูกเรียกเป็นสี่เทวราชสำนักเต๋าเหมือนกับจักรพรรดิดาวเหนือจื่อเวยผู้อยู่กลางหาว มารดาแห่งแผ่นดินผู้มีธรรมและเมตตาสืบทอดหลักแห่งฟ้า จักรพรรดิราชันฟ้าตำหนักสวรรค์โกวเฉิน
นอกจากนี้ ในสี่เทวราช จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋กล่าวได้ว่าเป็นผู้สืบทอดกระแสตรงสายหยกพิสุทธิ์ที่เที่ยงแท้ที่สุด เป็นลูกศิษย์ที่บรมครูเทวกษัตริย์บรรพกำเนิดสายหยกพิสุทธิ์ถ่ายทอดวิชาด้วยตัวเอง
หากสืบสาวไปถึงยุคสถาปนาเทพยุคโบราณตอนต้น เขายังไม่ได้เข้าสู่วังเซียน ตอนที่เรียนเต๋ากับเทวกษัตริย์บรรพกำเนิด มีชื่อว่าเซียนหนานจี๋
เซียนหนานจี๋เป็นคนละคนกับผู้เฒ่าหนานจี๋ โดยทั่วไปแล้ว ผู้เฒ่าหนานจี๋เป็นอีกชื่อหนึ่งของเทพโซ่วซิง
หลังยุคสถาปนาเทพ เซียนหนานจี๋ได้เข้าสู่วังเทพ ถูกเรียกว่าจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ตราบจนทุกวันนี้
ในวันเวลาหลังจากมหาภัยบัติ สำนักเต๋าสายหลักรอความรุ่งเรือง การสืบทอดแต่ละแขนงกำลังเสื่อมโทรม เหลือเพียงวิชาแมวสามขา หลังจากผ่านการสืบทอดพัฒนาหลายปี วันนี้ในที่สุดก็มีสัญญาณของความรุ่งเรือง
เยี่ยนซิงถาง ปู่ของเยี่ยนจ้าวเกอ อาจารย์ของเยว่เจิ้นเป่ย หากสืบสาวขึ้นไป ก็คือผู้สืบทอดของอวี้ติ๋งจินหยิน
หากสืบสาวการสืบทอดของกษัตริย์ดาราเฉินเสวียนจงย้อนขึ้นไป ก็คือเซียนอวิ๋นจงจื่อแห่งโชคลาภซึ่งเป็นผู้สืบทอดกระแสตรงสายหยกพิสุทธิ์ที่โด่งดัง
สืบสาวสายผากิเลนเขาคุนหลุนใหม่บนโลกซ้อนโลกของราชันพระเสาร์เจี่ยงเซิ่นขึ้นไป เป็นแขนงหนึ่งในการสืบทอดของกว่างเฉิงจื่อ
สืบย้อนสายสืบทอดของทะเลสีชาดของเลี่ยนจู่หลินประมุขพายัพ คือการสืบทอดแขนงหนึ่งของชื่อจิงจื่อ
จักรพรรดิอาทิตย์เทียนไขอดีตหนึ่งในห้าจักรพรรดิแห่งโลกซ้อนโลก ได้ตกตายด้วยน้ำมือของเยี่ยนจ้าวเกอและทวนพระอังคาร เมื่อสืบย้อนการสืบทอดขึ้นไป ก็คือสายสืบทอดของชิงซวีเต้าเต๋อเจินจวิน
สายสืบทอดของราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวงอาจารย์ย่าของเสวี่ยชูฉิงผู้เป็นมารดาของเยี่ยนจ้าวเกอ รวมถึงตำหนักขุยสายฟ้าบนเขาอัสนีเขียวของหลิวเจิงกู่ประมุขอีสานซึ่งเคยอยู่บนโลกซ้อนโลก และอารามสูงส่งแห่งเขาเมฆเลือนสำนักของเทียนอี้เต้าหญินประมุขบูรพารุ่นก่อนที่ได้จากไปแล้วสามสายสืบทอด เมื่อสืบย้อนขึ้นไป ล้วนกำเนิดจากผู้สืบทอดกระแสตรงของจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ทั้งสิ้น
ราชันพระอาทิตย์เกาหานกับราชันพระจันทร์หลิงชิง ต่างถือกำเนิดบนวังเทพก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เคยร่ำเรียนกับจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋
เป็นเพราะว่าความเกี่ยวข้องระดับนี้ จอมยุทธ์ที่มาจากการสืบทอดกระแสตรงสายสามพิสุทธิ์ ไม่ว่าจะเห็นด้วยกับจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋หรือไม่ แต่ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ ต่างเคารพนับถือ
ดังนั้นเฉินเสวียนจงจึงยินดีช่วยนำคำพูดพาให้เยี่ยนจ้าวเกอ
ถึงในตอนที่ย้ายโลกซ้อนโลก สองฝ่ายเคยมีความขัดแย้งกัน ทว่าปัจจุบันเวลาผันผ่านเรื่องราวเปลี่ยนแปลง ระหว่างกันไม่มีความขัดแย้งที่ชัดเจนอีกแล้ว
หากจะกล่าวให้ถูกต้อง ในด้านท่าทีที่มีต่อเส้นทางนอกรีต พวกจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ เกาหาน และชิงหลิง เป็นคนบนเส้นทางเดียวกันกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
จะไปตามนัดหรือไม่ สุดท้ายยังต้องให้เยี่ยนจ้าวเกอตัดสินใจเอง
“เมื่อเป็นคำเชิญของใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ ข้าจะไปสักครั้ง” เยี่ยนจ้าวเกอตอบหลังจากใคร่ครวญ
ถึงไม่มีความขัดแย้งที่ชัดเจน และไม่มีความแค้นที่แก้ไขไม่ได้ แต่เยี่ยนจ้าวเกอยังคงรักษาความระวังต่อราชันพระอาทิตย์เกาหาน ไม่อย่างนั้นอาจถูกอีกฝ่ายขายทิ้งได้ทุกเวลา
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ก็มีความเป็นไปได้
ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ระดับนั้น ไม่เอ่ยถึงอย่างเอื่น แค่ความแตกต่างที่เกิดขึ้นจากจำนวนข้อมูลที่ถือครองอยู่ ก็สามารถควบคุมคนบนฝ่ามือได้สบายๆ
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอยินดีติดต่อกับจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ เพราะจะส่งผลดีต่อการทำความเข้าใจสถานการณ์และสภาพเลวร้ายในปัจจุบัน รวมถึงความจริงของเรื่องราวทั้งหลายได้มากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็มีความสงสัยในใจเช่นกัน บางทีอาจได้รับคำตอบจากจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋
“ใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋แจ้งชื่อเจ้า คนอื่นๆ คงไปแทนไม่ได้” เยี่ยนตี๋พูดขึ้นหลังจากทราบเรื่อง “ตัวใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ สมควรไม่จงใจสร้างปัญหาแก่เจ้า แต่จำเป็นต้องระวังคนอื่นๆ ลอบเล่นงาน ฉวยโอกาสวางแผนร้าย”
เสวี่ยชูฉิงยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง ไม่ได้ออกความเห็นใดๆ
การสืบทอดของนาง หากว่ากันตามจริง เมื่อสืบสาวย้อนขึ้นไป ก็คือผู้สืบทอดกระแสตรงของจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ ยามนี้ไม่ว่าจะสนับสนุนการไปตามนัดของเยี่ยนจ้าวเกอหรือไม่ ล้วนไม่เหมาะสม
ดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไร ให้เยี่ยนจ้าวเกอตัดสินใจเอง
“ท่านพูดไม่ผิด ข้าเองก็คิดถึงปัญหานี้อยู่” เยี่ยนจ้าวเกอมองเยี่ยนตี๋และเสวี่ยชูฉิง ยิ้มเล็กน้อย “นิสัยของราชันพระอาทิตย์เชื่อถือไม่ได้จริงๆ”
เขาหันไปมองเฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่ด้านข้าง “อวิ๋นเซิงไปกับข้าแล้วกัน ขอแค่ไม่ใช่ใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋สร้างความลำบากให้แก่ผู้เยาว์อย่างพวกเราด้วยตัวเอง สมควรไม่มีปัญหาแล้ว”
“แน่นอนว่าจำเป็นต้องระวังเส้นทางนอกรีตกับเผ่าปีศาจ ยังมีคนจากแดนสุขาวดีตะวันตก”
เฟิงอวิ๋นเซิงมีสีหน้าสงบนิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าตำหนักโอสถจะทำงาน กลายเป็นจักรวาลฟ้าฟื้นด้วยการควบคุมของเยี่ยนจ้าวเกอ ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่จำเป็นต้องอยู่ในตำหนักโอสถตลอดเวลา
ทุกอย่างอยู่ในครรลองที่ถูกต้องแล้ว ขอแค่ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด ดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอนก็ใช้ได้แล้ว
ถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ ค่อยเป็นเวลาที่เยี่ยนจ้าวเกอต้องลงมืออีกครั้ง
ในยามปกติแค่มีเสวี่ยชูฉิงคอยดูแลและรักษาค่ายกลให้ทำงาน รับประกันไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็เพียงพอแล้ว
หลังจากแจ้งพวกเกาชิงเสวียนกับหลงซิงเฉวียนทางมรกตท่องฟ้า เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงก็ออกจากจักรวาลฟ้าฟื้น
“ในที่สุดใต้เท้ากษัตริย์เถาก็จากไปแล้ว” ระหว่างทาง เฟิงอวิ๋นเซิงถอนใจเบาๆ
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “ให้นางไปเถอะ เป็นเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้”
เขามองไปยังเฟิงอวิ๋นเซิง “กลับเป็นเจ้า ยังทนได้หรือไม่?”
“ถ้าไม่ลงมือกับคนอื่นบ่อยๆ ยังกดไว้ได้อีกหลายปี” เฟิงอวิ๋นเซิงมีสีหน้าจนปัญญาอยู่บ้าง
เยี่ยนจ้าวเกอแยกเขี้ยว สีหน้าหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
คนอื่นๆ ปรารถนาจะพัฒนา เดินไปที่สูงต่อเนื่อง ภรรยาของตนกลับต้องพยายามสุดกำลัง เพื่อทำให้ตัวเองเพิ่มระดับช้ากว่าเดิม
คนทั้งสองมองหน้ากัน จะยิ้มก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิง
พวกเยี่ยนจ้าวเกอสนทนาพร้อมกับเดินทางไปในลักษณะนี้ ข้ามผ่านความว่างเปล่า ตามหาที่หมายที่นัดแนะกันตามตำแหน่งที่กษัตริย์ดาราชี้บอก
ไม่ทันไร พวกเขาก็เจอมิติช่องว่างพิเศษแห่งหนึ่ง
หลังจากเข้าไป ก็มีสตรีนางหนึ่งรออย่างเงียบๆ อยู่ที่นั่น
เป็นหลิงชิง ราชันพระจันทร์ที่เคยเจอกันครั้งหนึ่งในสงครามในจักรวาลสำนักเต๋า
“ราชันพระจันทร์อยู่ตรงหน้า ขอคารวะแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงทักทายหลิงชิง อีกฝ่ายคารวะกลับ สีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
สาดตานางกวาดผ่านใบหน้าของคนทั้งสอง
ไม่ได้สนใจเฟิงอวิ๋นเซิงที่มีความสัมพันธ์อันลึกล้ำกับนางอยู่บ้างมากนัก กลับหยุดอยู่บนร่างของเยี่ยนจ้าวเกอพริบตาหนึ่ง
“พวกเจ้าโปรดตามข้ามา” หลิงชิงพูดจบก็ละสายตา พลิ้วร่างขึ้นอย่างผ่อนคลาย ออกจากมิติช่องว่างพิเศษแห่งนั้น ล่วงลึกเข้าไปในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน
………………..