ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1363 เขาสองเขตแดนที่ประหลาดพิกล
การแย่งชิงพลังศรัทธา สร้างความแข็งแกร่งแก่ความเชื่อของตัวเองของแดนสุขาวดีบัวขาวกับโถงเซียนเส้นทางนอกรีตทั้งสอง ดำเนินมาเป็นระยะเวลาหลายปีหลายปีแล้ว
เพราะว่าก่อนหน้านี้สั่วหมิงจางเข่นฆ่าเหล่าเซียนในโถงเซียน การต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายจึงเสียสมดุล แดนสุขาวดีบัวขาวฉวยโอกาสจู่โจมโถงเซียนอย่างกำเริบเสิบสาน
สุดท้ายสองฝ่ายต่างหาผู้ช่วย
ในฐานะศาสนาพุทธสายหลัก แดนสุขาวดีตะวันตกไม่ลงรอยกับศาสนาพุทธเส้นทางนอกรีตโดยกำเนิด จึงช่วยเหลือโถงเซียน
เผ่าปีศาจกลับยืนอยู่ข้างแดนสุขาวดีบัวขาว
ไม่ทราบว่ามีการตกลงกันไว้หรือไม่ ในเวลาส่วนใน สงครามระหว่างสองฝ่ายเป็นแดนสุขาวดีบัวขาวกับโถงเซียนคู่แค้นเก่าสู้กัน ส่วนแดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจที่มาช่วยเหลือเปิดสงคราม
ช่วงที่สลับกันมีค่อนข้างน้อย
เป็นเพราะว่าแดนสุขาวดีบัวขาวยึดครองสภาวะโจมตีฝ่ายรุก ดังนั้นการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายจึงมักเกิดขึ้นบนพื้นที่ของโถงเซียน
ตามข่าวที่เยี่ยนจ้าวเกอทราบในตอนนี้ นี่เป็นการก้าวสู่พื้นที่ของแดนสุขาวดีบัวขาวเป็นครั้งแรกหลังจากสงครามเริ่มเป็นต้นมาของผู้สืบทอดศาสนาพุทธสายหลักแห่งแดนสุขาวดีตะวันตก!
‘จุดเริ่มต้นของการโต้ตอบ หรือเป็นสัญญาณที่การต่อสู้ยกระดับขึ้นขั้นหนึ่ง?’ ชั่วพริบตาเดียวเยี่ยนจ้าวเกอเกิดความคิดมากมายในห้วงสมอง ‘แดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจต่างคิดจะส่งยอดฝีมือจำนวนมากกว่าเดิมเข้าร่วมการต่อสู้หรือ?’
ขณะที่คิด เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้เคลื่อนไหวช้าลงแม้แต่น้อย เร่งความเร็วพุ่งไปทางแดนขวางกั้นกับเฟิงอวิ๋นเซิง
หลังจากเข้ามาแล้ว ทิวทัศน์ตรงหน้าเป็นเหมือนเดิม
แต่ต่างไปจากอดีต เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งจะเข้ามา ที่หูก็มีเสียงคำรามที่เหมือนทะลุกาลเวลาหมื่นปีดังขึ้น
“ท่านอาจารย์?!”
ความกัดกลุ้ม ความไม่ยอม ความตื่นตระหนก ความเศร้าเสียใจ ความงงงวย ความผิดหวัง อารมณ์มากมาย เหมือนกับทะลุกาลเวลาและมิติช่องว่าง คงอยู่บนโลกใบนี้ตลอดกาล
ปัจจุบันเยี่ยนจ้าวเกอมีพลังฝึกปรือเหนือกว่าตอนที่มาที่นี่เป็นครั้งแรก
ทว่าวันนี้เสียงคำรามที่ดังขึ้นข้างหูเขา เหมือนกับดังกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ดังจนแก้วหูแทบฉีกขาด
ขณะเดียวกัน อารมณ์อับ้าคลั่งที่สั่นไหวจิตใจคนได้กระทบกระเทือนจิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอจนปั่นป่วนไปแวบหนึ่ง
“เป็นอย่างที่คาด ระดับพลังฝึกปรือยิ่งสูง กลับได้ยินชัดเจนขึ้นหรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังเฟิงอวิ๋นเซิง กลับเห็นนางมีสีหน้ามึนงง
พอสัมผัสได้ถึงสายตาถามไถ่ของเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิงก็เข้าใจความหมายของเขาในทันที แต่ความงุนงงสงสัยบนใบหน้ากลับชัดเจนกว่าเดิม “ท่านได้ยินเสียงนั้นอีกแล้ว?”
“เจ้า…ไม่ได้ยินหรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอจิตใจสั่นสะท้าน
“ไม่ได้ยิน” เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้าก่อน จากนั้นก็ส่ายหน้า “ในตอนที่มาเป็นครั้งแรก ท่านเคยพูดถึง ดังนั้นครั้งนี้พอเข้ามา ข้าก็ตั้งใจสัมผัสทันที แต่ว่าไม่ได้ยินเสียงอะไร กำลังสงสัยอยู่พอดี”
ครั้งนั้นนางเคยได้ยินเสียงที่เลือนราง เหมือนกับความรู้สึกหลอน ถ้าหากว่าไม่ใช่เยี่ยนจ้าวเกอถามขึ้น นางยังนึกว่าตัวเองหูฝาด
ปัจจุบันนางมีพลังเหนือกว่าตอนนั้น ถึงขั้นที่สูงกว่าเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ คิดไม่ถึงกลับไม่มีผลลัพธ์อะไร
เฟิงอวิ๋นเซิงกำลังขบคิดอยู่ว่าเสียงที่ดังมาจากเขาสองเขตแดนนั้นขาดหาย หรือคนที่ส่งเสียงไม่อยู่ สุดท้ายพอเห็นท่าทางของเยี่ยนจ้าวเกอ นางพลันใจเต้น
“นี่เป็นเรื่องอะไรกัน?” เฟิงอวิ๋นเซิงขมวดคิ้ว “พิลึกอยู่บ้างจริงๆ!”
เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายนึกอะไรได้ มองไปยังทิศทางของเขาสองเขตแดนที่อยู่ไกลออกไป
เสียงคำรามนั้นเหมือนคงอยู่ในอดีต ปัจจุบัน อนาคต ทุกช่วงเวลา ดังมาไม่ขาดสาย สะท้อนเสียงข้างหูเขาไม่หยุดยั้ง
ขณะใคร่ครวญ เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงสีหน้าสั่นไหนเล็กน้อย หันหน้าไปพร้อมกัน
สายตาของพวกเขาทะลุเขตแดนมิติเวลาของแดนขวางกั้น มองไปยังมิติจักรวาลด้านนอกโลก
ณ ที่แห่งนั้น พลังอันสั่นสะท้านถึงขีดสุดปรากฏ ภายใต้แสงสีทองอร่ามสาดส่อง เงาแสงหลายชั้นโผล่ขึ้นเหนือบัวเขียว ค่อยๆ กลายเป็นยอดฝีมือศาสนาพุทธที่มาจากแดนสุขาวดีตะวันตกคนแล้วคนเล่า
ผู้นำซ่อนร่างในแสงสีทอง ทำให้คนมองไม่เห็นรูปร่างชัดเจน แต่ว่านั่นเป็นเสียงสวดมนต์ที่ราวกับสั่นสะเทือนพุทธเกษตรไร้ขอบเขต ยังบอกเป็นนัยว่า นี่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ศาสนาพุทธที่เทียบได้กับเทวกษัตริย์สำนักเต๋าผู้หนึ่ง!
แดนสุขาวดีบัวขาวตอบสนองอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรก็มีบัวขาวหลายดอกบานขึ้นกลางจักรวาล ไม่ยอมน้อยหน้าบัวเขียว
ถึงแม้แสงสีบนดอกบัวจะไม่โชติช่วงเท่าบัวเขียว แต่ก็มีจำนวนมากมาย
ตัวตนที่เป็นผู้นำ เป็นยอดฝีมือศาสนาพุทธเส้นทางนอกรีตที่เทียบได้กับเทวกษัตริย์ของสำนักเต๋าเช่นกัน
กระนั้นดูจากพลังแล้ว กลับขาดอานุภาพมากกว่าคนที่เป็นผู้นำของแดนสุขาวดีตะวันตกซึ่งอยู่อีกด้าน
สองฝ่ายไม่ได้สู้กันโดยตรง เสียงสวดมนต์บนบัวเขียวได้กดอัดเสียงที่ดังออกมาจากบัวขาวลงไป
แสงพุทธโปร่งใสเหมือนเครื่องเคลือบ แต่ว่าขณะที่เรืองรองก็ทำให้คนมองไม่ชัดว่าข้างในเป็นอะไร ดูย้อนแย้ง แต่กลับมีความลี้ลับ รวมตัวกับมหามรรคาอย่างเงียบงัน
แต่ทันใดนั้นเอง เป็นเพราะสองฝ่ายวัดพลังกัน ฝ่ายหนึ่งที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบจึงได้รับการสะกด ความลี้ลับนี้ค่อยๆ สลายไป
แสงพุทธบนบัวขาวหยุดนิ่ง ค่อยๆ ปรากฏเงาร่างของพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอซ่อนความโกลาหลในร่าง โคจรคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต ทำลายผลกระทบจากแสงสว่าง เพ่งตามองพระพุทธเจ้าองค์นั้น
สองฝ่ายมีความแตกต่างด้านพลังฝึกปรือใหญ่หลวง ตามปกติการมองอีกฝ่ายตรงๆ เช่นนี้ยากจะไม่ถูกสัมผัสได้
แต่ว่าตอนนี้พระพุทธเจ้าที่อยู่บนแท่นบัวสีขาวนั้นกำลังถูกอีกฝ่ายกดดันอย่างดุร้าย กลับยากจะค้นพบเยี่ยนจ้าวเกอที่ซ่อนตัวอยู่ในแดนขวางกั้นแล้วมองมา
กลับเป็นเฟิงอวิ๋นเซิงมีระดับพลังฝึกปรือในตอนนี้ไม่ต่างจากอีกฝ่ายมาก พอเพ่งตามองไป เพราะกั้นไว้ด้วยโลกชั้นหนึ่ง ภายใต้การแบ่งแยกจิตใจ พระพุทธเจ้าองค์นั้นยากจะค้นพบเช่นกัน
พอเห็นรูปร่างของอีกฝ่ายชัด เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าอดเปลี่ยนเป็นประหลาดพิกลไม่ได้
เฟิงอวิ๋นเซิงมองเขา “รู้จัก?”
“ยังไม่อาจยืนยัน ก่อนหน้าแค่เคยเห็นภาพเหมือน แต่ดูคล้ายจริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอเบ้ปาก “นับว่าโด่งดังยิ่ง อดีตเซียนกวงติ้งหูยาว ภายหลังเข้าสู่ศาสนาพุทธ องค์ที่เรียกว่าเรียกนันทิเกศวรติ้งกวง”
เฟิงอวิ๋นเซิงงุนงง “ท่านนั้นเอง…หลังจากนั้นเขาเข้ากับแดนสุขาวดีบัวขาวหรือ?”
“ดูท่าทางจะใช่ แต่ก็ประหลาดอยู่บ้าง” เยี่ยนจ้าวเกอละสายตา “ไม่ว่าพฤติการณ์ของเขาจะเป็นอย่างไร แต่ว่ากันว่าเซียนก่วงติ้งหูยาวสำเร็จระดับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลในยุคสถาปนาเทพยุคโบราณตอนต้น แต่ท่าทางของเขาในตอนนี้เป็นระดับเซียนสวรรค์ของเส้นทางนอกรีตอย่างชัดเจน”
ระดับการฝึกฝนในศาสนาพุทธมีการแบ่งเป็นของตัวเอง
พระพุทธเจ้า โพธิสัตว์ อรหันต์ คะเต คำเรียกเหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นคำเรียกยกย่อง ไม่ใช่ชื่อระดับ
เพียงแต่ว่าทางสำนักเต๋าเคยชินกับการใช้ชื่อเหล่านี้มาเปรียบเทียบกับระดับเซียนสวรรค์ เซียนกำเนิด เซียนลี้ลับ เซียนจริงแท้ เพื่อให้แบ่งแยกได้สะดวก
บางครั้งก็ปรากฏสถานการณ์ที่มหาโพธิมีพลังต่อสู้กับขีดความสามารถไม่ด้อย หรือถึงขั้นแกร่งกว่าบรรดาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
อย่างเช่นพระโพธิสัตว์ทั้งหลายเช่นมัญชุศรี สมันตภัทร กวนอิม กษิติครรภ มหาสถามปราปต์ ก็สุดที่จ้าวสวรรค์เซียนกำเนิดสำนักเต๋าจะเปรียบเทียบได้ เทียบได้กับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลของสำนักเต๋า
กระนั้น นันทิเกศวรติ้งก่วง ก่อนที่จะเข้าศาสนาพุทธ ได้เลื่อนสู่ตำแหน่งเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาล
ทว่าตอนนี้ดูจากพลังของเขา กลับเหมือนเซียนกำเนิดศาสนาพุทธ หลังจากรับการเทศนาจากพระศรีอาริย์ ก็มีลักษณะเหมือนรุดหน้าขึ้นอีกก้าว ขึ้นสู่สวรรค์ชั้นมหาชาลอีกคราหนึ่ง
น่าเสียดาย เป็นระดับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลของเส้นทางนอกรีต
ถึงจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงของเส้นทางนอกรีต ทว่าแข็งแกร่งก่อนกลายเป็นพระพุทธเจ้าหรือไม่ ยังไม่แน่
‘ประสบภัยพิบัติหรือ?’ เยี่ยนจ้าวเกอไตร่ตรอง ‘กลับไม่ทราบว่าใต้แสงทอง บนบัวเขียวอีกด้านหนึ่งเป็นผู้ใด?’
………………..