ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1361 ต่อจากนี้มีคนกอปรด้วยจิตและปณิธาน
เยี่ยนจ้าวเกอมองขวดหยกสีดำ กล่าวว่า “น่าเสียดายที่ช่วยพวกจวินเอ๋อร์สองแม่ลูกกับใต้เท้ากษัตริย์ดาราไม่ได้”
ไม่ว่าจะเป็นเจี่ยงซุ่นหวาที่เป็นคนริเริ่ม หรือว่าเฟิงอวิ๋นเซิงที่วันนี้ยังไม่ทราบเป็นโชคดีหรือโชคร้าย พวกนางต่างไม่ใช่เปลือกร่างคืนชีพที่เหมาะสมกับมารปัจฉิมธรรมหรือมารทองแก
ลักษณะในตอนนี้เป็นผลลัพธ์ที่เจี่ยนซุ่นหวาวางแผนการด้วยตัวเองภายใต้การสนับสนุนช่วยเหลือของจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ และจักรพรรพดิโกวเฉิน
ระหว่างนี้ใช้ความพยายามไปมากน้อยขนาดไหน สิ้นเปลืองทรัพยาการล้ำค่าเพียงไหร่ เกรงว่ายากจะคำนวณ ในระยะเวลาอันสั้นไม่มีความเป็นไปได้ในการสร้างขึ้นมาใหม่
ไม่ว่าจะเป็นเฉินเสวียนจง ฉู่หลีหลี สือจวิน อิ๋งอวี่เจิน ล้วนรับภัยพิบัติมาร
พวกเขาเดิมทีเป็นเปลือกร่างที่เหมาะสมกับการคืนชีพของจอมมารมากที่สุด ถูกเหล่าจอมมารเช่นมารน้ำกุ่ยคอยหาโอกาสมาแต่แรก
ตอนเฉินเสวียนจงได้เจอหลิงชิง ช่วยนำคำพูดมาบอกแก่เยี่ยนจ้าวเกอ หลิงชิงเคยเอ่ยว่า ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ หรือราชันพระอาทิตย์เกาหาน ยังไม่มีวิธีจัดการปัญหานี้
ราชันพระเกตุเป็นร่างแยกของเกาหาน เคยศึกษาเรื่องของฉู่หลีหลีบนโลกซ้อนโลกอยู่หลายปี
ถึงจะได้ประโยชน์ แต่ตอนนี้ยังไม่มากพอจะจัดการปัญหาพื้นฐาน
หลายปีมานี้ เยี่ยนจ้าวเกอกับเฉินเสวียนจงมีการปรึกษาหารือ ความเห็นร่วมกันในตอนนี้คือยังต้องรอคอยโอกาส ทั้งไม่มีความมั่นใจมากพอ
นี่เป็นการกระทำที่จนปัญญา มีแต่ต้องค่อยๆ วางแผน
การได้ขวดหยกสีดำนี้มาจากจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ อย่างน้อยด่านยากของเฟิงอวิ๋นเซิงก็ได้รับการแก้ไขที่แน่นอน ในที่สุดก็เฉลิมฉลองได้
เยี่ยนจ้าวเกอกลับมาที่จักรวาลฟ้าฟื้น เข้าไปในฟ้าเหนือฟ้า ได้พบพวกเยี่ยนตี๋ เยว่เจิ้นเป่ย เฉินเสวียนจงอีกครั้ง
ทุกคนได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอเล่าเรื่องราว ก็อดครุ่นคิดไม่ได้ “ถึงกับมีเรื่องแบบนี้?”
ครั้งกระโน้นเยี่ยนจ้าวเกอได้เข้าไปในแดนสุขาวดีบัวขาวเป็นครั้งแรก ภายหลังเล่าให้เยี่ยนตี๋ฟังคร่าวๆ เยี่ยนตี๋จึงไม่ได้ประหลาดใจจัก เพียงถามว่า “ความคิดของใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ คล้ายจะต้องเป็นเจ้าเท่านั้น? นี่ความจริงจะมีแผนการอื่นหรือไม่?”
“ใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋คล้ายมีความคิดนี้จริงๆ ส่วนจะมีแผนการอื่นหรือไม่ ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ ” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า
เยว่เจิ้นเป่ยถาม “เจ้าเตรียมจะไปตอนไหน?”
เยี่ยนจ้าวเกอคิดมาแล้ว “หลังจากเตรียมการเสร็จจะออกเดินทาง ข้าจำเป็นต้องจัดการบางอย่าง”
“ข้าก็จะออกจากจักรวาลฟ้าฟื้นนี้ไปตามหาหมิงคงกับหลีหลีเช่นกัน” เฉินเสวียนจงเอ่ยขึ้น “การไปในครั้งนี้อาจกินเวลานานไปบ้าง ทุกท่านไม่จำเป็นต้องกังวล”
หลายปีมานี้ เฉินเสวียนจงมักออกไปค้นหาเจี่ยงหมิงคงกับฉู่หลีหลีศิษย์ทั้งสอง พบเจอร่องรอยไม่น้อย แต่สุดท้ายก็ยังคลาดกัน
การปรากฏตัวขึ้นของเขาในตอนที่ย้ายมรกตท่องฟ้าเมื่อก่อนหน้า ด้านหนึ่งเพื่อดึงดูดความสนใจของอีกฝ่าย ใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำ
อีกด้านหนึ่งเพื่อตามหาลูกศิษย์ทั้งสองของเขาจริงๆ
ปัจจุบันจักรวาลฟ้าฟื้นถูกก่อตั้งโดยสมบูรณ์ ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องเข้าฌานฝึกฝนในระยะเวลาอันสั้น ย่อมวางแผนออกเดินทางค้นหาต่ออีกครั้ง
“ผู้อาวุโสเฉินถ้าไม่ถือสา ข้าร่วมทางกับท่านเป็นอย่างไร?” เยี่ยนตี๋ว่า “พวกเราประสานงานช่วยเหลือกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอมองบิดาของตนเหมือนนึกอะไรได้ “ท่านจะทำลายพันธนาการแล้ว?”
“ยังไม่ใช่ เพียงแต่จำเป็นต้องออกเดินทาง” เยี่ยนตี๋ยิ้ม
ยี่สิบปีก่อน ตอนที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอนำห้าเขตและโลกเบื้องล่างจำนวนมากของโลกซ้อนโลกออกจากจักรวาลสำนักเต๋า เยี่ยนตี๋เข้าฌานปิดตาย ยืนอยู่นอกประตูเซียน ใกล้ระดับเซียนเพียงนิ้วสัมผัส
ต่อมาเขาก้าวเท้าก้าวนั้นได้ สำเร็จร่างเซียนจริงแท้ไร้ช่องโหว่ว ขึ้นสู่ระดับเซียน
ยี่สิบปีต่อมา เยี่ยนตี๋ได้ดูดซับแก่นโอสถและกลิ่นโอสถที่ตกค้างอยู่ในตำหนักโอสถ ค่อยๆ สั่งสม พลังฝึกปรือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความเร็วในการพัฒนาน่าตระหนก
โดยทั่วไปแล้ว ระดับพลังฝึกปรือยิ่งสูง ความเร็วในการเพิ่มระดับยิ่งช้า เวลาที่ต้องใช้ก็ยิ่งมาก
ยอดฝีมือที่ผลักเปิดประตูเซียนได้ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ใช่ชนชั้นธรรมดา
แต่ถึงแม้ศักยภาพจะไม่หมด เมื่ออยู่ในระดับเซียน คิดก้าวข้ามร่องน้ำทางธรรมชาติหลายสาย เพื่อไปด้านบนต่อ จำเป็นต้องใช้ความพยายามและการสั่งสมมากมาย
ขณะที่ยอดฝีมือระดับเซียนฝึกฝน การติดอยู่ในระดับใดระดับหนึ่งมากกว่าร้อยปีพันปี หรือหลายพันปีถือเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรน่าประหลาด
แม้จะเป็นอัจฉิรยะที่เก่งกาจ มีเส้นทางที่จำเป็นต้องเดิน และราคาที่จำต้องจ่าย ไม่อาจขาดไปได้
ทว่าสถานการณ์ของเยี่ยนตี๋ค่อนข้างพิเศษ
จิตพลังที่มุ่งไปด้านหน้าของการเปลี่ยนแปลงในธรรมชาติประสานกับตัวเขาในทุกๆ ด้าน ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นในตอนที่ต่อสู้กับผู้คนเท่านั้น ยังสามารถแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่สำคัญในการฝึกฝนประจำวันด้วย
ด่านยากมากมายสำหรับคนอื่นๆ สำหรับเยี่ยนตี๋แล้ว ล้วนสามารถบดขยี้ได้ตรงๆ!
นี่เป็นข้อได้เปรียบส่วนตัวตั้งแต่เกิดของเขา ลูกหลานรุ่นหลังยากจะแสดงออกมาได้
ทว่าความเด็ดขาดนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียง
การฝึกฝนของเยี่ยนตี๋ มีแต่ต้องไปด้านหน้า ถอยไม่ได้ สะกดไว้ไม่ได้
‘หลายปีมานี้ ท่านพ่อความจริงถูกผูกมัดไว้บ้าง’ เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจเงียบๆ
หลังมาถึงโลกซ้อนโลก ในเวลาส่วนใหญ่ ยอดฝีมือระดับสุดยอดของเขากว่างเฉิงมักจะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูก
ติดที่สภาพแวดล้อมบนโลกซ้อนโลกในตอนนั้น มีทั้งมิตรทั้งศัตรู คู่แค้นก็ไม่น้อย ดังนั้นเพื่อทำให้สำนักมั่นคง พวกเขาสองพ่อลูกถ้าหากมีใครคนใดคนหนึ่งออกไปด้านนอก เช่นนั้นอีกคนจำเป็นต้องอยู่เฝ้าเขากว่างเฉิง ป้องกันไม่ให้ศัตรูภายนอกฉวยโอกาสบุก
ด้วยสาเหตุต่างๆ นาๆ ในเวลาส่วนใหญ่จึงเป็นเยี่ยนจ้าวเกอออกไป เยี่ยนตี๋รั้งอยู่
ตอนที่ยังไม่ได้พบเสวี่ยชูฉิงเสวี่ย เยี่ยนตี๋คิดออกไปตามหาภรรยาของตนยังทำไม่ได้
นี่เป็นภาระหน้าที่ในฐานะเจ้าสำนักของเขา
เยี่ยนตี๋กลับไม่คิดว่านี่เป็นภาระ เปลี่ยนหน้าที่ให้เป็แรงผลักดัน ทำให้เขาทุ่มเทกว่าเดิม
ทว่าเมื่อมองจากมุมมองภายนอก นี่ความจริงเป็นพันธนาการไร้รูปร่างอย่างหนึ่งที่สะกดเยี่ยนตี๋เอาไว้
เป็นเพราะว่าถึงอย่างไรจิตดาบในดาบกฎเกณฑ์ของเยี่ยนตี๋ก็แตกต่างจากคนทั่วไปในด้านความพิเศษของการฝึกฝน จึงไม่อาจใช้หลักการทั่วไปมาวัดได้
ดังนั้นหลายปีมานี้ เยี่ยนตี๋จึงฝึกฝนบนเขากว่างเฉิงเป็นส่วนใหญ่ น้อยครั้งจะออกไปด้านนอก
ถึงหลายปีมานี้จะมีศัตรูอยู่ไม่น้อย ทั้งไม่ขาดการทำสงครามจริง ทว่ายังคงมีข้อบกพร่องในการฝึกฝนของจอมยุทธ์
การเอาแต่เข้าฌานฝึกฝนอย่างเดียว ไม่อาจกลายเป็นยอดฝีมือสะท้านโลกได้ตลอดกาล
ตอนนี้สถานการณ์ต่างไปจากเดิม จักรวาลฟ้าฟื้นซ่อนตัวและไม่ขึ้นกับใคร ตามเหตุผลแล้ว ตราบใดที่ไม่เผยร่องรอย ต่อให้ไม่มียอดฝีมือระดับสุดยอดคอยเฝ้าเลย ก็ยากจะถูกคนหาเจอ
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากฟ้าเหนือฟ้าแล้ว ปัจจุบันมรกตท่องฟ้าก็ยังอยู่ เยว่เจิ้นเป่ย เกาชิงเสวียน และหลงซิงเฉวียนยังอยู่ที่นี่
ในฟ้าเหนือฟ้า เขากว่างเฉิงไร้ศัตรู แม้เยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกจะออกไปพร้อมกันก็หาเป็นไรไม่
เสวี่ยชูฉิงกลับมาแล้ว เรื่องมรกตท่องฟ้าก็มีบทสรุป เยี่ยนตี๋ที่สะกดกลั้นมาหลายปี วันนี้ในที่สุดก็ต้องการเคลื่อนไหวแล้ว
คนที่คุ้นเคยกับการเพิ่งระดับพลังฝึกปรือของเยี่ยนตี๋ ล้วนเข้าใจหลักการที่อยู่ด้านในดี เฉินเสวียนจงพยักหน้าเบาๆ “ไม่มีใดไม่ได้”
“หน้าที่ในสำนัก คาดว่าท่านคงคิดไว้แล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย
เยี่ยนตี๋ว่า “ศิษย์พี่สองคนเหมือนกับอาจารย์ หลายปีมานี้เพ่งสมาธิไปกับการศึกษาระดับวรยุทธ์ส่วนตัวมากกว่าเดิม แต่ว่าคนหนุ่มสาวต่างเติบโตขึ้นมา สามารถจัดการอย่างเหมาะสมได้เอง”
………………..